วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ของผมที่เคยคลุกคลีกับเจ้าวีดีโอเกม และมาฟื้นความจำว่าตั้งแต่อดีตมันมีเครื่องรุ่นไหน เกมไหนบูม ไปพร้อมๆ กันนะครับ
ถ้าพูดถึงวีดีโอเกม (Video Game) หลายคนคงเคยเล่นมาไม่มากก็น้อย บางคนก็ติดเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ในคนที่วัย 30 อัพอย่างผมที่เติบโตมาคู่กับเจ้าวีดีโอเกม ผ่านเครื่องเล่นเกมมาแล้วหลายเจเนอเรชั่น ผ่านเกมฮิตมาหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ภาพ 8 บิทยัน 3D วันนี้เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ของผมที่เคยคลุกคลีกับเจ้าวีดีโอเกม และมาฟื้นความจำว่าตั้งแต่อดีตมันมีเครื่องรุ่นไหน เกมไหนบูม ไปพร้อมๆ กัน
สมัยเด็กๆ บอกได้เลยว่าผมเป็นคนที่บ้าเกมมาก จนบางคนเรียกกันว่า “เซียน” อย่างเกมพวกมาริโอ้ ไม่ว่าจะเป็น มาริโอ้ 1-2-3 ในเครื่อง Family หรือ มาริโอ้ เวิลด์, มาริโอ้ โกคาร์ท และมาริโอ้ อาลาดิน ในเครื่อง Super Famicom บอกได้เลยว่ารู้จักทุกซอกทุกทริค ไม่ว่าจะเป็นการปั๊มป๊อก 99 ตัว การว๊าบฉาก เล่นแบบไม่ตาย เล่นแบบเคลียร์ทีทุกด่าน มาเหอะขอให้บอก หรือว่าจะเป็นพวกเกมภาษา การปั๊มพวก HP EXP MP ให้เป็น 9999 เนี่ยเรื่องหมูๆ หรือว่าจะเป็นการพิชิตเกมแอคชั่นกึ่งภาษาที่ต้องคอยแก้ปริศนามหาโหดตลอดเกมอย่าง Zelda เวอร์ชั่น Super Famicom ก็จบมาแล้วโดยไม่พึ่งบทสรุปหรือหนังสือเฉลยเกม จนมาถึงเกมฟุตบอลตั้งแต่ยุค Perfect Eleven, J-League บนเครื่อง Super Famicom จนมาถึงGoal Storm, Winning Eleven จนมาถึง Pro Evolution Soccer (PES) บนเครื่องตระกูลPlay Station ในปัจจุบัน ขอบอกว่าช่วงพีคๆ เนี่ย “ใครก็ได้” และจำพวกเกมต่อสู้ Street Fighter, King of Fighters, Samurai Shodown, ใครจะเซียนจะเทพมาจากไหนมาเหอะขอปราบ ในสมัยนั้นพวกเกมต่อสู้พวกที่เล่นเทพๆ เก่งๆ จริงๆ มาสู้กันนะ ถ้าใครพลาดโดน Hit แรกบอกได้คำเดียวว่าปล่อยจอย เพราะเค้าจะต่อคอมโบกันจนเลือดหมดหลอดอะ
ความบ้าเกมของผมทำให้ผมมีความทรงจำที่ดีกับเจ้าวีดีโอเกมตลอดมา เชื่อมั้ยว่าผมยังจำวิธีหรือทริค สูตรโกง (สมัยนั้นเค้าเรียกว่า “เล่นเหม็น”) ได้เกือบทุกเกม และลำดับการวิวัฒนาการ ของเจ้าเครื่องแต่ละรุ่นได้ดี จะมาไล่ให้ฟังตามประสบการณ์ตรงของผมนะ
Atari 2600 (1977)

เริ่มแรกเลยกับ เครื่อง Atari 2600 เป็นเครื่องวีดีโอเกมรุ่นแรกที่ได้เล่น (ประมาณ ป.3) เชื่อว่าเซียนเกมรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก เป็นเครื่องเกมที่แสดงผลหน้าจอเป็นอัตราบิท คาดว่าไม่น่าจะเกิน 6 – 8 บิท แต่เจ้าเครื่องนี้แหละเป็นต้นกำเนิด (สำหรับผมนะ) เกมอย่าง Dig Dug Galaxian Pac-Man เกมสุดคลาสสิค สำหรับผมเจ้าเครื่องนี้เป็นการเริ่มปรับทักษะก่อนที่จะเข้าวงการบ้าเกมอย่างเต็มตัว

