ใส่ฮากามะเดินเล่นศาลเจ้า Chichibu กันค่ะ …วันนี้มาแต่งตัวสวยตามรอยอนิเมชั่นที่ใช้เมืองชิจิบุนี้เป็นฉากในเรื่องกันค่ะ แหม ก็เห็นโปสเตอร์โฆษณาอนิเมะกันมาตั้งแต่วันแรกที่ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวหน้าสถานี Seibu-Chichibu ขอจัดกันนิดนึงสิคะ (^^)
ตอนเช้าเราออกจากโรงแรมไปเล่นสนุก แต่งตัวสวยตามรอยอนิเมชั่นที่ใช้เมืองนี้เป็นฉากในเรื่องกันค่ะ แหม..ก็เห็นโปสเตอร์โฆษณาอนิเมะกันตั้งแต่วันแรกที่ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวหน้าสถานี Seibu-Chichibu ขอจัดกันนิดนึงสิคะ นานๆ จะมาแอ๊บเป็นสายอนิเมะ ฮะ ฮะ .. โดยเราสามารถไปเช่าชุดกันได้ที่พิพิธภัณฑ์ชิจิบุเมเซ็น (Chichibu Meisenkan) ที่นี่เน้นการแสดงเรื่องงานผ้าไหม ส่วนร้านที่มาให้บริการเช่าชุดนั้นชื่อ Potepote Meisen ค่ะ ค่าเช่าจะอยู่ที่ 3,000 เยน แต่ต้องมาคืนชุดไม่เกิน 15.30 น. นะคะ ส่วนการจอง (ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน) จองผ่านเว็บไซต์ต้องใช้ skill ภาษาญี่ปุ่นกันเล็กน้อย แต่น่าจะใช้ Google ช่วยแปลได้นะคะ เพราะแบบฟอร์มเขาเป็นแบบง่ายๆ ถ้าจะจองเป็นภาษาอังกฤษ จองผ่านอีเมล์ได้เลยค่ะ
ทางร้านจะมีชุดให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย แต่ถ้ามาตามรอยอนิเมะอย่างพวกเรา ก็จะมีชุดของตัวเอกจากเรื่อง Kokosake แล้วก็เรื่อง Anohana มาให้เลือกค่ะ สองเรื่องนี้ใช้ทีมสร้างเดียวกัน ทำมาจาก Light Novel ยอดนิยม โดย Anohana นั้นปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในหมู่แฟนๆ Light Novel และ Anime กันอยู่แล้ว ส่วน Kokosake กำลังจะเข้าโรงภาพยนตร์ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2017 นี้ที่ญี่ปุ่น … เพื่อนๆ แก๊งค์เราเลือกแต่งกันจนครบ เข้าคอนเซ็ปกันหมดแล้ว เราเลยขอแหวกแนว เลือกเป็นฮากามะ (ชุดญี่ปุ่นแบบหนึ่ง) ที่เป็นลายกราฟฟิกนิดนึง แนวไปอี๊กกกก
ใช้เวลาใส่กันเล็กน้อย ประมาณ 20 นาที เพราะหนึ่งชุดมันหลายชิ้น ถ้าเป็นฮากามะก็จะประกอบไปด้วยเสื้อตัวใน (ซับในบางๆ) เสื้อท่อนบน ชุดท่อนล่าง (ผ้าฮากามะ) ถุงเท้า (ทาบิ) และรองเท้า (เกตะ) ซึ่งอันที่จริงแล้วยังมีผ้าชิ้นเล็ก อุปกรณ์ชิ้นน้อย ในการช่วยยึดและทำให้ดูสวย นี่แหล่ะจุดที่ทำให้แต่งองค์ทรงเครื่องกันนานหน่อย อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องลงทุนถอดของเราหมดก่อนแต่งชุดฮากามะนะคะ นี่..ใส่เสื้อกล้าม แล้วพับขากางเกงยีนส์เอาค่ะ เวลาเดินทะมัดทะแมน แมนเว่อร์ๆ
ถ้าเช่าร่มแบบญี่ปุ่นเพิ่ม ก็จะดูฟินเฟ่อร์ (วันที่เราไป แอบแดดร้อน จึงต้องจัดซะหน่อย) แหม… แต่งตัวสวย กางร่ม ชมเมืองนี่ได้อารมณ์ อินจริง อะไรจริงนะคะ เวลาใส่รองเท้าเกตะหนีบๆ แล้วเดินไป เตะฮากามะไป (ป้องกันตัวเองซุ่มซ่ามเหยียบชุดหัวทิ่ม) เดินที ขึ้นบันไดที อะไรอย่างงี้ แปลกๆ แต่ก็สนุกดีนะ ฮ่าๆ …ที่สำคัญคนญี่ปุ่นท้องถิ่นไม่ค่อยสนใจเรามาก เท่ากับเวลาแต่งชุดจัดเต็มแล้วเจอนักท่องเที่ยวตามเมืองใหญ่ ท่านเหล่านั้นชอบจ้อง จ้องเราราวกับเข้าสวนสัตว์


