ชีซ่า สัญลักษณ์แห่งโอกินาว่า ญี่ปุ่นเองก็รับวัฒนธรรมสิงโตคู่ไปจากจีน โดยผ่านมาทางเกาหลีอีกที จีนเรียกสิงโตว่า 狮子 ซือจื่อ ส่วนญี่ปุ่นเรียกว่า“โคไมนุ” (komainu) ซึ่งสิงโตคู่ของญี่ปุ่น ก็จะทำหน้าที่เหมือนกับจีนและเกาหลี โดยส่วนมากจะถูกตั้งไว้หน้าศาลเจ้าวัด หรือบ้านผู้มีอันจะกิน
ถ้าใครเคยไปเดินในธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ อาจจะเคยได้ยินเรื่องเจ้าแม่สิงโตทองกันมาบ้าง สำหรับหรูอี้เอง เป็นศิษย์เก่าของธรรมศาสตร์ แน่นอนว่าต้องเคยผ่านหูผ่านตากับตัวเป็นๆ ของเจ้าแม่สิงโตทองมาแล้ว
เจ้าแม่ที่ว่าจะถูกตั้งอยู่ในศาล ตัวเจ้าแม่เป็นสิงโตหินที่ถูกปิดทองไว้ ตัวศาลหันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา มีป้ายที่ขื่อศาลเขียนว่า “ศาลสิงห์โตทอง”

ถามว่าทำไมทุกคนเรียกสิงโตตัวนี้ว่าเป็นเจ้าแม่ เพราะว่าสิงโตหินตัวนี้ มีตำนานเล่าว่า เดิมทีมาเป็นคู่ ทำหน้าที่เป็นอับเฉาเรือ แล้วตัวผู้เกิดตกน้ำไป งมไม่เจอ เหลือแต่ตัวเมีย เขาก็เลยเอามาตั้งไว้ริมแม่น้ำที่ตกลงไป วันดีคืนดีนางก็จะคำรามกรีดร้องหาสามีที่จมน้ำหายไป เด็กธรรมศาสตร์ก็มีมากราบไหว้ขอพรต่างๆ นานาจนถึงทุกวันนี้
เรื่องสิงโตคู่ เราจะเห็นว่าเป็นวัฒนธรรมร่วมของเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีนที่มักจะนำสิงโตหินสองตัวมาประดับหน้าประตูสถานที่สำคัญ โดยแบ่งเป็นตัวผู้ตัวเมียเช่นกัน ตัวเมียจะมีลูกตัวเล็กๆ ที่อุ้งเท้า ส่วนตัวผู้จะไม่มีลูกที่เท้า บางที่อาจจะปั้นเป็นลูกแก้วหรือลูกบอลแทน

เห็นได้ชัดว่า วัฒนธรรมนี้ เดิมที่เดียวก็ไม่ใช่วัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน เพราะในจีนไม่มีสัตว์ที่เรียกว่า “สิงโต” สัตว์ที่เป็นราชาสัตว์บกของจีนคือ “เสือ” จนเมื่อมีการค้าขายกับต่างชาติและการเดินทางออกนอกประเทศของชาวจีน จึงทำให้ภาพลักษณ์ของสิงโตเริ่มมาเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ป้องกันสิ่งชั่วร้าย
ญี่ปุ่นเองก็รับวัฒนธรรมสิงโตคู่ไปจากจีน โดยผ่านมาทางเกาหลีอีกที จีนเรียกสิงโตว่า 狮子 ซือจื่อ ส่วนญี่ปุ่นเรียกว่า“โคไมนุ” (komainu) ซึ่งสิงโตคู่ของญี่ปุ่น ก็จะทำหน้าที่เหมือนกับจีนและเกาหลี โดยส่วนมากจะถูกตั้งไว้หน้าศาลเจ้าวัด หรือบ้านผู้มีอันจะกิน
แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่น ยังมีสัตว์หินอีกแบบ ที่เป็นวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น มันมีชื่อเรียกว่า ชีซ่า (Shisa) เป็นสิ่งที่มีเฉพาะของเกาะโอกินาว่า ชีซ่าขนาดไม่ใหญ่เท่าโคไมนุ และไม่จำเป็นต้องตั้งเป็นคู่ สามารถตั้งที่ไหนก็ได้ ตัวผู้จะอ้าปากกินความชั่วร้าย ส่วนตัวเมียจะหุบปากเพื่อเก็บรักษาสิ่งดีๆ ไว้ในบริเวณนั้น

ตำนานของชีซ่า ว่ากันว่าเป็นสัตว์ที่เคยปราบมังกรได้ เรื่องเริ่มจากที่ราชทูตจีนได้เคยถวายหินรูปชีซ่าให้กับจักรพรรดิญี่ปุ่น วันหนึ่งได้ไปพบกับมังกรออกมาอาละวาด นักบวชหญิงจึงแนะนำให้พระองค์ชูชีซ่าหินขึ้นมา ก็ปรากฏเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหว จนแม้แต่เจ้ามังกรยังหวาดกลัว และเกิดหินก้อนใหญ่หล่นลงมาจากฟ้า ทับหางเจ้ามังกรจนตายกลายเป็นป่ากานะมุย
แต่นั้นมา เจ้าชีซ่าก็เลยกลายมาเป็นเครื่องรางของขลังประจำถิ่น จนชาวบ้านก็นำไปต่อยอด เอามาทำเป็นเครื่องประดับ ตกแต่งบ้าน หรือแม้กระทั่งกลายมาเป็นของเล่นและตัวละครในเกม คิตตี้ใส่หัวชีซ่าก็ยังมีทำออกมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง ชีซ่าจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ท้องถิ่นในนาม “สัตว์เทพแห่งโอกินาว่า”

เรื่องแนะนำ :
– พระเจ้าหลวง – ไดโจ เทนโน
– Inkan บริการทุกระดับประทับตรา
– ทำความรู้จัก Omikuji เซียมซีในแบบฉบับของญี่ปุ่น
– ประกาศเปิดตัวรายการ PRODUCE 101 JAPAN ค้นหากลุ่มไอดอลชาย เจาะตลาดเพลงญี่ปุ่นเตรียมเดบิวต์ปี 2020 นี้!!
– มาทำความรู้จักมาสคอตประจำ Tokyo Olympic และ Paralympic 2020 กันเถอะ
ขอบคุณภาพประกอบจาก:
-http://panyayan.tnews.co.th/contents/203147/
-www.baidu.com
-http://okinawatravelinfo.com/feature/201512shisa/
-https://www.pinterest.com/pin/549509592005919058/