สวนอุเอโนะเป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อ เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิจึงคึกคักไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาชมซากุระกันอย่างมากมายมหาศาล ในครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาสัมผัสเสน่ห์ของสวนอุเอโนะในดวงใจของคนญี่ปุ่นมานานกว่า 100 ปีกันค่ะ ^^
“Ueno Park (สวนอุเอโนะ)” หรือ ชื่อจริง “สวนอุเอโนะออนชิ” คือ สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ในเขตไทโต จ.โตเกียว โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกในญี่ปุ่นโดยรัฐบาลในปี 1873
ภายในพื้นที่กว้างราว 530,000 ตารางเมตรเป็นที่ตั้งของทั้งสวนสัตว์อุเอโนะ บ่อน้ำชิโนบาสึ พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์ชิตะมาจิให้เพลิดเพลินกันอย่างจุใจ
นอกจากนี้ สวนอุเอโนะก็ยังเป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่ออีกด้วย เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิจึงคึกคักไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาชมซากุระกันอย่างมากมายมหาศาล ในครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาสัมผัสเสน่ห์ของสวนอุเอโนะในดวงใจของคนญี่ปุ่นมานานกว่า 100 ปีกันค่ะ ^^
วิธีการเดินทางไปยังอุเอโนะ
สถานีที่ตั้งอยู่ใกล้สวนอุเอโนะมากที่สุดเลยก็คือ JR และ Tokyo Metro Ueno station นั่นเอง เดี๋ยวเรามาแนะนำวิธีการเดินทางจากสถานีหลักๆในโตเกียวมาถึงสถานีอุเอโนะกันดีกว่า
วิธีการเดินทางจากสถานีโตเกียวไปยังอุเอโนะ
เราสามารถนั่งรถไฟ JR Yamanote Line Inner Loop จาก Tokyo station มาถึง Ueno station ได้เพียง 4 สถานีเท่านั้น ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 10 นาที ค่าโดยสาร 160 เยน
วิธีการเดินทางจากสถานีชินจุกุไปยังอุเอโนะ
เราสามารถนั่งรถไฟ JR Yamanote Line Outer loop จาก Shinjuku Station ย่านชุมชุนชั้นแนวหน้าของโตเกียวมาถึง Ueno Station ได้โดยห่าง 12 สถานี ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 25 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน
วิธีการเดินทางจากสถานีชิบุย่าไปยังอุเอโนะ
เราสามารถนั่งรถไฟ Tokyo Metro Ginza Line For Asakusa จาก Shibuya Station ย่านแหล่งรวมวัยรุ่นสุดคึกคักมาถึง Ueno Station ได้โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน
วิธีการเดินทางจากอุเอโนะไปยังสวนอุเอโนะ
เมื่อเดินทางมาถึงสถานีอุเอโนะกันแล้วก็มุ่งหน้าต่อไปยังสวนอุเอโนะกันเลยดีกว่าค่ะ ต่อไปเราจะมาแนะนำวิธีการเดินทางจาก JR Ueno Station ไปยังสวนอุเอโนะกัน
การเดินทางจากสถานีอุเอโนะไปยังสวนอุเอโนะ