พิพิธภัณฑ์ชิจิบุเมเซ็น (Chichibu Meisenkan/秩父銘仙館) / ร้านเช่าชุดโปเตะโปเตะ เมอิเซ็น (Potepote Meisen/ぽてぽて銘仙)
ที่ตั้ง : พิพิธภัณฑ์ชิจิบุเมเซ็น 28-1 Kumaki-cho, Chichibu-shi, Saitama Prefecture
เปิด-ปิด : 09.00 – 16.00 น. ปิดวันหยุดยาวช่วงปีใหม่
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 200 เยน / ค่าเช่าชุด 3,000 เยน (ชุดประกอบด้วยเสื้อตัวบน ผ้าฮากามะ ชุดซับใน ถุงเท้าทาบิ และรองเท้าเกตะ รวมภาษี 8% แล้ว และคืนชุดไม่เกิน 15.30 น.)
การเช่าชุด : ต้องจองล่วงหน้า!! โดยกรอกแบบฟอร์มที่ https://potemeisen.wordpress.com/予約・問合せ/ (ภาษาญี่ปุ่น) หรือจองทางอีเมล์ (ภาษาอังกฤษก็ได้) ที่ orimono@ceres.ocn.ne.jp หรือโทร 0494-21-2112 (เบอร์ญี่ปุ่น)
การเดินทาง : เดินจากสถานี Seibu-Chichibu ประมาณ 5 นาที หรือจากสถานี Ohanabatake ประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ : http://www.meisenkan.com/ (พิพิธภัณฑ์ชิจิบุเมเซ็น), https://potemeisen.wordpress.com/ (Potopote Meisen)


แต่งตัวเสร็จ เราก็ไปเดินเล่นแถวๆ ศาลเจ้าชิจิบุ (Chichibu Jinja) กันค่ะ




ศาลเจ้าแถวนี้นี่มีแต่เก่าแก่จริงๆ นะ อย่างศาลเจ้าชิจิบุนี่ก็มีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ยาวนานกว่า 2,100 ปีเลยนะ โดยสร้างขึ้น 86 ปีก่อนคริสตกาล อาคารต่างๆ มีความโบราณ แต่ก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี (วิหารหลักในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1592 โดยเงินบริจาคของโชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสุ) ภาพแกะสลักตามวิหารของที่นี่ก็ถือว่าเป็นไฮไลท์ทีเดียวนะคะ แต่ละทิศของตัววิหารหลักมีรูปสัตว์สัญลักษณ์ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นถูกแกะสลักเอาไว้ และที่นี่มีภาพแกะสลักลิงสามตัว (โอเก็งคิซันซารุ) คล้ายๆ กับศาลเจ้าโทโชงุ ที่เมืองนิกโก้ จังหวัดโทชิงิ ด้วยนะ เพียงแต่ที่นี่ไม่ใช่ลิงปิดหู ปิดตา ปิดปาก ตรงกันข้าม มันเปิดหมด!! เพื่อเปิดรับแต่สิ่งดีๆ คือตั้งใจ “ดูให้ดี ฟังให้ดี พูดให้ดี” นั่นเองค่ะ






