หลายคงคงคุ้นเคยกับกับว่า calligraphy หรืออักษรวิจิตรกันแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีศิลปะทางด้านการเขียนเช่นเดียวกัน เรียกว่า ‘SHODO’
หลายคงคงคุ้นเคยกับกับว่า calligraphy หรืออักษรวิจิตรกันแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีศิลปะทางด้านการเขียนเช่นเดียวกัน เรียกว่า ‘SHODO’
Shodo นับได้ว่าเป็นศิลปะการประดิษฐ์อักษรของญี่ปุ่นที่ใช้แปรงหรือพู่กันในการเขียนตัวอักษรคันจิ โดยคำว่า ‘SHO’ หมายถึง อักษรวิจิตร ส่วนคำว่า ‘DO’ หมายถึง วิถีทาง
สำหรับใครที่กำลังคิดว่า เอ๊ะ ทำไม Shodo ถึงได้เหมือนการเขียนพู่กันของชาวจีนนักนะ ขอบอกว่าคุณคิดถูกต้องแล้วค่ะ เพราะศิลปะการเขียน Shodo นั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยได้เผยแพร่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นช่วงประมาณศตวรรษที่ 6-7 ซึ่งมัยนั้นการเขียนอักษรวิจิตรยังอยู่ในกลุ่มของชนชั้นสูง เป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงฐานะทางสังคมได้อีกทางหนึ่งเลยทีเดียว เพราะการเขียนนั้นมีอุปกรณ์ ขั้นตอน และต้องอาศัยความประณีตอย่างมาก
แต่เมื่อกาลเวลาผันผ่าน ศิลปะการเขียนชนิดนี้ก็ได้แพร่กระจายสู่คนทั่วไป โดยปัจจุบันได้ผนวกเข้ากับหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน ซึ่งฝึกหัดให้เด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมได้ฝึกฝนการคัดและเขียนตัวอักษรจากพู่กัน นอกจากนี้เรายังสามารถพบเห็นศิลปะ Shodo ได้ในการเขียนบทกวี ข้อความสำหรับการ์ดอวยพรต่างๆ รวมถึงโกะชูอินและแผ่นป้ายต่างๆ ภายในวัดหรือศาลเจ้าอีกด้วยค่ะ
การเขียนของ Shodo นั้นสามารถเขียนได้หลากหลาย ซึ่งแบ่งเป็น 3 รูปแบบพื้นฐาน คือแบบตัวพิมพ์หรือ Kaisho (楷書), Gyosho (行書) , และแบบเล่นหางหรือ Sosho (草書) ซึ่งอุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ก็คือ พู่กัน หมึก และกระดาษ โดยพู่กันที่ถือว่าเหมาะสมสำหรับการนำมาเขียน Shodo คือ พู่กันที่ทำมาจากขนสัตว์ มีความอ่อนนุ่ม เพื่อให้เส้นที่เขียนออกมามีความสวยงาม ซึ่งกว่าจะเขียนได้ถูกหลัก ก็ต้องฝึกฝนกันนาน เพราะมีกฎยิบย่อยเกี่ยวกับการเขียนมากมาย เช่น น้ำหนักของหมึก ความหนาของเส้น การจุ่มแปรงลงในน้ำหมึกเพื่อเขียนตัวต่อไปต้องจุ่มเมื่อไหร่ องศาหรือมุมของแปรงที่ใช้ในการเขียน เป็นต้น
สำหรับใครที่อยากฝึกสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ ขอแนะนำให้มาลองฝึกเขียน Shodo กันดูนะคะ เพราะศิลปะการเขียนชนิดนี้ต้องตั้งใจอย่างมากในการจรดหมึกลงบนกระดาษเพื่อเขียนตัวอักษรแต่ละตัวให้ได้ลายเส้นที่มั่นคง สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความละเมียดละไม และวัฒนธรรมแห่งความเรียบง่ายแต่งดงามของชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีทีเดียว
เห็นอย่างนี้แล้วก็นึกอยากจะลองหัดเขียนดูบ้าง เผื่อใจที่ฟุ้งซ่านจะพอสงบลงบ้างสักนิด
เรื่องแนะนำ :
– Kakimori คนชอบเขียนต้องไป กับร้านที่คุณสามารถผสมหมึกสีที่ใช่ได้ด้วยตัวเอง
– หนังสือเล่มนี้มี “แมว” ไม่ใช่ทาสแมวก็อ่านได้ แต่เป็นทาสแมวอ่านแล้วยิ่งอบอุ่นใจ
– ชวนอ่าน : เกมลวงโลก สุดท้ายแล้วสิ่งไหนคือเรื่องจริงและสิ่งไหนคือเรื่องลวง!
– ผู้อัญเชิญไฟ (THE EMISSARY) เมื่อญี่ปุ่นปิดประเทศ ทุกสิ่งที่คุ้นเคยกลับตาลปัตร คนแก่แข็งแรงแต่เด็กกลับอ่อนแอ
– 4 สถานที่ใหม่สุดคูลในญี่ปุ่นจาก World’s Greatest Places 2019 ที่น่าไปเยือน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ
-https://www.japan-talk.com/jt/new/shodo
-https://www.japancalligraphy.eu/
-https://www.japanvisitor.com/japanese-culture/language/japanese-shodo
-https://web-japan.org/kidsweb/virtual/shodo/shodo01.html
-https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Japanese-Calligraphy-art.jpg