Family Computer (1985)

Family Computer เป็นจุดกำเนิดให้ผมเริ่มติดเกมแบบงอมแงม เพราะเป็นเครื่องที่มีมนต์เสน่ห์ของเกมระดับตำนานเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Contra ที่เด็กในยุคนั้นต้องท่องจำสูตร 30 ตัวของเกมนี้ได้ขึ้นใจได้ดีกว่าตำราเรียน ขึ้น ขึ้น ลง ลง ซ้าย ขวา ซ้ายขวา B A เชื่อมั้ยว่าผมเล่นเกมนี้จนจำจังหวะของศัตรูที่ออกมา และจำนวนกระสุนที่ศัตรูยิงได้หมด และเล่นต้นจนจบแบบไม่ตายสักตัว พูดง่ายๆ ถ้าตายตัวนึงก็กดเริ่มใหม่อะ เกมนี้จะสนุกเมื่อเล่นลุยสองคน ต้องเล่นกับคนที่เข้าขาและไม่มีการ “ดึงฉากกัน” ถึงจะเรียกได้ว่าเซียนเกมนี้ และสูตร 30 ตัวในเกมนี้ยังนำไปใช้ได้กับเกมยานอวกาศสุดมันอย่าง Gradius และเกมอื่นๆ อีกหลายเกม Family Computer ยังมีเกมระดับตำนานอีก อย่างเช่น เกมมาริโอ้ 1, 2, 3 เกมภาษาดูดตังค์เช่น Final Fantasy 1, 2, 3 เกมภาษาที่ใช้การเดินเกมและต่อสู้จากไพ่อย่าง Dragon Ball 1, 2, 3 Dragon Ball Z 1, 2, 3 และเกมอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน เอาเป็นว่าเครื่อง Family Computer เป็นเครื่องที่เป็นตำนานละกัน
การเล่น Contra ขั้นเทพ
Sega Mega Drive (1988)

หลังจากที่กำลังมันกับเครื่อง Family Computer อยู่ไม่นานอาเจ็กร้านเกมก็ได้หิ้วเจ้าเครื่องดำๆ ที่มีชื่อว่า Sega Mega Drive เข้ามาและเปิดค่าเล่นถึงชั่วโมงละ 40 บาท (ในขณะที่เครื่อง Family Computer ในตอนนั้นอยู่ที่ชั่วโมงละ 20 บาท) มาพร้อมกับเกมแข่งมอเตอร์ไซค์บ้าดีเดือดอย่าง Road Rash เกมต่อสู้สุดโหด Mortal Kombat และเกมลุยที่มีสไตล์อย่าง Michael Jackson’s Moonwalker เจ้าเครื่อง Mega Drive นี้มาพร้อมกับภาพที่สวยงามกว่าทางค่าย Nintendo ที่มีการแสดงผลขึ้นมาเป็น 16 บิท ทำให้เริ่มเกิดการแบ่งชนชั้นในร้านเกมกันเกิดขึ้น พวกที่มีตังค์หน่อยก็จะเล่นMega Drive พวกเบี้ยน้อยหอยน้อยก็จะเล่นแค่ Family Computer
Super Nintendo (1990)

หลังจากที่ปล่อยให้ค่าย Sega Mega Drive ทำหรูอยู่พักใหญ่ ทาง Nintendo ก็ได้เปิดตัว Super Famicom มาพร้อมกับปุ่มบนจอยที่เพิ่มขึ้น B A X Y L R และเกมฮิตๆ ภาพสวยๆ มากมาย อย่าง มาริโอ้ เวิลด์ ที่มาพร้อมผู้ช่วยใหม่เจ้าไดโนครึ่งก็อตจินาม “Yoshi” และการลากสุดยอดเกมต่อสู้ Street Fighter จากเกม arcade (เกมตู้) มาลงตลับเล่นกันในรูปแบบวีดีโอเกม และเกมอีกมากมายที่ค่ายเกมพร้อมใจกันผลิตเกมป้อนให้เจ้าเครื่อง Super Famicom ทำให้เครื่องเล่นวีดีโอเกมจากค่าย Nintendo โกยแต้มแบบไร้คู่แข่ง
แค่นั้นยังไม่พอ Super Famicom ยังมีตัวช่วยที่เราเรียกว่าหัวโปร ที่เปลี่ยนการเล่นเกมในแบบตลับ (ยุคนั้นตลับเกมของ Super Famicom ราคาอยู่ที่ราวๆ 1,000 – 4,500) มาเป็น Floppy Disk ทำให้ต้นทุนราคาเกมลดจากหลักพัน เหลืออยู่แค่หลักไม่ถึงร้อยบาทต่อเกม และเป็นการเริ่มยุคของเกมก็อปปี้อย่างเต็มตัว
Neo Geo (1990)

