วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
(เรื่องแทรก) ฝ่าวิกฤติโควิด ไปวัดใจตัวเองในงานแข่ง SIAM CUP BJJ 2022 SUMMER EDITION ไปเลยดิรอไรอยู่!!
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน
หลังจากที่ผมเขียนเรื่องคัมภีร์ห้าห่วง (ซึ่งเขียนไปเขียนมาจะกลายเป็นไดอารี่ชีวิตไปละ 55) มาได้จนเกินครึ่งปี คราวนี้ได้เขียน “เรื่องแทรก” เสียทีนะครับ จะขอเล่าเรื่องการเดินทางไปแข่งในงานแข่ง “สยามคัพ ยิวยิตสู ฉบับฤดูร้อน” แห่งปี 2022 ซะที หลังจากที่คอยกันจนเหงือกแห้ง เนื่องจากปีที่แล้ว 2021 การแข่งมีอันต้องพับไปเนื่องจากวิกฤติโควิด มาถึงปีนี้ ฟ้าเปิด การแข่งขันก็เกิดขึ้นได้แล้ว
…แล้วจะช้าอยู่ไย ไปเลยดิ!!
ชะรอยจะมีคนคิดแบบเดียวกับผมเยอะ รอบนี้จำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าแข่งขันจึงพุ่งกระฉูดทำลายสถิติ สูงถึง 854 คน เลยสิครับ มากกว่าปี 2020 ถึงสองเท่า (ตกใจหลายๆ อัน) งานนี้ไม่ได้มีแค่เฉพาะยิมในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมียิมจาก ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลย์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย ส่งผู้เข้าแข่งขันจากชาติต่างๆ กันมามากมาย กลายเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ใหญ่เกิน ใหญ่จนผู้จัดหลังแอ่นเลย ต้องรีบเพิ่มสนามแข่งเป็นหกสนาม และยังมีความวุ่นวายอื่นๆ อีก ซึ่งเดี๋ยวผมจะเล่าต่อไปนะครับ
เริ่มเรื่องจากการเดินทางของผมก่อนละกันครับ
29 กรกฎาคม 2565 (เดินทางมา กทม.)
ปีนี้การนั่งเครื่องบินมาดอนเมืองมีความสะดวกมากขึ้นเนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีแดงเปิดบริการแล้ว จากนี้ไปไม่ต้องไปคอยรถเมล์หรือแย่งแท็กซี่อีกต่อไป มีรถไฟฟ้าวิ่งเข้าเมืองเลย (ซึ่งสะดวกมากโดยเฉพาะขากลับ) แต่ตัวสถานีก็ใหญ่หาพ่อหาแม่เกินจนแบบ จะต้องเดินอะไรขนาดนั้นกว่าจะตะกายขึ้นชานชาลาได้ ว่าแล้วก็เอารูปไปชมก่อนครับ
นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงมาถึงสถานีกลางบางซื่อ แล้วต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินของ MRT เนื่องจากเที่ยวบินเลื่อน กว่าจะถึงกรุงเทพฯ ล่อไปบ่ายโมงแล้ว ที่ว่าจะไปร้านมังสวิรัติที่จตุจักรก็เลยพับไปก่อน (กะจะไปตอนขากลับก่อนไปดอนเมือง) มาถึงที่พัก ผมกับเพื่อนตัดสินใจไปกินร้าน “คินซ่าเกี๊ยวซ่า” วันนั้นร้านโล่งเลยไม่มีคนนั่ง (ร้านนี้ส่วนใหญ่ขายแบบเดลิเวอรี่) คุยกันสบายๆ สั่งซิกเนเจอร์ของเขาเลย ชุดเกี๊ยวซ่าชีส สี่ไส้ (หมู ไก่ กุ้ง ผัก) สิบสองชิ้น (ไส้ละสามชิ้น) จุกๆ ไป เอาจริงๆ ใจจริงผมอยากกินเป็ดย่างนาทองมากกว่า แบบสั่งเป็ดย่างจานนึงกินกับข้าวเปล่าสองคน แต่เพื่อนบอกอยากกินเกี๊ยวซ่าก็ อ่ะ ตามใจเพื่อน
