เคยสงสัยกันไหมคะว่า ชื่อของละครญี่ปุ่นแต่ละเรื่องเขาตั้งกันอย่างไร ชอบเล่นกับคำคล้องจ้องกันแบบบ้านเราหรือเปล่า มีไอเดียการตั้งชื่อมาจากอะไรบ้าง วันนี้จะมาเล่าถึงการตั้งชื่อละครญี่ปุ่นค่ะ
เคยสงสัยกันไหมคะว่า ชื่อของละครญี่ปุ่นแต่ละเรื่องเขาตั้งกันอย่างไร ชอบเล่นกับคำคล้องจ้องกันแบบบ้านเราหรือเปล่า มีไอเดียการตั้งชื่อมาจากอะไรบ้าง วันนี้จะมาเล่าถึงการตั้งชื่อละครญี่ปุ่นค่ะว่า แต่ละเรื่องนั้นเขาตั้งมาจากอะไร ซึ่งชื่อเรื่องละครญี่ปุ่นมักจะตั้งจาก…
1. ตั้งจากตัวละครเอกในเรื่อง
ชื่อละครญี่ปุ่นจะไม่ค่อยมีชื่อประมาณว่า “ยัยตัวร้าย” กับ “นายเย็นชา” ค่ะ แต่เวลาจะตั้งชื่อละครที่สื่อถึงพระเอก นางเอก หรือตัวละครเอกในเรื่อง ก็จะใช้ “ชื่อ” ของตัวละครนั้นตั้งขึ้นมาโต้งๆ เลย บอกให้รู้เลยว่าฉันเป็นใคร ชื่ออะไร ประกาศความเป็นตัวตนให้คนได้รู้จัก เช่น เรื่อง “Hanzawa Naoki” ก็ตั้งตามชื่อของตัวละครเอกอย่าง Hanzawa Naoki เลยค่ะ เพราะละครเรื่องนี้ตัวละครเอกเขาเด่นจริงๆ หรือจะเป็นเรื่อง “Kaseifu no Mita” หรือ “แม่บ้านมิตะ” แม่บ้านมิตะก็จะเป็นตัวละครสำคัญในการดำเนินเรื่องในเรื่องนี้ และเรื่องราวของละครก็จะเน้นไปที่ความลับในชีวิตของแม่บ้านมิตะ แต่ถ้าเด่นกันเป็นทีม ก็จะเอาชื่อทีมมาตั้ง เช่น เรื่อง Iryu : Team Medical Dragon (ชื่อทีมหมอในเรื่อง), Higanbana (ชื่อทีมสืบสวนสอบสวน) เป็นต้น
หรือจะเป็นการตั้งตามคาแร็กเตอร์ของตัวละครก็มีค่ะ เช่น เรื่อง “Gokusen” ชื่อนี้มาจากการรวมคำ 2 คำค่ะ คือคำว่า Gokudoumono (極道者) หมายถึง กลุ่มคนพาล และคำว่า Sensei (先生) หมายถึงครู, อาจารย์ พอเอามารวมกันก็กลายเป็น “Gokusen” มีความหมายประมาณว่า ครูที่มาจากกลุ่มคนพาล ซึ่งก็หมายถึง ยังกุมิ เซ็นเซย์ ยากูซ่าสาวที่มีใจรักอยากเป็นครูนั่นเอง แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ยังกุมิเป็นคนไม่ดีนะคะ แต่บอกพูดถึงยากูซ่า ภาพลักษณ์ของคนส่วนใหญ่จะมองว่าเป็นคนพาล แต่ในเรื่องแล้ว ยังกุมิเป็นยากูซ่าที่มีจิตใจดีงามค่ะ ใช้ความเป็นยากูซ่าในการสอนให้นักเรียนเข้มแข็ง และใช้พลังนั้นในการปกป้องคนอื่น
ละครที่ใช้ชื่อตัวละครเอกมาตั้งนั้น ก็มักจะเป็นเรื่องที่ตัวละครเด่นมากๆ พอดูปุ๊ป ก็นึกถึงตัวละครออกทันทีค่ะ
2. ตั้งตามชื่อนวนิยายและมังงะ