ถ้ามาเดินเล่นที่นี่ ค่อยๆ ชมสถาปัตยกรรมไปเรื่อยๆ สมาธิน่าจะบังเกิด… เพราะถึงที่นี่จะเป็นศาลเจ้าที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ผู้คนมาเยือนวันละไม่น้อย (ก็ถือเป็นศาลเจ้าสำคัญประจำเมืองนี่นา) แต่บรรยากาศการมาสักการะศาลเจ้าแห่งนี้ ค่อนข้างเป็นไปอย่างสงบนะคะ สมแล้วที่เป็นศาสนสถานของญี่ปุ่น












ศาลเจ้าชิจิบุ (Chichibu Jinja)
ที่ตั้ง : 1-3 Banba-machi, Chichibu, Saitama Prefecture 368-0041
เปิด-ปิด : 06.00 – 20.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานี Chichibu (Chichibu Railway) หรือ 15 นาทีจากสถานี Seibu-Chichibu
เว็บไซต์ : http://www.chichibu-jinja.or.jp/
นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงกับศาลเจ้าชิจิบุ ยังมีร้านรวง ที่ขายสินค้า ของฝาก ของที่ระลึก สินค้าท้องถิ่นที่น่าสนใจหลายร้าน เราเดินเข้า เดินออก แวะร้านนู่น ช้อปร้านนี้กันไปเรื่อย ซึ่งถ้ามีเวลาเดินจริงๆ ลองใช้ถนนบังบะโดริ (Banba-dori) ถนนสายตรงที่ทอดตัวจากศาลเจ้าชิจิบุสู่สถานี Ohanabatake และ Seibu-Chichibu ดูนะ ร้านเก่าแก่แต่มีความเก๋เยอะเชียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นร้านขนมหรือร้านกาแฟ



ใกล้ๆ กับศาลเจ้ามีศูนย์จัดแสดงงานเทศกาลชิจิบุ (Chichibu Matsuri Kaikan หรือ Chichibu Festival Center) ก็เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวเทศกาลชิจิบุ ซึ่งเป็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญมากในแถบนี้ มีการโชว์เกี๊ยวที่เค้าใช้ในช่วงงานเทศกาลประกอบแสง สีเสียง นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบของงานเทศกาลนี้อีกหลายส่วนถูกจัดแสดงไว้ภายในอาคาร ใครชอบแนวศิลปวัฒนธรรม น่าจะชอบนะคะ ก่อนออกจากศูนย์ฯ เราก็มาแวะถ่ายรูปเล่น คู่กับป้ายแบบนี้ ถ้าถ่ายถูกมุมกล้อง จะได้รูปเจ๋งๆ นะเออ …







ศูนย์จัดแสดงงานเทศกาลชิจิบุ (Chichibu Matsuri Kaikan)
ที่ตั้ง : 2-8 Banba-machi, Chichibu, Saitama Prefecture 368-0041
เปิด-ปิด : 09.00 – 17.00 น. (เดือนเมษายน – พฤศจิกายน) / 10.00 – 17.00 น. (เดือนธันวาคม – มีนาคม)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 410 เยน นักเรียน 200 เยน
การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานี Chichibu (Chichibu Railway) หรือ 15 นาทีจากสถานี Seibu-Chichibu
เว็บไซต์ : http://www.chichibu-matsuri.jp/
ขอแต่งตัวสวยไปกินกลางวันกันก่อนจะคืนชุด 😉