① มุ่งหน้าไปยังช่องตรวจตั๋วฝั่งสวนสาธารณะของ JR Ueno Station

② ออกจากช่องตรวจตั๋วและมุ่งหน้าไปยังสวนอุเอโนะ

〜สถานที่และไฮไลท์ในสวนอุเอโนะ〜
ภายในสวนอุเอโนะเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์สถานและสวนสัตว์ เป็นต้น โดยเฉพาะบ่อน้ำชิโนบาสึนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวในดวงใจของคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว เพราะว่าในฤดูร้อนจะบานสะพรั่งไปด้วยดอกบัวสวยงามมาก
ไฮไลท์ห้ามพลาดเมื่อได้มาเที่ยวสวนอุเอโนะมีดังต่อไปนี้…
1. Ueno Zoo (สวนสัตว์อุเอโนะ)
Ueno Zoo (สวนสัตว์อุเอโนะ) แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในอุเอโนะที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยือนกันมากมาย แต่เนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่ในสวนอุเอโนะอันแสนกว้างใหญ่ การเดินทางมาถึงจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ก่อนอื่น เรามาแนะนำวิธีการเดินทางจาก JR Ueno Station มาถึงสวนสัตว์อุเอโนะกันก่อนดีกว่าเนอะ
วิธีการเดินทางจากสวนอุเอโนะไปยังสวนสัตว์อุเอโนะ
อันดับแรกให้มุ่งหน้าไปยังสวนอุเอโนะโดยอ้างอิงจาก “วิธีการเดินทางจากสถานีอุเอโนะไปยังสวนอุเอโนะ” ที่ได้กล่าวถึงกันไปแล้วในข้างต้น
① เดินข้ามทางม้าลาย


② เลี้ยวซ้ายตรง Tokyo Bunka Kaikan (ศูนย์วัฒนธรรมโตเกียว)

③ เดินผ่านข้างตึก National Museum of Western Art (พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ)

④ เดินข้ามลานกว้างที่มีน้ำพุ



สัตว์ควรชมเมื่อเดินทางมาเที่ยวสวนสัตว์อุเอโนะ
สวนสัตว์อุเอโนะเลี้ยงสัตว์สุดแปลกเอาไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นแพนด้ายักษ์ และโอคาพีซึ่งเป็นสัตว์วงศ์เดียวกับยีราฟ โดยสวนสัตว์ที่เลี้ยงแพนด้ายักษ์ในญี่ปุ่นมีเพียงแค่ 3 แห่งเท่านั้นประกอบด้วยสวนสัตว์อุเอโนะ Kobe Oji Zoo (สวนสัตว์โกเบโอจิ) จ.เฮียวโกะ และ Adventure World (แอดเวนเจอร์เวิลด์) จ.วากายาม่า
ดังนั้น บริเวณด้านหน้ากรงแพนด้าภายในสวนสัตว์อุเอโนะจึงมักเนืองแน่นไปด้วยผู้คนอยู่เป็นประจำ ช่วงเวลาที่แพนด้ากินใบไผ่นั้นจะมีประกาศตามโฮมเพจและประตูทางเข้าสวนสัตว์ สำหรับใครที่อยากเห็นแพนด้ากินใบไผ่ก็สามารถเช็คช่วงเวลาและมุ่งหน้าไปยังกรงแพนด้าตามเวลาที่กำหนดได้เลยจ้า…
นอกจากนี้ ภายในสวนสัตว์อุเอโนะก็ยังเลี้ยงสัตว์ล้ำค่าอย่างซาลาแมนเดอร์ยักษ์ญี่ปุ่น นกกระเรียนมงกุฎแดง นกกระสา และเลียงผาญี่ปุ่นซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติอันล้ำค่าของญี่ปุ่นเอาไว้ด้วย สำหรับใครที่อยากเห็นเหล่าสัตว์ที่ไม่มีในประเทศของตัวเองก็บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!
