ขอให้มีชีวิตอยู่ด้วยกัน “ความหวัง…ซึ่งเราเรียกกันว่าเด็ก ๆ…เป็นผู้เขียนให้ทุกครอบครัวที่ประสบภัยต่างตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งการจ้างงาน อุตสาหกรรมและชุมชน ล้วนถูกทำลายหมดสิ้น เมื่อต้องเริ่มต้นสร้างทั้งหมดขึ้นใหม่ จึงมีสิ่งที่เป็นความหวังได้ชัดเจนอยู่ไม่มาก แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นได้แน่นอน คือเด็ก ๆนั่นเอง”
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่าน ข่าวที่หลายคนเฝ้าติดตามและเอาใจช่วย คงหนีไม่พ้น ข่าวพายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่นาม ฮากิบิส ได้พัดเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพายุลูกนี้ถือว่าเป็นพายุที่หนักที่สุดในรอบ 60 ปีเลยทีเดียว
ในระหว่างที่พายุฮากิบิสกำลังพัดพามา และได้ผ่านพ้นไป สิ่งที่เรารู้สึกอดทึ่งไม่ได้ระหว่างการติดตามสถานการณ์ก็คือ ระบบการจัดการเตรียมพร้อมในการรับมือของรัฐบาล และประชาชน รวมไปถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยที่น่ายกย่อง
แต่เหนือสิ่งอื่นใด แม้จะมีการตั้งรับอย่างเต็มที่ ร่องรอยความเสียหายที่พายุลูกนี้ทิ้งไว้ ก็นับว่ามหาศาล ทั้งบ้านเรือน ทรัพย์สิน และชีวิตที่สูญเสียไป ทำให้หวนนึกถึงหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวกับการประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ของดินแดนอาทิตย์อุทัยเช่นเดียวกัน
หนังสือเล่มที่ว่านี้ก็คือ “ขอให้มีชีวิตอยู่ด้วยกัน” เป็นหนังสือที่รวบรวมเอา 10 เรียงความของเด็ก ๆ ที่ประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่จากคลื่นสึนามิ ในเดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2554 พร้อมเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่คนเขียนได้เฝ้าติดตามครอบครัวผู้ประสบภัยเหล่านั้น นอกจากการสูญเสียทรัพย์สินแล้ว สิ่งที่สะเทือนใจที่สุดก็คือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
พ่อ แม่ พี่ น้อง ภรรยา ลูกชาย ลูกสาว ล้วนแต่เป็นการสูญเสียที่ไม่อยากใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น
อ่านไปแล้วถึงกับเสียน้ำตาให้กับเรื่องราวเหล่านี้ไปหลายรอบ
แต่นอกเหนือจากเรื่องราวอันแสนเศร้าแล้ว ก็ยังมีความหวังอยู่ค่ะ
ความหวังที่ว่านี้ ก็คือความหวังจากผู้คนที่พยายามจะมีชีวิตอยู่
“ความหวัง…ซึ่งเราเรียกกันว่าเด็ก ๆ…เป็นผู้เขียนให้ทุกครอบครัวที่ประสบภัยต่างตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งการจ้างงาน อุตสาหกรรมและชุมชน ล้วนถูกทำลายหมดสิ้น เมื่อต้องเริ่มต้นสร้างทั้งหมดขึ้นใหม่ จึงมีสิ่งที่เป็นความหวังได้ชัดเจนอยู่ไม่มาก แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นได้แน่นอน คือเด็ก ๆ นั่นเอง”
“มีทั้งผู้ใหญ่ที่พยายามมองไปข้างหน้าทั้งที่จิตใจยังมีบาดแผล เด็ก ๆ ที่กลับมาสดใสร่าเริงจนน่าตกใจ และผู้คนที่ต่อสู้เพื่อฟื้นฟูท้องถิ่น กิจการ และครอบครัวขึ้นมาอีกครั้ง ผมเชื่อว่าการถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้จะช่วยให้ผู้คนรู้จักวิธีรับมือ การช่วยเหลือเกื้อกูล และการก้าวผ่านภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อย”
หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่สร้างความหวังและกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อสู้กับชีวิตต่อไป เหมือนที่ในเรียงความหนึ่งเขียนเอาไว้
“ฉันอยากให้ทุกคนผ่านพ้นเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ และพยายามอยู่ต่อไปอย่างแข็งแกร่งแทนผู้เคราะห์ร้ายด้วย
ขอให้ทุกคนมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแกร่งไปด้วยกันกับฉัน
และขอขอบคุณอาสาสมัครที่พยายามช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ด้วยค่ะ”
เรื่องแนะนำ :
– SHODO ศิลปะความงามบนตัวอักษร
– Kakimori คนชอบเขียนต้องไป กับร้านที่คุณสามารถผสมหมึกสีที่ใช่ได้ด้วยตัวเอง
– หนังสือเล่มนี้มี “แมว” ไม่ใช่ทาสแมวก็อ่านได้ แต่เป็นทาสแมวอ่านแล้วยิ่งอบอุ่นใจ
– ชวนอ่าน : เกมลวงโลก สุดท้ายแล้วสิ่งไหนคือเรื่องจริงและสิ่งไหนคือเรื่องลวง!
– ผู้อัญเชิญไฟ (THE EMISSARY) เมื่อญี่ปุ่นปิดประเทศ ทุกสิ่งที่คุ้นเคยกลับตาลปัตร คนแก่แข็งแรงแต่เด็กกลับอ่อนแอ
– 4 สถานที่ใหม่สุดคูลในญี่ปุ่นจาก World’s Greatest Places 2019 ที่น่าไปเยือน