อนิจจา พอเย็นมา เพื่อนคนนึงไป เพื่อนอีกคนมาเยี่ยมที่โรงแรม ก็ยังจะอยากกินเกี๊ยวซ่าร้านเดิมอีก เลยได้เข้าร้านเดียวกัน สองทีซ้อนในวันเดียว 555
คุยกันจนเพื่อนลากลับแล้วผมก็นอนเอาแรง เตรียมแข่งวันรุ่งขึ้น
30 กรกฎาคม 2565 (ไปสนามแข่ง)
ผมดันตื่นมาตีสี่กว่าๆ (ตื่นมาทำม๊าย) ก็เลยเปิดทีวี อาบน้ำ แต่งตัว แบกกระเป๋าใส่ชุดไปเลย เดินขึ้นสถานี MRT สุทธิสาร ไปถึงสถานี MRT เพชรบุรี ได้อาศัยซื้อเสบียงจำพวกแซนวิช กล้วย ลูกเกด ชอกโกแลต นมอัลมอนด์ น้ำดื่มขวดใหญ่ๆ สองขวด (สำคัญที่สุดตรงน้ำดื่ม ก่อนแข่งขัน อย่ากินอะไรที่ย่อยยาก เนื้อสัตว์หนักๆ มันๆ เลี่ยงได้เลี่ยง ห้ามขาดน้ำเด็ดขาด ผมเลือกกินนมอัลมอนด์เพราะเบาและย่อยง่ายกว่านมวัว) ที่ร้าน LAWSON 108 ในมอลล์ที่สถานีเพชรบุรีนั่นแหละ ที่เราต้องรีบซื้อเสบียงเพราะที่จัดแข่งคือ SHOW DC นั้นเป็นห้างร้างระดับผีหลอกเลยฮ่ะ
พอไปถึงก็พบว่า จำนวนคนที่มาแข่งไม่ใช่เล่นๆ เลย คนเยอะจนแทบจะหาตัวโค้ชและเพื่อนร่วมทีมไม่เจอ จนต้องไลน์หาเลย 555 การที่จำนวนคนคราวนี้เยอะเกินไปนั้นทำให้เกิดปัญหาสองอย่าง
หนึ่ง การชั่งน้ำหนักก่อนแข่งเปิดแปดโมง แต่โปรแกรมแข่งเริ่มเก้าโมง ในขณะที่มีเครื่องชั่งแค่สองอัน ขุ่นพระ! ต่อคิวยาวกันนรกแตก ใครที่ไม่กังวลเรื่องน้ำหนักตัวอาจไม่เป็นไร (ไปชั่งตอนตลาดวายคนหายหมดแล้วก็ได้) แต่พวกที่พยายามทำน้ำหนักลงเพื่อให้ลงรุ่นได้นี่ แย่เลยนะครับ ไหนจะเด็กๆ อีก เขาเลยต้องประกาศหน้างานว่า เด็กๆ กับพวกสายขาว มาชั่งก่อนนะครับ เพราะการแข่งจะเริ่มจากเด็กๆ (แปดขวบขึ้นไป) กับสายขาว (วัยรุ่นและหนุ่มสาว) ก่อน
สอง จากการที่คนมาแข่ง เยอะ เยอะมาก เยอะเกินไปแล้ววววว ทำให้รุ่นสูงวัย (40+) อย่างผม ได้ไปแข่งตอนเย็น (รุ่นน้ำหนักเดียวกัน) กับ สองทุ่ม (รุ่นไม่จำกัดน้ำหนัก) นี่ขนาดเพิ่มสนามเป็นหกสนามแล้วนะ (ตอนปี 2020 จัดไว้สามสนาม สบายๆ ผมแข่งสองโมงสามโมงก็เสร็จแล้ว) โอ้ว ตายห่าน ห่านตาย ผมอุตส่าห์นัดแก๊งเฮียกอล์ฟเฺฮียน้ำเอาไว้ ว่าแข่งเสร็จแล้ว เย็นๆ ไป DONKI MALL กันนะ นัดล่มสิครับ ปัดโธ่
ถึงคุณผู้จัดงาน ครับ