สำหรับละครที่สร้างมาจากนวนิยายหรือมังงะนั้น ส่วนใหญ่เขามักจะไม่เปลี่ยนชื่อเรื่องค่ะ ก็จะใช้ชื่อเดิมไปเลย (ยกเว้นบางเรื่องเท่านั้น ที่รู้สึกว่าชื่อเรื่องยาวไป หรือยังไม่สื่อถึงละครเท่าไหร่นักก็จะเปลี่ยน) สาเหตุที่ละครส่วนใหญ่ยังใช้ชื่อเดิม ก็คงเป็นเพราะว่า ชื่อของนวนิยายกับมังงะที่เอามาสร้างเป็นละครนั้น เป็นภาพจำของนักอ่านไปแล้ว พอมาทำเป็นละคร แล้วใช้ชื่อเดิม จะทำให้คนดูนึกออกว่า “อ่อ…เรื่องนี้ทำมาจากมังงะเรื่องนี้/ทำมาจากนิยายเรื่องนั้น” ก็จะมีส่วนช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมค่ะ
3. ตั้งจากอาชีพในละครเรื่องนั้น
บางเรื่องก็จะตั้งชื่อละครจากชื่ออาชีพเลยค่ะ ละครเรื่องนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับอาชีพอะไร ก็เอาอาชีพนั้นแหละค่ะมาตั้งเป็นชื่อ ละครที่เอาชื่ออาชีพมาตั้งก็เช่น Ghostwriter, Hotel Concierge, Bartender, Haken no Hinkaku เป็นต้นค่ะ
4. ตีความจากเนื้อเรื่อง
การตั้งชื่อละครจากวิธีนี้ ค่อนข้างเจอบ่อยเช่นกันค่ะ ชื่อเรื่องที่ว่าจะมาจากการตีความจากเนื้อเรื่องว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีแก่นเรื่องอะไร และก็นำสิ่งนั้นมาตั้งเป็นชื่อละครค่ะ เช่น เรื่อง “Hana Yori Dango” (花より男子) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “รักใสหัวใจเกินร้อย” เป็นเรื่องที่สร้างมาจากมังงะค่ะ ซึ่งชื่อของมังงะและละครเรื่องนี้มีความหมายที่น่าสนใจทีเดียว ชื่อเรื่อง “Hana Yori Dango” ถ้าแปลตามคันจิ 花より男子 ก็จะหมายความว่า ชายหนุ่มดีกว่าดอกไม้ หรือชายหนุ่มงดงามกว่าดอกไม้นั่นเองค่ะ ก็สื่อถึงหนุ่มๆ ที่หล่อปานเทพบุตรในเรื่อง ที่เผยความงดงามให้ใครต่อใครได้หลงใหลกัน แต่ความหมายของชื่อนี้ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ค่ะ ชื่อนี้ดันไปพ้องเสียงกับสำนวนญี่ปุ่นว่า “Hana Yori Dango” (花より団子) จะเห็นว่าคำว่า “ดังโกะ” เขียนต่างกัน เข้าใจว่าน่าจะเป็นการเล่นคำของคนแต่งค่ะ (จริงๆ คำว่า 男子 อ่านว่า ดันชิ ค่ะ แต่คันจิ 子 อ่านว่า “โกะ” ได้เช่นกัน) คำว่าดังโกะในสำนวนนี้หมายถึง 花団子 (Hana Dango) หมายถึง ขนมที่ทานกันในเทศกาลชมดอกไม้ สำนวนนี้ถ้าแปลกันตรงๆ ก็คือ “ขนมดังโงะดีกว่าดอกไม้” พูดอธิบายความหมายให้เข้าใจมากขึ้นไปอีกก็คือ อย่ามองกันแค่ที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ให้มองถึงแก่นแท้ข้างในจริงๆ ที่มาของสำนวน ก็มาจากการทานขนมดังโงะในเทศกาลชมดอกไม้ค่ะ ประมาณว่า แทนที่จะมัวแต่ชมความสวยงามของดอกไม้ หันมากินขนมดังโงะให้อิ่มท้องดีกว่าไหม ซึ่งก็ตรงกับแก่นเรื่องของละครเรื่องนี้ ที่สื่อถึงเรื่องราวความรักของชายคนหนึ่งที่หลงรักผู้หญิงธรรมดาๆ ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้สวยอะไรมาก แต่มีจิตใจที่งดงาม รักในตัวตนที่แท้จริงของเธอ ความสวยเป็นแค่เรื่องภายนอก แต่จิตใจและนิสัยนี่สิคือสิ่งที่จะทำให้คนสองคนรักกันไปอย่างยืนยาว ช่างเป็นความหมายที่ลึกซึ้งจริงๆ ค่ะ
