ไปญี่ปุ่นทีไรก็ต้องนั่งคิดนั่งหาของฝากเพื่อนและลูกศิษย์ภาษาไทยสุดรักทุกครั้ง เหนื่อยแต่ก็สนุกค่ะ หลังๆ มีน้องๆ แอบเมสเสจในเพจมาถามดิฉันเหมือนกันว่า จะซื้ออะไรไปฝากคนญี่ปุ่นดี เลยขอแชร์ประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ ส่วนตัวของดิฉันนะคะ ^^

สิ้นเดือนมีนาคมนี้ ดิฉันบินไปเที่ยวและเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงที่โกเบ ไปญี่ปุ่นทีไรก็ต้องนั่งคิดนั่งหาของฝากเพื่อนและลูกศิษย์ภาษาไทยสุดรักทุกครั้ง เหนื่อยแต่ก็สนุกค่ะ หลังๆ มีน้องๆ แอบเมสเสจในเพจมาถามดิฉันเหมือนกันว่า จะซื้ออะไรไปฝากคนญี่ปุ่นดี เลยขอแชร์ประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ ส่วนตัวของดิฉันนะคะ ^^
สำหรับผู้ที่จะไปเรียนต่อ
พี่ๆ น้องๆ ดิฉันที่จะไปเรียนต่อ ไม่ว่าระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท มักจะมีปัญหาในการซื้อของฝากดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ไม่มีพื้นที่กระเป๋าเหลือ… แค่แบกเสื้อหนาว รูปแฟน ไข่เค็ม ขวดน้ำปลาไปก็จะล้นกระเป๋าแล้ว แทบจะไม่เหลือพื้นที่แล้ว
2. ไม่รู้จะเจอใครบ้าง และจะฝากใครบ้าง เตรียมอะไรไปกี่ชิ้นดี
3. ไม่เคยเจอคนที่จะให้ของฝาก … เช่น โฮสท์แฟมิลี่ อาจารย์ที่ปรึกษา หรือฝ่ายธุรการของมหาวิทาลัย เคยติดต่อกันแค่ทางอีเมลเท่านั้น ไม่รู้รสนิยมหรือความชอบของอีกฝ่ายเลย
เพราะฉะนั้น ของฝากที่ผู้ที่จะไปเรียนต่อควรเตรียม ควรเป็นของฝากหมวด “Safe” ค่ะ กล่าวคือซื้อไปแล้วปลอดภัย ไม่ extreme มาก คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่รับแล้วไม่ลำบากใจ (เคยมีคนญี่ปุ่นมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรกับขวดยาดองดี เพื่อนคนไทยให้มาแต่ไม่กล้ากิน กลุ้มใจมาก…)
ของฝากที่ Safeๆ ได้แก่
1. ของ Jim Thompson
หากเป็นผู้ชายก็ซื้อเนคไทไปให้ค่ะ สำหรับคนญี่ปุ่นอย่าเอาสีฉูดฉาดมาก สีน้ำเงิน สีกรมท่า ฟ้าอ่อน เขียวเข้ม น่าจะพอได้ค่ะ
หากฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้หญิง ของฝากประเภทผ้าพันคอหรือผ้าเช็ดหน้าก็ดีค่ะ คนญี่ปุ่นไม่ถือเรื่องให้ผ้าเช็ดหน้ากัน ส่วนลายที่ชอบ อันนี้ก็แล้วแต่ แต่แนะนำว่าไม่ควรซื้อลายสีสดแปร๊ดๆ จนเกินไป เช่น แดงแปร๊ด ส้มจี๊ด ข้อแนะนำอีกเล็กน้อย คือ แต่ละฤดู จะมีโทนสีประจำฤดูค่ะ เช่น ถ้าจะไปช่วงเดือนมีนา-เมษา ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ คนญี่ปุ่นจะชอบสีชมพู เขียวอ่อน ม่วงอ่อน เหลืองอ่อน โทนพาสเทลนี่ได้หมดเลย แต่ถ้าเป็นช่วงเดือนตุลา-พฤศจิกายน ลองดูโทนสีน้ำเงิน น้ำตาล แดงเข้ม หรือสีดำค่ะ (ถ้าลายสวยนะ) เพราะเป็นฤดูใบไม้ร่วงและกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว
ถามว่าถ้าให้ไปแต่เขาก็ไม่ได้ใช้เลยไม่ใช่เหรอ…แล้วจะมาห่วงเรื่องสีทำไม… ก็จริงค่ะ แต่บรรยากาศในประเทศญี่ปุ่น เช่น การประดับห้างร้าน สีเสื้อผ้า มันจะมีสีประจำฤดู เพราะฉะนั้นเวลาเราให้ของฝากกับคนญี่ปุ่น แล้วเขาเปิดกล่องออกมา เขาจะอภิรมย์กับโทนสีที่เขาคุ้นชินมากกว่าค่ะ
2. ผลไม้อบแห้ง
ถ้าร้านให้เราชิมได้ ลองชิมดูนะคะ แนะนำให้เลือกเจ้าที่รสชาติไม่หวานมากจนเกินไป ผลไม้แห้งที่คนญี่ปุ่นชอบ คือ มะม่วงและสับปะรดค่ะ มะละกอหรือมะเขือเทศยังพอได้ ฝรั่งอบแห้งหรือส้มโออบแห้งนี่ รสชาติจะค่อนข้าง Extreme นิดหนึ่ง เลี่ยงๆ ไปดีกว่าค่ะ
หมายเหตุ: อย่าลืมดูวันหมดอายุด้วยนะเคอะ
3. กระเป๋า Naraya
อันนี้เหมาะกับการซื้อหว่าน ซื้อเผื่อไว้ เผื่อเจอคนญี่ปุ่นที่เขาดูแลเราดี หรือโฮสท์แฟมิลี่ แบรนด์ Naraya จะมีดีไซน์ที่คนญี่ปุ่นรับได้ และเอาไปใช้จริงได้ค่ะ
สินค้าที่โดยส่วนตัว ดิฉันคิดว่าดี คือที่หุ้มกล่องทิชชู่ (แบบกล่องใหญ่) ตะกร้าใบเล็กๆ ถ้าจะซื้อไปเผื่อหว่านใคร ลองดูพวกที่ใส่ทิชชู่ซองเล็กๆ หรือกระเป๋าเครื่องสำอางค่ะ
สีที่คนญี่ปุ่นชอบจะเป็นสีเรียบๆ พื้นๆ หรือลายสีหวานๆ ไม่ใช่โทนสีแปร๊ดๆ ค่ะ พวกลายช้างก็จะดูน่ารักดีเหมือนกันนะคะ

4. เครื่องหอมต่างๆ
เครื่องหอมของไทย อย่างพวก Diffuser หรือถุง Sachet หรือพวกครีมโลชั่นทาตัวค่ะ อันนี้เหมาะกับผู้รับที่เป็นผู้หญิง อย่างโฮสท์แฟมิลี่นี่จะแฮปปี้มาก
แบรนด์ที่โดยส่วนตัว ดิฉันซื้อบ่อยๆ ได้แก่
– Bath & Bloom: ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ ไม่แพงเว่อร์จนเกินไป กลิ่นกลางๆ เช่น กลิ่นมะลิ ส้ม มะพร้าว ไม่ได้ไทยจ๋ามาก ญี่ปุ่นรับได้
– Donna Chang: กลิ่นหอม แพ็คเกจจิ้งดีงาม ซื้อไปแล้วดูเลอค่า
– Thann: แพง… แต่กัดฟันซื้อหากฝ่ายตรงข้ามเป็นคนสำคัญจริงๆ ที่เลือกแบรนด์นี้เพราะ Thann มีร้านอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วย คนญี่ปุ่นหลายคนรู้จัก ถ้าซื้อไปให้ เขาก็จะแฮ้ปปี้มากค่ะ เวลาเอาไปให้ ต้องโม้ๆ ไปด้วยว่าโรงแรมห้าดาวที่ญี่ปุ่นหลายโรงแรมและสปาไฮโซทั้งหลายก็ใช้แบรนด์นี้ โม้ไปด้วยว่าเขามีร้านอยู่ที่ตึก Midtown Tokyo, Omotesando กับ Grande Front Osaka (แต่ละที่ไฮโซทั้งน้านนน….) คนรับจะได้ยิ่งปลื้ม