- วันหลังให้เด็กๆ แข่งก่อน แล้วคนแก่แข่งบ้าง แล้วค่อยให้คนหนุ่มสาวแข่งต่อเหอะครับ มานั่งแกร่วนี่ สำหรับคนเกิน 40 มันไม่ไหวนะฮะ แทบจะหลับข้างสนามแล้ว ก็เข้าใจว่า การจัดการจับคู่ ตารางเวลา ค่อนข้างฉุกละหุกมากเพราะจัดกันไม่กี่วันก่อนงานแข่งจะเริ่ม ก็เข้าใจครับ ก็อยากให้เพิ่มสนามอีก แต่ก็เข้าใจเหมือนกันว่า เพิ่มสนามก็ต้องเพิ่มกรรมการ เพิ่มมอนิเตอร์สกอร์บอร์ดอีก แต่คราวนี้หกสนามยังไม่พอจริงๆ งานแข่งลากยาวไปยันสองทุ่มกว่าเนี่ย ถ้าคนมาแปดร้อยนี่่ ถ้าทำได้เพิ่มเป็นแปดสนามเหอะครับ (ฮา)
- คราวหน้าเปลี่ยนไปจัดที่ DONKI MALL มั่งเหอะครับ ที่นั่นมีไอดอลคาเฟ่ บางทีมีอีเวนท์ไอดอลด้วย ผมจะได้แบบ รอๆ แข่งอยู่ เดินไปเกร่ๆ ดูน้องๆ มั่ง ใส่กิ (ชุดแข่ง) เดินไปแม่มทัังๆ อย่างนั้นเลยก้อได้ 55 (ข้อนี้ผมหยอกๆ นะครับ)
ปล. ผมเขียนอย่างนี้ ผมมาแข่งคราวหน้า อย่าไล่เขกกระบาลผมนะครับ ผมรู้ ทีมผู้จัดงาน กรรมการสนามบางท่าน จำหน้าผมได้ด้วยแหละ 555
ปล. ๒ มุกตลกในข้อ 2. นั้นเป็นมุกตลกสละชีพ คือรู้เลยเมียอ่านแล้วผมต้องโดนตบซ้ายตบขวาแน่นอน ฉะนั้นก็ช่วยกันกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ 555
แต่ถ้าไม่นับความไม่สะดวกที่ว่ามานี้ สำหรับผมการที่ได้มางานแข่งนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ว้าวมาก อย่างน้อยผมก็ได้ส่งยิ้มให้ DJ Jackson แชมป์โลกยูยิตสูคนดังที่ตอนนี้เป็นเฮดโค้ชให้กับยิมแฟร์เท็กซ์ ซึ่งแกก็ยิ้มตอบให้ตามมารยาทอันดี (ว่าแต่เมื่อไหร่จะมาจัดสัมมนาที่่เชียงใหม่มั่งครับ? มาเมื่อไหร่ผมไปแน่นอน) แล้วก็เจอกับอาจารย์เดวิด (เดวิด สุทธาหลวง แชมป์ปี 2020 ซึ่งผมเคยเจอกันในสนามนัดชิงชนะเลิศรุ่นไม่จำกัดน้ำหนัก) ดีใจมากกอดกันกลมเลย (ฮา) น่าเสียดายที่ในปีนี้ ถึงจะลงแบบไม่จำกัดน้ำหนัก สายน้ำเงิน รุ่นอายุ 41 ปีขึ้นไป (MASTER 3) เหมือนกัน แต่เนื่องจากปีนี้คนแข่งในรุ่น MASTER 3 มีเยอะ (ตั้งสิบคนแน่ะ) เลยไม่มีโอกาสเจอกันในสนาม (จากการแบ่งสายทัวร์นาเมนต์) ตัวผมเองก็ตกรอบแปดคนสุดท้ายด้วยสิเอ้อ
ใครอยากอ่านเรื่องราวการแข่งปี 2020 ที่ผมเจอกับอาจารย์เดวิด คลิกได้ ที่นี่ นะครับ ช่วยปั่นยอดวิวหน่อย บก. เขาจะได้รักผมมากๆ (ฮา)
ถึงห้างมันจะโคตรร้าง (ร้างขนาดที่ว่าแมคโดนัลด์ยังเจ๊งอ่ะคิดดู ยังงงว่า สตาร์บัคส์ทำไมยังเปิดอยู่ได้ เอ๊ะหรือเปิดเฉพาะวันนี้ที่มีงานแข่ง 555) แต่ทีมงานผู้จัดงานแข่งก็ยังจัดให้มีการออกบูธขายอาหารสร้างสีสัน มีไส้กรอก มันบด จาก HOGFATHER มีแม่บ้านญี่ปุ่นมาขายโอนิกิริไส้แซลมอน ลูกเบิ้มๆ 40 บาท ผักดองทะคุอันหยิบได้ไม่อั้นจ้า และก็มีบูธขายอาหารแนวกรีก (เรียกชื่อไม่ถูกแต่ดูทรงคล้ายเคบับหรือแรป) แต่ด้วยการต้องระวังเรื่องการย่อยอาหาร ผมกินได้แค่โอนิกิริ กับ มันบด เท่านั้นครับ ไส้กรอกไม่กล้ากินกลัวไม่ย่อย (น่าเสียดายของอร่อย) และยังมีคนมาเช่าที่ห้าง (จริงดิ) ขายของกิน น้ำดื่ม เล็กๆ น้อยๆ ด้วย ผมเดินไปเดิน ช่วยเชียร์ช่วยถ่ายวิดีโอการแข่งให้เพื่อนในทีมบ้างอะไรบ้าง เมื่อยๆ ก็ไปนั่งรถตุ๊กตุ๊กที่เขาจอดโชว์ในห้าง (อารมณ์ขายทัวร์ต่างชาติมากห้างนี้) เพื่อนผมบอกว่าเห็นรูปผมนั่งรถตุ๊กตุ๊กแล้วนึกถึง TukTuk Patrol ถ้าใครไม่รู้จักอยากรู้ว่า TukTuk Patrol มันคืออัลไลก้อไปเสิร์ชกูเกิลเอาคนเดียวเน่อ
ปีนี้ยิ่งใหญ่จริงๆ มีถึงหกสนาม
หลังจากที่ วิ่งไปวิ่งมา ดูเพื่อนร่วมทีมแข่งบ้าง ไปทักทีมงานยิม Gato Studio บ้าง (ซึ่งคุณ Moto ปีนี้สนามนี้ก็ได้เหรียญทองอีกแล้วครับท่าน) บางคู่ก็ไปเชียร์ขอบสนามด้วย คอยดูอัพเดทตารางเวลาแข่งขันทางมือถือ (ผ่านเว็บแพลตฟอร์ม smoothcomp) ไปด้วย พอถึงห้าโมงเย็น ผมก็ซ้อมดริลท่าพื้นฐานเช่นท่าเหนี่ยวคอแล้วเข้าข้างหลัง อะไรงี้ กับรุ่นน้องในทีม เอาพอให้เหงื่อออก (อุ่นเครื่อง) ก่อนลงสนามโค้ชก็ก็ตบหลังตบไหล่เพื่อไล่ความตื่นเต้นตึงเครียดในตัวก่อนจะลงสนาม ไปเลยสู้ๆ
รุ่น MEDIUM HEAVY คู่แรกผมพบกับคุณลุงวัย 58 จากนิวซีแลนด์ โหอุตส่าห์ข้ามทะเลมาแข่ง นับถือเลยครับ เปิดมาไม่รู้ทำไมผมตัดสินใจ pull guard แล้วเข้า closed guard กะ cross collar choke ซึ่งผมเข้าท่าแล้วแต่รัดคอแกไม่สำเร็จ แล้วผมก็พลาดตรงที่แกทำลาย closed guard ผมได้ โดน pass guard สุดท้ายโดน mount อีก ผมโดนแก choke เกือบเอาตัวไม่รอด สุดท้ายหมดเวลา แพ้คะแนนไป 0-10 รับเหรียญทองแดงกลับบ้านไปเป็นที่ระลึกหนึ่งอัน
ผมนับถือคุณลุงมากครับ
ผมประทับใจกับคุณลุง Adrian มาก ใจแกได้จริงๆ มาจากยิมที่นิวซีแลนด์มาเลย รูปนี้มาจากเพจยิมแกนะครับ Nautilus Jiu Jitsu https://www.facebook.com/NJJTaupo ส่วนหนุ่มรัสเซียนี่ ยิม RONIN BJJ ที่ฮานอยส่งเข้าประกวดครับ
ส่วนการแข่งในรุ่นไม่จำกัดน้ำหนัก OPEN WEIGHT นั้น คุณลุงคนเดิมแกขอบายเพราะขี้เกียจเจอกับผมอีกรอบ (ฮา) แกบอกแกเก็บแรงไว้แข่ง NO-GI ดีกว่า ผมก็เลยไปพบหนุ่มอเมริกันตัวแทนจากยิม GFT-CRT เชียงราย ซึ่งกลายเป็นเกมประลองการยืนสู้กันไปเสียเยอะ ผมเองพลาดที่โดน ankle pick ชิงทำคะแนนได้่ก่อน ถึงสุดท้ายจะหลุดจากการโดนล็อกข้อเท้าได้หวุดหวิดแล้วกลับลุกขึ้นยืนได้ใหม่ แต่ก็ไม่สามารถทำคะแนนได้ สุดท้ายคะแนนไป 0-6 ตกรอบแปดคนสุดท้ายไป ก็เลยอ่ะไปดูรุ่นน้องในยิมแข่งอีกแมตช์ แล้วถ่ายรูปรวมกัน แล้วแยกย้าย
ความเห็นส่วนตัวนะครับ เหรียญปี 2020 สวยกว่านะ (ฮา)