ขณะที่ Super Famicom โกยรายได้จากวงการเกมเพลินๆ ทางค่าย SNK ก็ได้คลอดเครื่อง Neo Geo เป็นเครื่องวีดีโอเกมที่ปลดแอกผู้ที่อยากเล่นเกมตู้ แต่ไม่ไปนั่งหยอดเหรียญเล่นตามห้าง Neo Geo เปิดตัวมาพร้อมกับเกมต่อสู้อภิมหามันส์อย่าง Samurai Shodown 2 และ King of Fighters 94 แน่นอนว่าเจ้าเครื่องนี้มาพร้อมกับค่าชั่วโมงที่แพงลิบ เพราะว่าราคาเครื่องเหยียบหมื่น และราคาตลับเกมอยู่ระหว่าง 5 พัน ถึง เกือบสองหมื่น แต่คอเกมก็ไม่หวั่นด้วยความมันของเกม และการได้ถลุงจอยแบบคันโยก Neo Geo เลยเป็นเครื่องที่ทำรายได้ให้กับร้านเกมได้ไม่น้อยหน้าเจ้า Super Famicom
เครื่องเล่นเกมแบบใช้ CD
ระหว่างที่ Super Famicom และ Neo Geo ต่างก้มหน้าก้มตาโกยตลาดวีดีโอเกมกันอย่างเมามัน ทางค่าย Sega ก็ได้แอบพัฒนาเครื่องเกมแบบใช้ CD อย่างเงียบๆ และออกเครื่องรุ่น Sega Mega-CD ออกมา แต่ก็ไม่ได้ผลตอบรับจากบรรดาร้านเกม ถึงแม้ราคาแผ่น CD จะมีต้นทุนต่ำกว่า แต่เกมค่าย Sega ก็ไม่ได้โดนใจคอเกมเท่าไหร่นัก แบบว่า “ไม่เฟี้ยวอะ” แต่สิ่งที่ Sega เริ่มก็เป็นสัญญาณบอกว่ายุคแห่งสงครามเกมในรูปแบบ CD ได้เริ่มขึ้นแล้ว
หลังจากที่ค่าย Sega ได้ปูทาง CD เกมขึ้นมา ค่าย SNK ก็ได้เริ่มขยับทำ CD เกมตามอย่างมั่ง แล้วก็ได้ออกเครื่องรุ่น Neo Geo CD แต่ก็ดูเหมือนจะมีปัญหาในเรื่องการโหลดเกมนานมาก บางทีก็สะดุด ทำให้การต่อเนื่องของอารมณ์ในการเล่นไม่สมูท
และก็มีพวกยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหลายเจ้าที่พยายามโดดร่วมวงในการแบ่งตลาดวีดีโอเกม เช่น Panasonic ได้ออกเครื่อง 3DO Interactive Multiplayer และ Goldstar ก็ได้ออกเครื่อง Goldstar 3DO มา รู้สึกว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่เจ็บตัวก็คือบรรดาพวกร้านเกมที่ต้องตามซื้อวีดีโอเกมทุกรุ่นที่ออกมา



ขณะที่ค่ายอื่นๆ ต่างทยอยออกเครื่องเล่นวีดีโอเกมในระบบ CD อยู่นั้น ทาง Sony ก็ได้ออกเครื่องเล่น PlayStation พูดได้ว่าออกมาช้ากว่าชาวบ้าน แต่!!!!! ออกมาฆ่าค่ายอื่นๆ อย่างตายสนิท เพราะเครื่อง PlayStation มาพร้อมกับจอยและปุ่มที่คุ้นมือของคอเกม แถมยังมีเกมอย่าง Biohazard ที่สะกดนักเล่นเกมให้อยู่หน้าจอได้เป็นวันๆ และ Goal Storm ต้นแบบเกมฟุตบอลที่มีมุมกล้องและอารมณ์เกมเสมือนจริง และ Goal Storm ยังพัฒนามาเป็น Winning Eleven และ Pro Evolution Soccer (PES) เกมฟุตบอลที่ฮิตไปทั่วโลกในเวลาต่อมา