– Erb: ผลิตภัณฑ์และครีมหอมเช่นกันค่ะ หนังสือไกด์บุ๊คญี่ปุ่นยังเอาไปลง พวกโลชั่นทาตัวอย่างกลิ่นลาเวนเดอร์ คนญี่ปุ่นจะชอบ แต่ก็ต้อง…สู้ราคาหน่อยนะจ๊ะ
เครื่องหอมต่างๆ เหล่านี้หาซื้อได้ที่พารากอน (ชั้น 4 โซนขายของไทย) กับ Central World ค่ะ มีครบทุกแบรนด์ถ้าจวนตัวจริงๆ ไปซื้อที่สนามบินก็ได้ค่ะ แต่ข้อเสียคือ เขาจะมีแต่ถุง King Power ใสๆ ไม่มีถุงสวยๆ เหมือนที่ร้าน ต้องทำใจค่ะ
สำหรับนักธุรกิจ
กลุ่มนี้จะประสบปัญหาคล้ายๆ กับกลุ่มนักเรียน คือ ไม่เคยเจอคนญี่ปุ่นอีกฝ่ายมาก่อน หรือไม่สนิท ไม่รู้ว่าเขาชอบอะไร ทว่ายังโชคดีหน่อยตรงที่กระเป๋าพอมีที่ว่างบ้าง
ประเด็นหลัก คือต้องเป็นของฝากที่ดูดีมีชาติตระกูล ดิฉันขอแนะนำดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ขนม
ถ้ามีเวลาไปหาซื้อหรือฝากเลขาฯ ให้ไปซื้อได้ ลองดูขนมที่ขายตาม Tops Supermarket หรือ Gourmet market ดูค่ะ แพ็คเกจจิ้งสวยๆ หลายแบรนด์เลย พวกทองม้วน ช็อคโกแล็ตเคลือบมะพร้าว หรือขนมของร้าน Jim Thompson พวกผลไม้แห้ง ข้าวเกรียบ กล่องสวยและดูดีมากค่ะ

ขนมที่ไม่แนะนำให้ซื้อ คือทุเรียนทอด แม้ว่าจะแพงและรสชาติอร่อยจริง แต่คนญี่ปุ่นทั่วไปจะไม่กล้าแตะ เพราะมองว่าทุเรียนมีกลิ่นแรง
2. ชา
เนื่องจากดิฉันไม่ดื่มเหล้า เลยไม่แน่ใจว่าวิสกี้หรือเหล้าไทยแบบไหนที่โดนใจคนญี่ปุ่นบ้าง บางครั้งดิฉันก็จะซื้อชาไปค่ะ อย่าง TWG คนญี่ปุ่นก็ชอบ คือ… มันไม่ใช่แบรนด์ไทย แต่หอมมากและดูดี แถมหาซื้อได้ที่สนามบินด้วย สะดวกมากสำหรับนักธุรกิจที่ยุ่งๆ ค่ะ

ส่วน Jim Thompson เองก็มีชาเหมือนกัน แต่เป็นชาใบหม่อน โดยส่วนตัวยังไม่ค่อยชอบรสชาติเพราะอ่อนไป เลยแนะนำของ TWG มากกว่าค่ะ
3. Jim Thompson
เอาอีกแล้ว …เขียนถึงอย่างกับแบรนด์นี้จ้างดิฉันมาเขียน แต่ก็ยอมรับว่าในบรรดาของฝากทั้งหมด แบรนด์นี้แข็งแกร่งที่สุด ดูเลอค่าสุดจริงๆ วิธีเลือกของก็เหมือนกับที่กล่าวไปตอนของฝากสำหรับผู้ไปเรียนต่อเลยค่ะ
สำหรับเพื่อนญี่ปุ่นที่ชอบ/เคยไปเมืองไทย
โจทย์ข้อนี้ง่ายมาก ซื้ออะไรไปส่วนใหญ่เพื่อนจะดีใจหมด เพราะเห็นของเหล่านั้นแล้วคิดถึงเมืองไทย บางรายที่ดิฉันรู้จักถึงกับรีเควสท์ระบุมาเลยทีเดียว เช่น DVD ของนักร้องลูกทุ่งคนนั้นคนนี้ เขาไปรู้มาจากที่ไหนนั้น ยังเป็นปริศนาสำหรับดิฉันจนวันนี้ค่ะ
เอาล่ะค่ะ จากประสบการณ์กว่าสิบปีที่ดิฉันสั่งสมมา คนญี่ปุ่นที่ชอบเมืองไทย ส่วนใหญ่จะดีใจกับสิ่งต่อไปนี้ค่ะ
• อะไรสักอย่างที่มีลายตัวอักษรหรือตัวเลขไทย