คอร์สแนะนำของสวนสัตว์อุเอโนะ
สวนสัตว์อุเอโนะเลี้ยงสัตว์เอาไว้มากมายกว่า 400 สายพันธุ์รวมกว่า 3,000 ตัวเลยทีเดียว ถ้าเกิดใครไม่มีเวลาว่างพอที่จะเดินชมสัตว์ครบทุกชนิดจึงขอแนะนำให้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าก่อนว่าอยากชมสัตว์อะไรบ้างจะดีที่สุด
และคอร์สแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวเลยก็คือ “คอร์สชมเฉพาะสัตว์ญี่ปุ่น” นั่นเอง ยังไงเพื่อนๆ ก็ลองแวะไปชมเหล่าสัตว์ญี่ปุ่นที่ไม่มีในประเทศของตัวเองภายในโซนสัตว์ญี่ปุ่นที่จัดแสดงนกป่าญี่ปุ่น เลียงผาญี่ปุ่น และกวางซีกากันดูเนอะ
เมื่อเดินเข้าลานกว้างตรงประตูหน้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะพบกับสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์อย่าง “เจดีย์ 5 ชั้น” บริเวณนี้เป็น โซนสัตว์ญี่ปุ่น ที่จัดแสดงเลียงผาญี่ปุ่น กวางซีกา และนกป่าญี่ปุ่น โดยเราสามารถชมกรงที่เชื่อมกันระหว่างกรงนก Lidth’s jay และกรงกระรอกญี่ปุ่นได้ที่นี่เลย
เดี๋ยวเรามาแนะนำสัตว์ญี่ปุ่นที่สามารถชมได้ในสวนสัตว์อุเอโนะกันดีกว่าค่ะ ><
“กวางซีกา” สัตว์ขึ้นชื่อของนาราและเกาะมิยาจิมะ
“กวางซีกา” นั้นเป็นสัตว์อนุรักษ์ของนาราและเกาะมิยาจิมะ แต่ไม่ต้องไปไกลถึงขนาดนั้นหรอก…เพราะว่าเราสามารถหาชมได้ง่ายๆ ที่สวนสัตว์อุเอโนะในโตเกียวเลยจ้า
เหล่า “นกป่าญี่ปุ่น” เสียงขับขานอันไพเราะ
สวนสัตว์อุเอโนะแห่งนี้มีการจัดแสดงนกป่าญี่ปุ่นมากมาย โดยแบ่งเป็นอาคารจัดแสดงนกป่าญี่ปุ่น I และ Ⅱ
ห้ามพลาดลายบนอก “หมีควาย” !
“หมีควาย” หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “ทสึกิโนวะกุมะ” นั้น “ทสึกิโนวะ” หมายถึง “วงแหวนพระจันทร์” บริเวณอกของมันจะมีลายพระจันทร์เสี้ยวสีขาวอยู่ตามชื่อเลยค่ะ
“ลิงญี่ปุ่น” ที่อาศัยอยู่บนภูเขาลิงแห่งแรกของญี่ปุ่น
สวนสัตว์อุเอโนะเป็นสวนสัตว์แห่งแรกในญี่ปุ่นที่มีการสร้าง “ซารุยามะ” (※1) สำหรับเลี้ยงลิง เราสามารถชมบรรยากาศที่บรรดาลิงญี่ปุ่นอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงได้ที่นี่เลย
※1……ซารุยามะ หมายถึง การเลี้ยงลิงแบบปล่อยให้อาศัยอยู่บนภูเขาเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามสวนสัตว์ในญี่ปุ่น
สวนสัตว์ฝั่งตะวันตก : ปศุสัตว์สไตล์ญี่ปุ่นในสวนสัตว์สำหรับเด็ก

วัวคุจิโนะชิมะ คือ สัตว์ที่เลี้ยงกันในเกาะคุจิโนะ หมู่เกาะโทการะ จ.คาโกชิม่า นอกจากนี้ก็ยังมีสัตว์อื่นๆ อีกมากมายให้ชมกันในสวนสัตว์อุเอโนะ สำหรับใครที่อยากชมสัตว์เยอะๆ ก็ขอแนะนำให้รีบมาตั้งแต่เช้าจะได้มีเวลาตระเวนชมรอบสวนสัตว์จนครบ
2. National Museum of Western Art (พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ)
นอกจากนี้ ภายในสวนอุเอโนะก็ยังเป็นที่ตั้งของ National Museum of Western Art (พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ) ที่สร้างขึ้นในสไตล์ร่วมสมัยสุดโดดเด่นอีกด้วย
อาคารหลักของพิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังในศตวรรษที่ 20 อย่าง Le Corbusier แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของญี่ปุ่นและมรดกโลกทางวัฒนธรรม โดยมีผู้คนแวะเวียนกันมาชมภาพวาดและสถาปัตยกรรมมากมายเลยทีเดียว
ภายในอาคารมีการจัดแสดงภาพวาดตะวันตกและประติมากรรมของ Auguste Rodin รวมถึงผลงานแนว Impressionism ของ Claude Monet และ Pierre-Auguste Renoir ด้วย