พอผมมาถึงห้องพัก สิ่งที่ทำอย่างแรกคือ ซักกิ ครับ 555 ผมคงยอมให้กิเปื้อนเหงื่อเหม็นเฉ่าๆ แบบว่าไปถึงสนามบินแล้วเอาขึ้นเครื่องบินกลับบ้านได้ หรอกนะครับ ก็ซักปั่นแห้ง (มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญใกล้โรงแรมที่พัก) แล้วตากมันในห้องแหละครับ (พอได้อยู่นะ ตื่นมามันก็แห้ง 70%) แล้วก็ให้รางวัลตัวเองด้วยเบียร์อาซาฮีสด และของเสียบไม้ย่าง/ชุบเกล็ดขนมปังทอด ร้านนี้เลย Hinata แยกสุทธิสาร เป็นร้านแนวอิซากายะที่แบบกินแล้วชอบเลย ถ้ามีโอกาสมาจะกินอีกนะ เอารูปไปดูกันเลยครับ
31 กรกฎาคม 2565 (กลับบ้านสิครับ)
ผมตื่นมา สักหกโมงได้ ตอนเจ็ดโมงผมลงไปห้องแพนทรี่ข้างล่าง กะว่าจะชงชากินแต่ใบชาดันหมด (ฮึ่ม) ด้วยความที่ หิวข้าว ก็เลยตัดสินใจเช็กเอาท์เพราะตั้งใจไปกินข้าวเช้าที่ร้านมังสวิรัติที่จตุจักร (ของชมรมมังสวิรัติฯ ผมกินมาแต่เด็กละ พ่อผมพามากิน ร้านนี้อยู่ยั้งยืนยงดีแท้ๆ อยู่มาเกินสามสิบปีแล้วแน่ๆ) ก่อนกลับเชียงใหม่ กะจะกินเป็นมื้อเช้าควบมื้อเที่ยงเลยนั่งกินสบายๆ กินข้าวหมกไก่ทอด (เจ) คิมมาริ (สาหร่ายพันวุ้นเส้นทอด แหม่มีเมนูเกาหลีซะด้วย) ข้าวผัดหนำเลี้ยบ ลาบเต้าหู้ น้ำรากบัว ขนมวันนี้กินบัวลอยน้ำขิง อิ่มจัง
เนื่องจากผมรู้ว่าเมื่อวานแข่งนี่ วันนี้อาการ DOMS (อาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อแบบดีเลย์) ต้องมาแน่นอน แล้วมันก็มาจริงด้วย อีตอนยกกระเป๋าเดินในสถานีรถไฟฟ้าสีแดงยิ่งตอนจะเข้าสนามบินนี่ ไหล่แข็งเป็นหินเลยครับ สำหรับผมวิธีการรับมือสิ่งนี้คือ พยายามกินอาหารที่ย่อยง่าย ไม่เป็นภาระต่อร่างกาย (อาหารมังสวิรัติจึงเป็นตัวเลือกที่เพอเฟค) พยายามหลีกเลี่ยงน้ำตาลของหวานจัดๆ (ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย) ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ และสุดท้ายคือ นอนได้นอนไปเลย ตื่นมาเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
หลังจากที่ขึ้นเครื่องบินแล้วก็ต้องพุทโธธัมโมสังโฆไปตลอดทางเพราะเครื่องบินมันสั่นมากตอนบินขึ้น (เจอแบบนี้ทั้งขาไปขากลับ) บางทีเครื่องบินเหมือนบินฝ่าเมฆเลย (ตูไม่น่าบินหน้าฝนเลยนี่ขนาดแดดเปรี้ยงๆ) ในที่สุดก็ถึงสนามบินเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ ได้กลับมาพบหน้าเมียอีกครั้ง (ฮา) การเดินทางของผมก็จบลงแต่เพียงเท่านี้
ปัจฉิมลิขิต
ท่านผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่าผมไปแข่งทำไม? เมียผมด้วยความอินกับข่าวเรื่องอุบัติเหตุสลดในการแข่งมวยไทย เลยพลอยกลัวไปด้วย (คือเห็นเป็นกีฬาต่อสู้ก็เหมารวมไปหมด) ไหนจะกลัวเรื่องโควิดอีก ไปแข่งทีค่าใช้จ่ายก็ไม่น้อยนะครับ ค่าลงแข่ง ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม ค่ากิน ค่ารถไฟฟ้า ฯลฯ รวมกันก็ไม่ใช่น้อยๆ ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้
