วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (77) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): ยี่สิบเก้า ปัจฉิมลิขิต
วันนี้ ก็เป็นตอนสุดท้ายของ “คัมภีร์แห่งเตโช” แล้วนะครับ ไปกันเลยครับ
คำแปลข้อความต้นฉบับ
火の巻
คัมภีร์แห่งเตโช
二九 後書
ยี่สิบเก้า ปัจฉิมลิขิต
`右書付る所一流剣術の場にしてたえず思ひよる事のみ云顕し置もの也 `今初て此利を書記物なればあとさきと書まぎるる心有てこまやかに云わけがたし `乍㆑去此道を学ぶべき人の為には心しるしに成るべきもの也 `我若年より以来兵法の道に心をかけて剣術一通りの事にも手をからし身をからし色々様々の心に成り他の流々をも尋見るに或は口にていひかこつけ或は手にてこまかなるわざをし人目によき様に見すると云ても一ツも実の心に有べからず `勿論かやうの事しならひても身をきかせならひ心をきかせつくる事と思へ共皆是道のやまひとなりて後々までもうせがたくして兵法の直道世にくちて道のすたる基也 `剣術実の道になつて敵と戦ひ勝事此法と聊替事有べからず `我兵法の智力を得て直なる所を行ふに於ては勝事うたがひ有べからざるもの也
ที่เขียนใส่ไว้ข้างต้น เพียงพูดสำแดงไว้ ซึ่งเรื่องที่คิดขึ้นได้ไม่ขาดสายในที่ของวิชาดาบของสำนักเท่านั้น หากเป็นสิ่งที่เขียนบันทึกซึ่งประโยชน์นี้บัดนี้เป็นครั้งแรก จะเกิดจิตเขียนหน้าหลังปนกันแยกไม่ออก ยากจะพูดแยกแยะยิบย่อย กระนั้น เพื่อคนที่สมควรเรียนวิถีนี้ เป็นสิ่งที่ควรกลายเป็นเครื่องหมายแห่งจิต ข้าฯ ตั้งแต่วัยหนุ่มมา เอาใจใส่ในวิถีแห่งพิชัยสงคราม แม้กับเรื่องของวิชาดาบถ่ายเดียว ก็ทำมือให้แห้ง ทำกายให้แห้ง กลายเป็นจิตต่างๆ นานา แม้สายสำนักอื่นๆ ก็ถามดู บ้างก็เอาปากพูดโยง (ไปเรื่อย) บ้างก็เอามือทำกระบวนท่ายิบย่อยแสดงให้ดูดีแก่ตาคน ถึงจะว่าอย่างนั้น ก็ไม่อาจมีแม้แต่อันเดียวเลยในจิตที่แท้ แน่นอน แม้ฝึกทำเรื่องเช่นนี้ ใช้ประโยชน์ซึ่งกายเรียน ใช้ประโยชน์ซึ่งใจสร้าง แม้คิดเช่นนั้น ล้วนแต่เป็นความป่วยไข้ของวิถี แม้ถึงภายหลังก็หายได้ยาก วิถีตรงแห่งพิชัยสงครามจะเหี่ยวเฉาในโลก เป็นต้นเค้าของความทรุดโทรมของวิถี วิชาดาบเป็นวิถีที่แท้ สู้กับศัตรูแล้วมีชัย หลักนี้อย่าได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย (เมื่อ) ได้กำลังปัญญาของพิชัยสงครามของข้าฯ ไปยังที่ลัดตัดตรงนั้น จะไม่มีสงสัยในการชนะเลย
`正保二年五月十二日 新免武蔵
`寺尾孫之丞殿
`寛文七年二月五日 寺尾夢世勝延 花押
`山本源介殿
วันที่สิบสอง เดือนห้า ปีที่สองแห่งศักราชโชโฮ ชินเม็งมูซาชิ
ถึง เทราโอะ มาโกะโนะโจ
วันที่ห้า เดือนสอง ปีที่เจ็ดแห่งศักราชคัมบุน เทราโอะมุเซคัตสึโนบุ ลงเครื่องหมายแทนชื่อ
ถึง ยามาโมโตะ เก็นสุเกะ
การตีความและอภิปราย
ผมเคยอ่านนานละในหนังสือแปลจากภาษาญี่ปุ่นเล่มหนึ่ง ขออภัยจำชื่อหนังสือไม่ได้
เขายกตัวอย่างเคสที่ว่ามีเด็กโดน “ประตูหมุน” หนีบตาย