ที่อยู่:7-7 Uenokōen, Taitō-ku, Tōkyō-to
เว็บไซต์:http://www.nmwa.go.jp/jp/index.html
3. Tokyo Metropolitan Art Museum (พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว)
Tokyo Metropolitan Art Museum (พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว) แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะของรัฐบาลแห่งแรกในญี่ปุ่นที่เปิดทำการเป็นครั้งแรกในปี 1926 ที่นี่ไม่ได้มีเพียงงานจัดแสดงประจำเท่านั้น แต่ยังมีงานนิทรรศการพิเศษที่จัดแสดงผลงานของศิลปินญี่ปุ่นและต่างประเทศด้วย
ที่อยู่:7-47 Uenokōen, Taitō-ku, Tōkyō-to
เว็บไซต์:http://www.tobikan.jp/index.html
4. National Museum of Nature and Science (พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ) อาคาร Nipponkan
National Museum of Nature and Science (พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ) แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในสวนอุเอโนะของ “อุเอโนะ” ย่านแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์ศิลปะและพิพิธภัณฑ์สถาน โดยเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเพียงแห่งเดียวและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในชื่อ “คาฮาคุ”
“Chikyukan” เป็นอาคารจัดแสดงประจำเกี่ยวกับความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และสิ่งมีชีวิตมากมายบนโลกใบนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีอาคาร “Nihonkan” ที่จัดแสดงข้อมูลภายใต้ธีมธรรมชาติของหมู่เกาะญี่ปุ่นอีกด้วย
อาคาร Nihonkan แห่งนี้จัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างของหมู่เกาะญี่ปุ่น พืชและสัตว์ญี่ปุ่น รวมถึงวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นในสมัยก่อน โดยเพื่อนๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในญี่ปุ่นและต้นกำเนิดของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่พัฒนาจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ที่อยู่:7-20 Uenokōen, Taitō-ku, Tōkyō-to
เว็บไซต์:http://www.kahaku.go.jp/
5. National Museum of Nature and Science (พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ) อาคาร Chikyukan
อาคาร Chikyukan แห่งนี้จัดแสดงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนกสต๊าฟ วีดีโอและข้อมูลแสดงลักษณะของโลก รวมถึงบุคคลผู้ทุ่มเทให้กับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของญี่ปุ่น ที่นี่จึงนับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง
ที่อยู่:7-20 Uenokōen, Taitō-ku, Tōkyō-to
เว็บไซต์:http://www.kahaku.go.jp/
6. Shinobazu Pond (บ่อน้ำชิโนบาสึ)
Shinobazu Pond (บ่อน้ำชิโนบาสึ) คือ บ่อน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ขนาดกว้างกว่า 110,000 ตารางเมตร โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันประกอบด้วย “บ่อน้ำดอกบัว” ที่สามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกบัวสีขาวและสีชมพูได้ในฤดูร้อน “บ่อน้ำนกกาน้ำ” ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกกาน้ำใหญ่ และ “บ่อน้ำเรือ” ที่สามารถเพลิดเพลินกับการพายเรือได้
เกาะกลางบ่อน้ำเป็นที่ตั้งของวัด “Bentendo (เบ็นเท็นโด)” สำหรับใครที่ต้องการผ่อนคลายในอุเอโนะก็ขอแนะนำให้แวะมาที่นี่เลยค่ะ