…ก็อย่างที่จั่วหัวแหละครับ ผมไปเพื่อ “วัดใจตัวเอง”
ซึ่งผมก็ถือว่า ผมได้วัดใจ (心 ชิน) ตัวเองแล้ว อย่างน้อย การที่ยืนได้จนครบยกและไม่แสดงความกลัวหรือท้อถอยนัั้น มันก็ปัดเป่าความรู้สึกที่แบบ ไม่มั่นใจในตัวเอง ออกไปได้แล้ว ผมเห็นหนทางที่ตัวเองจะไปต่อละ เมื่อผมกลับถึงเชียงใหม่ สิ่งที่ต้องทำคือ เข้าคอร์สกายภาพบำบัด ปรับรูปร่างท่วงท่าในร่างกาย (体 ไท) ตัวเอง แก้จุดที่ไม่สมดุลต่อ เมื่อใจมันดีขึ้น แล้วร่างกายมันดีขึ้น มันก็คงมีหนทางที่กระบวนท่า (技 วาซะ) จะดีขึ้นได้เอง
ส่วนเรื่องที่เมียผมกังวลว่าผมจะไปบาดเจ็บในการแข่ง คืออยากจะบอกว่า ผมไปเจอบทความวิชาการของฝรั่งอันนึง เขาเก็บข้อมูลมาแล้ว สรุปนะครับ BJJ น่ะ อัตราการบาดเจ็บน่ะเปรียบเทียบแล้ว ยังน้อยกว่าเทควันโดเสียอีก (เพราะอะไรเดี๋ยวผมจะบอกในย่อหนาถัดไป) ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงยูโด มวยปล้ำ หรือ MMA เลย แหล่งอ้างอิง
Combat sport Injury rate per 1000 athlete exposures
Brazilian jiu jitsu (BJJ) 9.2
Wrestling 9.0 – 30.7
Taekwondo 20.5 – 139.5
Judo 25.3 – 130.6
Mixed martial arts (MMA) 236 – 286
ที่มา JF Scoggin III et al (2014), “Assessment of Injuries During Brazilian Jiu-Jitsu Competition”,
Orthopedic Journal of Sports Medicine
มันมีเหตุผลที่รูปธรรมที่ว่าทำไมการแข่ง BJJ ถึง “ปลอดภัยกว่า” กีฬาต่อสู้อื่นๆ ดังนี้ครับ (อันนี้ผมพูดเองนะ)
1. ไม่มีการต่อยตีใส่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย (โดยเฉพาะหัวหรือใบหน้า)
2. มีกฎการห้ามทุ่มแบบ จับคู่ต่อสู้อัดทิ้งดิ่งลงพื้นกระแทกตู้ม (slamming) ใครทำนี่ ไล่ออกจากสนามปรับแพ้เลยนะครับ ในงานนี้เห็นคู่นึงนี่ จะๆ กรรมการปรับแพ้เห็นๆ เลย
3. ท่าทุ่มโหดๆ ของยูโดบางท่า เช่นท่าทุ่มพาดหลัง (เซโออิ) ถึงไม่ถูกห้ามตรงๆ แต่ใน BJJ ไม่ค่อยนิยมใช้ เพราะเป็นการโชว์หลังให้คู่ต่อสู้ดู โดนเข้าข้างหลังนี่ ได้แต้มนะครับ แปลกดีว่า ท่าเทคดาวน์จำพวก ankle pick, single leg, double leg นี่ ใน BJJ ใช้กันอยู่นะครับ แต่ยูโดบอกว่า “ห้าม” (ห้ามจับอะไรที่มัน “ใต้เข็มขัด”) หลายครั้งที่เกมเข้าสู่โหมดนอนปล้ำด้วยการแบบว่าแค่ pull guard แล้วนอนลงพื้นเฉย
4. เมื่อคุณเข้าตาจน โดนล็อคอย่างแก้ไขไม่ได้ แทปเถอะโยม แพ้แต่ไม่เจ็บตัวมากอาทิตย์หน้ายังไปยิมซ้อมต่อได้นาจา ไม่รีบแทปแต่เนิ่นๆ บาดเจ็บขึ้นมาได้หยุดยาวนะเอ้อ
