ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่ที่เมืองฮิเมะจิ ในจังหวัดเฮียวโงะ มีสีขาวราวกับหิมะในฤดูหนาว จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ปราสาทนกกระยางขาว” หรือ “ปราสาทนกกระสา” และได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคม ปี 1993
อันดับ 10 Bitchu-Matsuyama Castle

ปราสาทบิทชู-มัทสึยามะ (Bitchu-Matsuyama Castle) เป็นปราสาทขนาดไม่ใหญ่มากนัก ตั้งอยู่ในจังหวัดโอคายามะ (Okayama Prefecture) สร้างขึ้นในปี 1240 เนื่องจากตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโอคายามะเท่าไรนัก จึงสะดวกสบายในการไปเที่ยวชม เดินทางมาด้วยรถไฟด่วนชิงกันเซนก็ยังได้ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง และมีร้านอาหารตั้งอยู่ใกล้เคียงมากมาย
อันดับ 9 Maruoka Castle

ปราสาทมารุโอคะ (Maruoka Castle) ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุอิ (Fukui Prefecture) จังหวัดที่อยู่ติดกับทะเลญี่ปุ่น ทางภาคกลางของเกาะฮอนชู เชื่อว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1576 โดยซามูไรชั้นสูงนาม Shibata Katsutoyo และในปี 1948 ก็ถูกแผ่นดินไหวพังทลายแทบไม่เหลือซาก แต่ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ใน 7 ปีต่อมา เป็นอีกหนึ่งปราสาทที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเลย (ใกล้ Fukui City มากๆ)
อันดับ 8 Kochi Castle

ปราสาทโคจิ (Kochi Castle) ตั้งอยู่ในจังหวัดโคจิ (Kochi Prefecture) ทางใต้ของเกาะชิโคขุ สร้างเสร็จในปี 1611 (สมัยที่จังหวัดโคจิยังใช้ชื่อเดิม คือ “โทสะ” อยู่เลย) สร้างขึ้นโดยซามูไรนามว่า Yamanouchi Kazutoyo ในช่วงที่ตระกูล Tokugawa เรืองอำนาจ ปราสาทโคจิถูกไฟไหม้เกือบทั้งหมดในปี 1727 แต่ได้สร้างขึ้นใหม่ใน 25 ปีต่อมา โดยคงสถาปัตยกรรมแบบเดิมไว้ทั้งหมด ปัจจุบันเราจึงยังได้เห็นปราสาทเก่าแก่แห่งนี้ตั้งอยู่อย่างสง่างาม เก่าแก่ แต่สมบูรณ์แบบ น่าไปเที่ยวชมเช่นเดียวกัน
อันดับ 7 Matsue Castle

ปราสาทมัทซึเอะ (Matsue Castle) สร้างขึ้นช่วงต้นปี 1600 ภายใต้การสั่งการโดยซามูไรนามว่า Horio Yoshiharu เป็นปราสาท 5 ชั้น สูงประมาณ 98 ฟุต ตั้งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัดชิมาเนะ (Shimane Prefecture) ที่นอกจากตัวปราสาทมัทซึเอะ จะเก่าแก่และมีชื่อเสียงแล้ว บริเวณใกล้เคียงอย่างเช่น ทะเลสาบชินจิ (Lake Shinji) สวนสาธารณะมัทซึเอะ (Matsue Vogel Park) รวมถึงการล่องเรือชมวิว (Horikawa Cruise) ก็มีชื่อเสียง ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากมายไม่น้อย
อันดับ 6 Hikone Castle 彦根城(ひこねじょう)

ปราสาทฮิโคเนะ (Hikone Castle) ตั้งอยู่ที่เมืองฮิโคเนะ อยู่ใกล้ ๆ กับทะเลสาบบิวะ (ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นมีพื้นที่ 3,174 ตารางกิโลเมตร) ในจังหวัดชิงะ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเกียวโต ในอดีตเคยเป็นเมืองปราสาทที่สำคัญเนื่องด้วยทำเลที่เป็นชุมทางสู่ตะวันออก (Tosando) ภายหลังเรียกเป็นทางสู่ภาคกลาง (Nakasendo) และทางสู่ชายฝั่งทะเลเหนือ (Hokkoku Kaido) ปราสาทฮิโคเนะ (Hikone Castle) ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกถือว่าเป็นปราสาทที่งามสง่าอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยหอคอย 3 ชั้น ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นบนเขาฮิโคเนะ (Mt.Hikone) ในยุคเอโดะ ตั้งแต่ปี ค ศ.1614 เสร็จสมบูรณ์ ในปี ค.ศ.1622 ใช้เวลาบรรจงสร้างถึง 18 ปี จัดเป็นสมบัติแห่งชาติทางประวัติศาสตร์ เสน่ห์ของปราสาทนี้ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนเมืองฮิโคเนะ กระทั่งปัจจุบันเมืองนี้กลายเป็นศูนย์กลางการค้า เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ทางภาคตะวันออกของจังหวัดชิงะ
อันดับ 5 Inuyama Castle

ปราสาทอินุยามะ (Inuyama Castle) สร้างขึ้นในปี 1440 (แต่ตัวปราสาทที่เห็นในปัจจุบันสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1537) โดย Oda Nobuyasu ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างอันมีค่าที่ถูกบันทึกให้เป็นสมบัติแห่งชาติด้วย ตั้งอยู่ในเมืองอินุยามะ (Inuyama City) ในจังหวัดไอจิ (Aichi Prefecture) เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง มีทัศนียภาพที่สวยงาม สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำคิโซะ (Kiso) ได้อย่างชัดเจน
อันดับ 4 Matsumoto Castle 松本城(まつもとじょう)

ปราสาทมัทสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ตั้งอยู่ที่เมืองมัทสึโมโตะ ในจังหวัดนางะโนะ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1593 โดยขุนนางในตระกูลอิชิกาว่า เพื่อใช้เป็นสถานที่หลบภัยและวางแผนการสู้รบ โดยมีกำแพงสูงใหญ่และคูน้ำล้อมรอบปราสาทไว้ ต่อมาป้อมปราสาทได้ถูกกองทัพทาเคดะยึดครองไปได้ และตกเป็นของโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ ในเวลาต่อมาปราสาทแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปราสาทฟุกาชิ (Fukashi Castle) หรือ ปราสาทอีกา (Crow Castle) เนื่องด้วยผนังของปราสาทที่มีสีดำ และมีอาคารสามชั้นที่ตั้งอยู่ทั้งสองด้านของตัวปราสาทคล้ายเป็นส่วนปีก ปราสาทมัทสึโมโตะจัดเป็นหนึ่งในปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดมีอายุยาวนานเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบของภูมิภาคจูบุ (ภาคกลาง) อาคารของปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง แสดงถึงความเก่าแก่ของปราสาทอย่างชัดเจน ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติและเป็นสมบัติสำคัญของชาติ ภายในปราสาทแบ่งออกเป็น 6 ชั้น จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องยุทธโทปกรณ์ในสมัยก่อน เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ จะยิ่งงามเด่นท่ามกลางดอกซากุระบานเบ่งไปทั่วบริเวณตัวปราสาท
อันดับ 3 Hirosaki Castle 弘前城(ひろさきじょう)

ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) ตั้งอยู่ที่เมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทเดียวในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หรือภูมิภาคโทโฮขุ ที่สร้างในยุคเอโดะที่ยังหลงเหลือให้เห็นถึงปัจจุบัน ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1611 แต่ต่อมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ในบางส่วน ทำให้ปราสาทไม้แห่งนี้ ซึ่งเดิมมี 5 ชั้น ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่เป็นปราสาทไม้ 3 ชั้น ในปี ค.ศ.1810 บริเวณรอบ ๆ ตัวปราสาทล้อมรอบด้วยกำแพงหินและคูน้ำถึง 3 ชั้น ภายในตัวปราสาทมีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยก่อน ทั้งชุดเกราะนักรบ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นในสมัยก่อน ซึ่งเสน่ห์สวนกลางแจ้งที่สร้างล้อมรอบปราสาทแห่งนี้สวยไม่แพ้อื่นในญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ต้นซากุระ) และช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็ดาดดาไปด้วยพันธุ์ไม้เปลี่ยนสีสวยงามมาก
อันดับ 2 Marugame Castle

ปราสาทมารุกาเมะ (Marugame Castle) ตั้งอยู่ในจังหวัดคางาวะ (Kagawa Prefecture) ถือว่าเป็นปราสาทเก่าแก่ที่เล็กที่สุดในทั้ง 10 อันดับนี้ สร้างขึ้นในช่วงปี 1600 โดย Ikoma Chikamasa ผู้ปกครองดินแดนแถบนี้ในสมัยนั้น ตัวปราสาทสีขาวตั้งอยู่บนกำแพงหิน สามารถมองเห็นวิวตัวเมืองมารุกาเมะ และทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) ได้อย่างชัดเจน
อันดับ 1 Himeji Castle 姫路城(ひめじじょう)

ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่ที่เมืองฮิเมะจิ ในจังหวัดเฮียวโงะ ด้วยลักษณะของตัวปราสาทที่มีสีขาวราวกับหิมะในฤดูหนาว จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ปราสาทนกกระยางขาว” หรือ “ปราสาทนกกระสา” ตัวปราสาทตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเซ็มบะ ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่โตและอัครฐานที่สุดในบรรดาปราสาทที่หลงเหลือมาจากยุคกลางของญี่ปุ่น และถึงแม้ตัวเมืองจะถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ตัวปราสาทกลับไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด และได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคม ปี 1993
เดิมที่นี่เคยเป็นแนวปราการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1333 ส่วนตัวปราสาทนั้นได้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1580 โดยโตโยะโตมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ.1681 อิเคดะ เทรุมาสะ บุตรเขยของโชกุนโทกุงาวะ อิเอยะสุ ได้บูรณะและต่อเติมปราสาทออกไปจนมีรูปลักษณ์เช่นในปัจจุบัน และใช้ปราสาทเป็นที่มั่นทางการทหารและศูนย์กลางด้านการบริหารปกครองไปพร้อมกัน
การออกแบบปราสาทของเทรุมาสะนับเป็นการรวมเอาการป้องกันทางทหารมาผสมผสานเข้ากับความงามทางด้านศิลปะได้อย่างลงตัว และยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศญี่ปุ่น จุดเด่นของปราสาทอย่างหนึ่งคือ แนวปราการประกอบด้วยคูน้ำ 3 ชั้น ล้อมรอบกำแพงหินสูงโค้งซึ่งคั่นสลับด้วยประตูและเชิงเทินสังเกตการณ์หลายแห่ง ตามผนังกำแพงและเชิงเทินนั้นมีรูเล็ก ๆ สำหรับยิงธนูและกระสุนปืนใส่ข้าศึก ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงต่าง ๆ ในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงโดยง่าย ภายในตัวปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนที่ประเมินค่ามิได้
บทความโดย : ทีมงาน www.marumura.com