เพื่อมื้อกลางวัน เราเดินกลับมาที่สถานี Chichibu (Chichibu Railway) ที่บริเวณชั้น 2 ของศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น (อาคารสถานีรถไฟชิจิบุ) มีร้านอาหารชื่อว่า Shunka ค่ะ เราไปจัดมื้อสุดท้ายในชิจิบุกันที่ร้าน Shunka ค่ะ
ที่นี่มีเมนูฮิตประจำเมือง ชื่อว่า ทงคัทสึ วาราจิ ด้วยความใหญ่ยักษ์ของทงคัทสึที่เสิร์ฟมาแบบล้นชาม เพราะเขาเอาเนื้อหมูขนาดเท่ากับสองชิ้นใหญ่ มาทอดแบบเป็นชิ้นเดียวไปเลย เอาตะเกียบคีบยกขึ้นมาจากถ้วย (แทบยกไม่ขึ้น) ขนาดใหญ่กว่าหน้าพวกเราอีกค่าาาาา สีสันก็ทำได้สมชื่อวาราจิ (รองเท้าฟาง) สีส้มทองประมาณนั้นเลย ด้วยราคาเช็ทละ 950 เยน ถือว่าคุ้มมาก


เวลากินก็แล้วแต่เทคนิค บางคนก็ใช้ตะเกียบค่อยๆ แซะไปเรื่อยๆ สไตล์คุณสุภาพสตรีสุภาพบุรุษ บางคนก็ค่อยๆ แทะเล็มขอบๆ เป็นวงกลม สนุกกันไปคะ เนื้อหมูทงคัทสึมีความบางค่ะ เคี้ยวง่าย รสชาติไม่จัดจนเกินไป ซอสที่ใส่มาก็ช่วยชูรสได้ดีนะคะ ส่วนเพื่อนๆ ที่ไม่กินหมูก็จัดเป็นเนื้อไก่กันไปค่ะ ปิดท้ายด้วยขนมมันฝรั่งราดซอสมิโสะ (350 เยน) ขนมท้องถิ่นประจำเมืองชิจิบุ เคี้ยวหนึบหนับ และล้างปากด้วยกาแฟในเซ็ตอีกนิด อิ่ม อร่อยค่ะ


ร้านซุนกะ (Shunka)
ที่ตั้ง : อาคารสถานีรถไฟชิจิบุ (Chichibu Railway) ชั้น 2
เปิด-ปิด : 11.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : สถานี Chichibu (Chichibu Railway)
เว็บไซต์ : http://www.shunka2009.com/
—————————————
อิ่มจากชั้น 2 ลงมาย่อยด้วยการเดินช้อปที่บริเวณชั้น 1 ซึ่งเป็นศูนย์รวมของฝากขึ้นชื่อของเมืองชิจิบุกันค่ะ โดยศูนย์อุตสาหกรรมท้องถิ่นแห่งนี้ นอกจากจะมีทั้งของสดและของแห้ง ไว้เอาใจทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ..ที่นี่ก็ยังมีโซนที่เป็นร้านค้าปลอดภาษีด้วยนะคะ รวมๆ แล้ว มีสินค้าถึงกว่า 2,800 รายการ ค่อยๆ เลือกกันดูไปค่ะ



ศูนย์อุตสาหกรรมท้องถิ่น (The Chichibu Local Promotion Center / Chichibu Sta. Jibasan Center)
ที่ตั้ง : อาคารสถานีรถไฟชิจิบุ (Chichibu Railway) ชั้น 1
เปิด-ปิด : 09.30 – 17.00 น.
การเดินทาง : สถานี Chichibu (Chichibu Railway)
เว็บไซต์ : http://www.jiba.or.jp/chichibu/
—————————————
ลอกคราบอนิเมะ แปลงร่างกลับมาเป็นมนุษย์ยุคปัจจุบัน คืนชุด… แล้วออกนอกตัวเมืองไปสวนสตรอเบอรี่กันค่ะ!!
งานสตรอฯ ต้องมา! ที่ชิจิบุนั้นมีสวนสตรอเบอรี่หลายสวนนะคะ แต่สวนนี้นับว่าครบเครื่องสมชื่อ Komatsuzawa Leisure Farm เพราะเขามีกิจกรรมไว้เอาใจนักท่องเที่ยวหลายอย่าง ไม่ได้มีแต่เก็บสตรอเบอรี่ จึงสามารถมาท่องเที่ยวกันได้ทุกฤดูกาล จะมาเก็บเห็ด เด็ดองุ่น ทำโซบะ อบพิซซ่า ตกปลา เข้าคอร์สทำนู่น นี่ นั่น เชื่อว่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาแล้ว ต้องเอ็นจอยมากๆ แน่เลยค่ะ (ขนาดเรามาแค่ลุยสวนสตรอเบอรี่.. พอเห็นส่วนอื่นๆ ที่ดูร่มรื่น ร้านอาหารก็น่านั่งเล่นแล้ว อยากอยู่นานๆ เลยค่ะ)