5. ท่าล็อคหลายอย่างที่อันตรายมีการจำกัดการใช้ได้หรือไม่ได้ ตามสีสาย (วุฒิภาวะ) บางท่าเช่นท่าบิดข้อมือ สายขาวห้ามใช้ ต้องสายน้ำเงินขึ้้นไปจึงจะใช้ได้ มันก็เป็นการเซฟในระดับหนึ่ง
นั่นแหละครับ
แต่ถึงงานนี้คนจะมาจนล้นยังไง ผมก็ยังได้เจอได้ทักทายหลายคนที่จำหน้ากันได้ว่าเคยแวะเวียนมาลงเบาะที่ยิมผม ซึ่งบางคนก็ลงแข่งกันด้วยหนุกหนานกันไป สายน้ำเงินบางคนผลงานในการแข่งคราวนี้ดีเว่อร์ ขนาดว่าถ่ายรูปหมู่เสร็จ มีคนโยนสายม่วงให้เลย เรียกว่าเลื่อนสายกันตรงนั้นกันจะๆ ไปเลย
ส่วนผมเหรอ ไปฝึก cross collar choke มาใหม่ไป๊ (ถ้าทำได้ดีกว่านี้ผมอาจชนะก็ได้ใครจะไปรู้…) อย่างน้อยตอนนี้มือผมก็เกือบๆ หายละ
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะฝากก่อนจะจบบทความนี้ก็คือ สำหรับใครที่ได้เข้ามาในวิถีของ “บราซิลเลี่ยนยูยิตสู” นี้ และกำลังพยายามอย่างเต็มที่ โดยไม่ถอดใจเลิกไปเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นสายอะไร อายุเท่าไหร่ ผู้ชายหรือผู้หญิง เคยลงแข่งขันหรือไม่ ผลการแข่งจะเป็นอย่างไร ทุกคนล้วนควรได้รับ “ความเคารพ” RESPECT เสมอกัน เรามีความเคารพต่อผู้อื่นแล้ว ก็อย่าลืมที่จะ “เคารพตัวเอง” ด้วย นะครับ
อย่างน้อยคราวนี้ผมก็ได้ “ความเคารพตัวเอง” กลับมาแล้ว…
ขอบพระคุณท่านผู้อ่านมากๆ นะครับ อาทิตย์หน้ากลับมาสู่เนื้อหาของ “คัมภีร์แห่งอาโป” กันต่อละครับ อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับสวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (32) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): ยี่สิบสอง สิ่งที่เรียกว่ากายสับเปลี่ยนเป็นทะจิ
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (31) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): ยี่สิบเอ็ด สิ่งที่เรียกว่า การตีแห่งใบไม้แดง
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (30) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): ยี่สิบ สิ่งที่เรียกว่าการกระทบถูกแห่งหินเหล็กไฟ
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (29) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): สิบเก้า สิ่งที่เรียกว่าการกระทบถูกแห่งเหตุปัจจัย
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (28) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): สิบแปด สิ่งที่เรียกว่าการตีแห่งธารน้ำไหล
#(เรื่องแทรก) ฝ่าวิกฤติโควิด ไปวัดใจตัวเองในงานแข่ง SIAM CUP BJJ 2022 SUMMER EDITION ไปเลยดิรอไรอยู่!!