หลังจากที่เสียศูนย์เพราะโดนตลาด CD เกมถล่มไปสักระยะ ทาง Sega ก็ได้ฮึดเปิดตัวเครื่องเล่นวีดีโอเกมในรูปแบบ CD อีกครั้ง Dreamcast เป็นเครื่องเล่นเกมที่ทาง Sega ภูมิใจเสนอด้วยรูปลักษณ์ตัวเครื่องและจอยควบคุมที่ค่อนข้างทันสมัย แต่ “แป้ก” สำหรับผมมีปัญหากับจอยที่เทอะทะไปนิด แล้วเครื่องนี้ก็เลือนหายไปเหลือแต่ความทรงจำ เป็นสัญญาณบอก Sega ว่าหมดเวลาแล้วสำหรับตลาดเครื่องเล่นวีดีโอเกม –”
เครื่องเล่นเกมแบบใช้ DVD

ประสบความสําเร็จในเครื่อง PlayStation รุ่นแรกอย่างถล่มทลายแล้ว ทาง Sony ก็ได้พัฒนาเจ้าเครื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และได้ออก PlayStation2 สำหรับเจ้าเครื่องนี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมาก PlayStation2 ได้เปลี่ยนจาก CD เกม มาเป็น DVD เกม ที่ให้ภาพที่คมชัดและสวยงาม และแน่นอนบริษัทค่ายเกมก็ได้ตอบรับและผลิตเกมป้อนให้กับเจ้าเครื่องนี้มากมาย บอกได้คำเดียวว่า “เฟี้ยวอะ”
XBOX (2001) ใช้เล่นกับคอมพิวเตอร์ได้

Microsoft ได้สั่นสะเทือนวงการวีดีโอเกม ด้วยการออกเครื่อง XBOX มา เพราะเกมที่เล่นบน XBOX ได้ ก็สามารถนำมาเล่นบนระบบปฏิบัติการของ Window ได้ และบวกกับการโหลดไฟล์เถื่อนเริ่มแพร่หลายบนโลกมนุษย์ จึงทำให้คนส่วนใหญ่หันมาเล่นวีดีโอเกมบนคอมพิวเตอร์แทน
“Wii (2006) แบบใช้ท่าทางควบคุม

หลังจากที่กลายเป็นยักษ์หลับมาเป็นเวลานานทาง Nintendo ก็ได้เปิดตัวเครื่อง Wii ที่มีมิติใหม่ของการเล่นเกมอย่างแท้จริง ด้วยคอนเซ็ปที่พวกเราเรียกว่า “สนุกได้ร่างกายแข็งแรง” เป็นการเล่นเกมที่ออกท่าทางควบคุม ทำให้ผู้คนหันกลับมาหา Nintendo อีกครั้ง
PlayStation3 (2006) แบบใช้ Blu-Ray

ดูเหมือนวงการเกมของโลกจะอยู่ในมือ PlayStation ไปแล้ว เมื่อเครื่อง PlayStation3 ได้ออกมา กับระบบ Blu-Ray พูดได้คำเดียวว่า “สุโค่ย” ความชัดความคมไม่ต้องพูดถึง หลุดโลกไปเลย
และหลังจากที่เครื่อง PlayStation3 ออกมาผมก็เริ่มห่างๆ จากวีดีโอเกมไป อาจจะเป็นเพราะบางเกม อย่าง God of War ที่มีมุมกล้องและการเดินเรื่องขั้นเทพ แต่สำหรับคนอายุ 30 อัพอย่างผมมันเวียนหัวกับเกมสมัยใหม่ จึงได้เฟดตัวเองกับเจ้าวีดีโอเกมไป แต่พอมานั่งนึกถึงมัน ที่อยู่กับมันมาตั้งแต่เด็กแล้ว บอกได้เลยว่ามีความสุขทุกทีที่ได้จับจอย ได้ควบคุมทุกสิ่งไว้ในมือเราเอง^^*
เรื่องแนะนำ :
– สุดยอดเกมมวยปล้ำญี่ปุ่นในตำนาน
– ย้อนยุควัยติดเกมของญี่ปุ่น ตอนที่ 1
– ย้อนยุควัยติดเกมของญี่ปุ่น ตอนที่ 2