แต่ว่ามาช่วงนี้ (ธันวาคม – มิถุนายน) มีสตรอเบอรี่ให้เก็บ ก็จัดไป!!
ในสวนสตรอเบอรี่วันนี้มีให้เราเลือกเก็บ 2 พันธุ์ค่ะ คือเบนิฮปเปะ เจ้านี่เราเก็บบ่อย เรียกว่าเป็นพันธุ์ที่เกือบทุกสวนจะมี มีความหวานฉ่ำ และอมเปรี้ยวเล็กๆ ส่วนอีกพันธุ์คือยาโยอิฮิเมะ พันธุ์นี้รสค่อนข้างหวานทีเดียวเชียวแหล่ะ ใครชอบแบบไหนก็เก็บกันตามชอบ 30 นาทีทองนี้ เก็บกินกันให้เพลินไปเลยค่ะ ราคา 1,200 เยน ใครติดที่จะกินกับนมข้นหวานสไตล์ญี่ปุ่น เค้าก็มีให้ หรือจะกินเพียวๆ เลยก็จัดไปตามอัธยาศัย



สำหรับพวกเรานั้น กินกันไม่จบในสวนน่ะสิค่ะ ที่เก็บมาสดๆ ไม่กินก็ช่างน้ำหนักคิดราคาหน้าสวนกันไป (100g = 150 เยน ซึ่งราคานี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้) สวนใครกินอิ่มแล้วก็ยังจะซื้อไปกินต่อที่โรงแรมหรือซื้อไปฝากคนอื่นอี๊กกกกก ก็ไปดูในส่วนของโซนของฝากประจำฟาร์มได้ บอกเลยว่าสตรอเบอรี่ที่นี่ชิมแล้วรสดี ราคาก็ไม่แพง ซื้อหน้าฟาร์ม ซื้อไปเหอะ คุ้มเกินคุ้ม!! แก๊งค์เรานี้ … เรียกว่าหอบหิ้วกันเลยทีเดียว





ฟาร์มสตรอเบอรี่โคมัตสึซาว่า (Komatsuzawa Leisure Farm)
ที่ตั้ง : 1408 Yokoze-machi, Yokoze, Chichibu, Saitama Prefecture 368-0072
เปิด-ปิด : 10.00 – 16.00 น.
ค่าใช้จ่าย : เก็บสตรอเบอรี่ 1,200 – 1,700 เยน/30 นาที (แล้วแต่ช่วงเวลา คือต.ค – ก.พ. จะแพงสุด)
การเดินทาง : มีรถรับส่งจากสถานี Yokoze (Seibu-Chichibu Line) 12.50, 13.50, 14.50, 15.50 และจะเพิ่มเที่ยวรถในช่วงวันหยุดพิเศษ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : http://www.komatsuzawa.co.jp
—————————————
และแล้วก็ได้เวลากลับบ้าน
กลับไปรอขึ้นรถไฟ Red Arrow ที่สถานี Seibu-Chichibu กันนะคะ แต่ๆๆๆๆ ใครว่าเราจะกลับกันง่ายๆ ที่สถานีนี้มีโซนช้อปปิ้งใหญ่เบิ่ม ของฝากท้องถิ่นจัดมาเต็ม หรือจะไปนั่งหาอะไรชิมในโซนอาหารรอเวลารถไฟก็ได้ (มาช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เมนูขายดีก็พวกซอฟท์ครีม น้ำแข็งไส นี่แหล่ะค่ะ)