เช่น ผ้ากันเปื้อนลายตัวอักษรไทย แฟ้ม สมุด สมุดก็สมุดบ้านๆ ที่ขายตามสหกรณ์มหาวิทยาลัยหรือร้านขายเครื่องเขียนนี่แหละค่ะ ญี่ปุ่นบางคนกรี๊ดมากที่สมุดบ้านเรามีสูตรคูณถึงแม่ 12 สมุดบางเล่มเขียนถึงแม่ 25 เขาว่ามันเก๋ดี ที่ญี่ปุ่นเขาท่องกันถึงแค่แม่ 9 เอง นาฬิกาข้อมือที่มีเลขไทย เขาก็ชอบค่ะ (เคยเห็นที่ JJ Mall)
• ยาดม
คนญี่ปุ่นคงไม่ได้เอาไปเสียบจมูกเหมือนคนไทยหลายๆ คน แต่เขาจะดมๆ บ้างเวลาเพลียๆ หรือดมเวลาคิดถึงเมืองไทย แถมพกง่าย ประหยัดที่ด้วย ถูกใจดิฉันมากๆ
• มะนาว ใบมะกรูด ตะไคร้ “สด”
สำหรับผู้หญิงที่ชอบทำอาหารไทย เขาจะกรี๊ดมาก ที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีขายของพวกนี้ค่ะ พวกเครื่องแกงก็ดีนะคะ
• อื่นๆ
อันนี้ไม่แน่ใจว่า ใช้กับคนญี่ปุ่นที่คุณผู้อ่านเคยเจอหรือเปล่า แต่คนญี่ปุ่นที่ดิฉันรู้จักหลายคนชอบสิ่งต่อไปนี้ค่ะ
– ทิชชู่ที่ห่อเป็นโดราเอมอน (แบบที่ขายตามตลาดนัด ห่อละ 30 บาท) เขาบอกว่าแพ็คเกจจิ้งด้านนอกเป็นโดราเอมอน น่ารักดี เอาไปฝากหลาน
– ขนมขาไก่ (ทุกทีดิฉันซื้อที่ร้านในหมู่บ้านสัมมากร…ขายดีมาก ต้องจองล่วงหน้านาน)
– ชาตราใบมือ เขาบอกเอาใบชามาต้มแล้วมันเป็นสีส้มแจ๊ด สวยดี ชอบใส่นมกับน้ำตาล ดื่มเวลาคิดถึงเมืองไทย
– ขนมไหว้พระจันทร์ (ทุกทีดิฉันซื้อร้านกิเลน ตรงสยาม)
– ทุเรียนทอด (ทุกทีดิฉันสั่งจากจันทบุรี)
– หมูเส้น (ทุกทีไปซื้อที่ตลาดพลู)
– ทองม้วนเจ้าสุธีรา (หาซื้อได้ที่ Tops Supermarket แถวบ้านพอดี)

ส่วนของที่เคยซื้อไป แต่เขาเฉยๆ และไม่มีรีเควสท์กลับมาอีก ได้แก่ กุนเชียง หมูหยอง หมูกรอบ ฝอยทอง
สำหรับเพื่อนทั่วไป (ที่อายุไม่มาก)
ถ้าเป็นผู้ชายวัยรุ่น…อะไรก็ได้ที่กินได้ ยิ่งเป็นกับแกล้มได้จะยิ่งดีมาก เช่น กูลิโกะ Pretz รสลาบกับรสต้มยำกุ้ง สาหร่ายเถ้าแก่น้อย (บางดีด้วย) ถั่วพันธุ์ต่างๆ
ถ้าเป็นผู้หญิงวัยรุ่น … อะไรก็ได้ที่ดูน่ารัก กุ๊กกิ๊ก ถ้าเป็นช้าง อย่าเอาช้างลายไทย เอาลายแบบโมเดิร์นนิดๆ ครีมทามือหอมๆ สบู่หอมๆ หรือสบู่สมุนไพร อย่างสบู่มังคุดอะไรแบบนี้ สาวๆ จะดีใจมากๆ ค่ะ
ของที่ไม่ควรซื้อ:
1. ของวางโชว์อลังการ หรือของตั้งชิ้นใหญ่ๆ เพราะบ้านคนญี่ปุ่นแคบมาก ไม่ค่อยมีพื้นที่
2. ของใช้ที่สีฉูดฉาดเกินไป เช่น ผ้าพันคอสีบานเย็น
3. ขนมหรืออาหารที่คนญี่ปุ่นไม่แน่ใจว่าทานอย่างไร หรือรสชาติต่างจากอาหารญี่ปุ่นมากๆ เช่น ทุเรียนทอด ทุเรียนกวน กุนเชียง






หวังว่าพอจะเป็นไอเดียได้บ้างนะคะ ^^
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Facebook เกตุวดี