ที่อยู่:Uenokoen, Taito, Tokyo
7. Bentendo (เบ็นเท็นโด)
Bentendo (เบนเทนโด) คือ วัดทรงหกเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ตรงเกาะกลางบ่อน้ำชิโนบาสึ โดยสักการะบูชาเบ็นไซเท็นซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภทางด้านการศึกษา, ศิลปะ, ทรัพย์สมบัติ และความสัมพันธ์ บริเวณโดยรอบเบ็นเท็นโดมีแผ่นศิลาจารึกที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณต่อตะพาบน้ำ ปลาปักเป้า แว่น และมีด ถ้าเกิดใครมีโอกาสได้แวะมาที่นี่ก็บอกเลยว่าห้ามพลาดชมศิลาจารึกสุดเอกลักษณ์นี้ด้วยเช่นเดียวกัน
8. Kiyomizu Kannon-do Temple (วัดคิโยมิสึคันนอนโด)
Kiyomizu Kannon-do Temple (วัดคิโยมิสึคันนอนโด) คือ วัดนิกายเทียนไถที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า โดยเป็นแหล่งรวมไฮไลท์มากมายไม่ว่าจะเป็น “ทสึคิโนะมัตสึ (ต้นสนรูปพระจันทร์)” ที่กลายเป็นต้นแบบของภาพวาดต้นสนของ Hiroshige ศิลปินภาพอุคิโยเอะซึ่งเป็น 1 ใน 100 ทิวทัศน์ขึ้นชื่อแห่งเอโดะ
9. Ueno Tōshō-gū (ศาลเจ้าอุเอโนะโทโชงู)
Ueno Tōshō-gū (ศาลเจ้าอุเอโนะโทโชงู) คือ วัดที่สักการะบูชา “โทกุกาวะ อิเอยาสุ” “โทกุกาวะ โยชิมูเนะ” และ “โทกุกาวะ โยชิโนบุ” บรรดาเจ้านายของ ตระกูลโทกุกาวะ ผู้ปกครองประเทศญี่ปุ่นใน สมัยเอโดะ เนื่องจากเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์เรื่องการให้โชคลาภและด้านการศึกษา เราจึงมักพบเห็นเหล่านักเรียน-นักศึกษาแวะเวียนกันมาซื้อเครื่องรางอยู่เป็นประจำ
วิหารหลัก ประตูคารามง และกำแพงซุกิเบ (※) นั้นสร้างขึ้นในปี 1651 โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ สถาปัตยกรรมเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบที่เรียกว่า “เอโดะเค็นจิคุ” โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่รูปร่างหน้าตาดูหรูหรายิ่งใหญ่จากการใช้สีแดงสดและทองคำเปลว
ที่นี่เป็นแหล่งชมดอกซากุระและดอกโบตั๋นขึ้นชื่อในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นแหล่ง ชมใบไม้เปลี่ยนสี และในวันขึ้นปีใหม่ก็มักคึกคักไปด้วยผู้คนที่เดินทางมา ไหว้พระครั้งแรกของปี และชมดอกโบตั๋นฤดูหนาว
※1:กำแพงซุกิเบ……กำแพงแกะสลักที่สามารถมองทะลุเห็นภายในได้
ที่อยู่:9-88 Uenokōen, Taitō-ku, Tōkyō-to
เว็บไซต์:http://www.uenotoshogu.com/
10. Shitamachi Museum (พิพิธภัณฑ์ชิตะมาจิ)
“ชิตะมาจิ” ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง “เมืองชาวบ้าน” สถาปัตยกรรมและอาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ที่ทำให้คนญี่ปุ่นรู้สึกคิดถึงบรรยากาศเก่าๆและชาวต่างชาติสัมผัสถึงความเป็นญี่ปุ่นก็คือทัศนียภาพของชิตะมาจิแบบนี้แหละ Shitamachi Museum (พิพิธภัณฑ์ชิตะมาจิ) ในอุเอโนะแห่งนี้ช่วยฟื้นคืนชีพบรรยากาศของเมืองชิตะมาจิในโตเกียวให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ภายในพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงที่อยู่อาศัยของชาวบ้านและพ่อค้าเมื่อราว 100 ปีก่อนมีการจัดแสดงอุปกรณ์สำหรับตากผ้าที่เรียกว่า “ฮาริอิตะ” ที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ตอนซักผ้า และสายคีบเกี๊ยะที่มีจำหน่ายตามร้านค้าด้วย