ที่นี่มีออนเซ็นด้วยล่ะ เค้าสร้างขึ้นมาในธีมของเทศกาลชิจิบุ (Chichibu Matsuri) ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นนิยมกันมาก เมื่อเข้าไปด้านในแล้ว จะเหมือนกับอีกโลกหนึ่งเลยค่ะ จะลืมไปเลยว่าเราอยู่ที่สถานีรถไฟ!! สามารถอินกับการอาบน้ำแร่ แช่ตัว ชมบรรยากาศสวน ทั้งแบบในร่มและแบบกลางแจ้ง ราคาถือว่าคุ้ม! เริ่มต้นที่ 980 เยนเท่านั้น ถ้าจะเช่าชุด เช่าผ้าขนหนู ก็เพิ่มกันไป
…น่าเสียดาย วันที่เราไปนี้ ปิดปรับปรุง T_T


Matsuri no yu
ที่ตั้ง : สถานีรถไฟ Seibu-Chichibu
เปิด-ปิด : 10.00 – 18.00 น. (ออนเซนเปิด 10.00 – 24.00 น. แล้วแต่วัน ส่วนวันหยุดจะมีเปิดรอบเช้า 06.00 – 09.00 น. ด้วย)
ค่าบริการ : ออนเซนผู้ใหญ่เริ่มต้นที่ 980 เยน เด็ก 600 เยน / ออนเซนรอบเช้าผู้ใหญ่ 760 เยน เด็ก 500 เยน)
เว็บไซต์ : http://www.seibuchichibu-matsurinoyu.jp/matsuri
เราว่านะ ถึงสถานี Seibu-Chichibu จะแลดูอยู่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ๆ แต่ว่าความครบ ความพร้อมนั้น ถือว่าดีงามทีเดียว ทั้งจุดบริการนักท่องเที่ยว จุดเช่าจักรยาน ศูนย์รถบัส จะขึ้นแท็กซี่ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็สะดวก ป้ายรถเมล์ก็มี เดินอีกนิดก็ถึงสถานีรถไฟท้องถิ่น จะไปไหนมาไหนก็สบาย มีที่ให้ช้อปปิ้ง – หาของกิน – แช่ออนเซ็น ถ้ามีโรงแรมอีกสักอย่าง นี่ก็ … สบายไปเลย เราว่าสถานีนี้ครบจริงจัง
เอาล่ะ ได้เวลากลับบ้านแล้ว นั่ง Red Arrow กลับโตเกียว ต่อเข้าสนามบินฮาเนดะ เช้าวันต่อมา เราก็มานอนตีพุงอยู่กรุงเทพฯ พร้อมลุยงานกันต่อแล้วค่ะ



ทริปต่อๆ ไป เราจะไปเที่ยวไซตามะในส่วนอื่น นอกเมืองโอมิยะ และชิจิบุกันบ้าง
ไซตามะ ยังมีอะไรเจ๋งๆ อีก ที่เรายังไม่ได้เห็น … รอติดตามกันด้วยนะคะ (^^)/
เรื่องแนะนำ :
– รีวิวเที่ยวไซตามะ (3) ล่องเรือ Nagatoro และขอพรศาลเจ้าแห่งเงินตรา
– รีวิวเที่ยวไซตามะ (2) เดินทางสู่ Chichibu … ชมทุ่งดอกป๊อบปี้
– รีวิวเที่ยวไซตามะ (1) เยี่ยมเมือง Omiya
ขอบคุณข้อมูล :
http://www.city.saitama.jp/
http://saitama.namjai.cc/
http://anitabi.net/blog/2015/07/kokosake.html
http://www.anohana.jp/
https://navi.city.chichibu.lg.jp/
http://www.chichibuji.gr.jp/
http://www.seibuchichibu-matsurinoyu.jp/matsuri