หรือจะเป็นเรื่อง “Legal High” ละครแนวอาชีพกฎหมาย ที่ว่าความกันอย่างดุเดือด ชื่อของละครเรื่องนี้ก็จะสื่อว่า “ขึ้นไปให้สูงด้วยกฎหมาย” ซึ่งก็ตรงแก่นเรื่องของละครเรื่องนี้ ที่สื่อถึงอำนาจ หน้าที่ของกฎหมาย ที่ส่งผลอะไรบางอย่างกับชีวิตคน จะชนะหรือว่าแพ้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้กฎหมายไปในทิศทางที่เหมาะสม รวมถึงตัวละคร “โคมิคาโด้ เซนเซย์” ทนายในเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการใช้ความรู้ด้านกฎหมายนี่แหละค่ะ
นอกจากนี้ ชื่อละครญี่ปุ่นก็ยังมีลักษณะแบบอื่นๆ อีก เช่น
– บางเรื่องก็ตั้งชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษ ไม่จำเป็นต้องเป็นชื่อภาษาญี่ปุ่นเสมอไป
– ชื่อละครส่วนใหญ่ ไม่ได้เน้นคำคล้องจองมากนัก แต่จะเน้นความหมายของชื่อมากกว่า ชื่อต้องสื่อถึงเนื้อเรื่องทั้งหมดได้อย่างชัดเจน เลยทำให้ละครญี่ปุ่นบางเรื่องชื่อยาวเฟื้อยเหมือนประโยคบอกเล่าอะไรสักอย่างก็มีค่ะ เช่น Dame na Watashi ni Koishite Kudasai แปลเป็นไทยได้ว่า ช่วยมารักคนไม่เอาไหนอย่างฉันเถอะนะ หรือจะเป็นเรื่อง Itsuka Kono Koi wo Omoidashite Kitto Naite Shimau แปลเป็นไทยประมาณว่า หากวันใดนึกถึงความรักครั้งนี้ ก็คงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ (อารมณ์ประมาณว่า หากวันไหนนึกถึงรักครั้งนี้ เป็นอันต้องได้เสียน้ำตาแน่ๆ )… เรียกได้ว่าเห็นชื่อเรื่องที ไม่ต้องดู ก็รู้เลยค่ะว่าเกี่ยวกับอะไร
นี่ก็คือการตั้งชื่อละครญี่ปุ่นค่ะ จะเห็นได้ว่ามีวิธีการตั้งมาจากหลายอย่าง บางเรื่องก็ต้องตีความลึกซึ้งกินใจ ความหมายดีไม่แพ้เนื้อเรื่องในละครเลยค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– แนะนำ 5 ละครรักญี่ปุ่นที่ให้มากกว่า “รัก”
– รีวิวละครญี่ปุ่น Aka Medaka เรื่องจริงของนักเล่า “ราคุโกะ”
– พระเอก-นางเอกในแบบละครญี่ปุ่น
– ความงามของนางเอกละครญี่ปุ่นในแบบต่างๆ
– เหตุผลที่ทำให้ Hanzawa Naoki กวาดเรตติ้งได้สูงสุดในญี่ปุ่น!
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูล :
http://asianwiki.com/
http://www.nbs-tv.co.jp/blog/kouhou/2013/04/17.php