ที่นี่จึงนับเป็นพิพิธภัณฑ์อันล้ำค่าที่ทำให้เราเรียนรู้วิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นสมัยก่อนได้อย่างเต็มอิ่มเลยก็ว่าได้
11. Ueno Daibutsu (พระพุทธรูปไดบุทสึอุเอโนะ)
Ueno Daibutsu (พระพุทธรูปไดบุทสึอุเอโนะ) นั้นแต่เดิมแล้วมีส่วนร่างกายด้วย แต่เนื่องจากได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวสงครามที่เกิดขึ้นบ่อยในสมัยนั้น ในปัจจุบันจึงหลงเหลือเพียงภาพพิมพ์ผิวนูนส่วนใบหน้าส่วนสูงเท่าตัวคนเท่านั้น
12. STARBUCKS COFFEE (สตาร์บัค) สาขาสวนอุเอโนะ
STARBUCKS COFFEE (สตาร์บัค) สาขาสวนอุเอโนะแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์สุดเก๋ไก๋สวยงาม โดยแสดงภาพลักษณ์ของสวนอุเอโนะผ่าน การย้อมสี ซึ่งเป็นศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่น
ที่นั่งตรงระเบียงสไตล์เปิดโล่งโปร่งสบายก็เจ๋ง หรือว่าจะนั่งชมธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และน้ำพุภายในสวนผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของร้านก็ได้เช่นเดียวกัน
13. Park Side Café (ปาร์คไซด์คาเฟ่)
Park Side Café (ปาร์คไซด์คาเฟ่) แห่งนี้นับเป็นคาเฟ่แนะนำสำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ผ่อนคลายภายในสวนอุเอโนะเลยล่ะค่ะ ในวันที่อากาศแจ่มใส เราสามารถใช้เวลาผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติบนที่นั่งระเบียงได้อย่างชิลๆ
ชมซากุระในสวนอุเอโนะ (ช่วงเวลาที่เหมาะสมและข้อควรระวัง)
ช่วงปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายนนับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการชมซากุระในโตเกียว สวนอุเอโนะแห่งนี้เป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อมาตั้งแต่ สมัยเอโดะ โดยมีซากุระกว่า 40 สายพันธุ์รวม 1,200 ต้น
ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายนจะมีการจัดงานเทศกาล “Ueno Sakura Matsuri (อุเอโนะซากุระมัตสึริ)” ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยภายในสวนจะมีการประดับโคมไฟและไลท์อัพต้นซากุระในตอนกลางคืน นอกจากนี้ก็ยังมีร้านแผงลอยที่จำหน่ายอาหารอย่างยากิโทริและยากิโซบะอีกด้วย ในช่วงนี้จะมีผู้คนจำนวนมหาศาลเดินทางมาชมซากุระกันอย่างคึกคักตามธรรมเนียม
บางครั้งตามแหล่งรวมผู้คนมากมายในช่วงเทศกาลชมซากุระนั้นอาจเกิดปัญหาสัญญาณโทรศัพท์ติดต่อกันยากขึ้นบ้าง ดังนั้น สำหรับใครที่นัดพบกับเพื่อนๆตามบริเวณดังกล่าวจึงขอแนะนำให้ตกลงจุดนัดพบในสวนอุเอโนะเอาไว้ล่วงหน้าหรือนัดพบกันนอกสวนอุเอโนะก่อนแล้วค่อยเข้าไปชมซากุระพร้อมกันจะดีที่สุด
นอกจากนี้ก็ยังมีโคมไฟตรงประตูทางเข้าสวนอุเอโนะและคาเฟ่ “Ueno Green Salon (อุเอโนะกรีนซาลอน)” ซึ่งเป็นจุดนัดพบชั้นเยี่ยมของสวนอุเอโนะในช่วงเทศกาลชมซากุระอีกด้วย โดยคาเฟ่ตั้งอยู่ทางขวามือสุดหลังจากเดินเข้าสวนอุเอโนะมา
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : MATCHA http://mcha-th.com
เรื่องแนะนำ :
– วิธีใส่ชุดยูกาตะผู้ชายด้วยตัวเอง
– Kyutaisha สถานีรถไฟที่ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ก็ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวได้
– 6 เทศกาลหิมะยอดนิยมในญี่ปุ่น
– 5 ลานสกีญี่ปุ่นแบบไปกลับจากโตเกียวและเดินทางสะดวก
– เที่ยวฟุกุโอกะตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวยันวิธีเที่ยวร้านแผงลอยให้คุ้ม