ในหนังสือเขาบอกว่า จริงๆ แล้วเดิมทีประตูหมุนนั้นจะต้อง “เบา” เพื่อให้ดันได้ง่าย แต่การที่ไปประดับประดามากมาย ใช้วัสดุที่ดูสวยงาม กลับกลายเป็นว่า มันออกห่างจากวัตถุประสงค์ดั้งเดิมที่ควรจะเป็น (ที่ว่าประตูแบบนี้ต้องเบา) ไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นคดีหนีบเด็กตาย (เพราะมันหนักเกินไป)
ในตอนนี้ ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของ “คัมภีร์แห่งเตโช” นั้น มูซาชิได้พูดถึงการที่แกได้มองๆ ดูๆ สำรวจว่า สายสำนักอื่น เขาเป็นอย่างไร? ซึ่งข้อสรุปเบื้องต้นก็คือ แกมองว่าทุกวันนี้ (ในยุคของแก) มันมีการทำ “วิชาต่อสู้” ให้กลายเป็น “ของขาย” มากไป ไม่ต้องยุคของแกหรอกครับ ในยุคหลังจากแกมันก็มีเยอะ จะในวงการวิชาต่อสู้หรือวงการอื่นก็ช่าง “การตลาด” น่ะมันมีมาได้เรื่อยๆ แหละครับ ทั้งการ “สร้างสตอรี่” โยงไปหาอะไรที่มันเก่าแก่โบราณ (จะได้ดูขลัง) ทั้งการพยายาม “สร้างความแตกต่าง” ด้วยการโชว์ท่าที่มันสวิงสวาย อะไรที่มันดูฉูดฉาด เพื่อดึงดูดคนให้แบบ ว้าว โว้ย ก็เหมือนพวกวิชาต่อสู้ที่โชว์ในหนังบู๊ หนังแอ็กชั่น นี่แหละครับ มันก็ถูกทำให้เป็น “โชว์” ไป
ปัญหาก็คือ หากคนหันไปมองแต่ “สิ่งที่ประดับประดา” กันหมด อีกหน่อยสิ่งที่เป็น “เนื้อแท้” เป็นแก่น ก็จะไม่มีใครสนใจ เพราะไปหลง “เปลือกกระพี้” กันเสียหมด มันเกิดขึ้นได้ในทุกวงการ เช่นพุทธพานิชย์ ช่วงสิบกว่าปีก่อนก็มีคนตั้งลัทธิแปลกๆ กันเยอะโผล่มาตามช่องทีวีดาวเทียม…
คำของมูซาชิที่ว่า…
剣術実の道になつて敵と戦ひ勝事此法と聊替事有べからず
เคนจุตสึ จิตสึ โนะ มิจิ นิ นัตเตะ เทคิ โต๊ะ ทาทาคาฮิ คัตสึ โคโตะ โคโนะ โฮ โต๊ะ อิซาซากะ คาวารุ โคโตะ อาริเบะคาราซุ
วิชาดาบเป็นวิถีที่แท้ สู้กับศัตรูแล้วมีชัย หลักนี้อย่าได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
วิชาต่อสู้ มีไว้ต่อสู้ ป้องกันตัว ชนะ เพื่อเอาชีวิตรอด
ทุกวันนี้ วิชาต่อสู้ ถูกเอาไปรับใช้วัตถุประสงค์อื่นๆ มากมาย เป็นกีฬา เป็นสันทนาการ เป็นฟิตเนส ฯลฯ การเอาไปรับใช้วัตถุประสงค์อื่นๆ นั้นไม่ผิด และอาจเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่จะทำให้มีคนมาเรียนเยอะๆ ถ้าวิชายังมีคนเรียนมากพอ “ชื่อ” ของวิชาก็ยังอยู่ต่อไปได้ “ชื่อ” วิชาไม่สูญ…
…แต่ว่า การเอาไปรับใช้วัตถุประสงค์อื่นๆ นั้นไม่ผิด ตราบเท่าที่ “วัตถุประสงค์ดั้งเดิม” ยังไม่ถูกหลงลืม…
หากวันใดที่ “วัตถุประสงค์ดั้งเดิม” ถูกหลงลืมละเลย ถึง “ชื่อ” วิชาจะยังมีอยู่ แต่เมื่อ “วัตถุประสงค์ดั้งเดิม” หายไป ถึงชื่อจะมีอยู่แต่คนก็จะไม่ศรัทธา แล้วจะให้คนไม่เสื่อมศรัทธาได้ไง ก็มันหมดสภาพดั้งเดิมที่มันควรจะเป็น สูญเสีย “แก่น” ที่เคยเป็น คือการเป็น “วิชาต่อสู้” ไปแล้ว
ยูโดกลายเป็นกีฬาโอลิมปิก เทควันโดกลายเป็นกีฬาโอลิมปิก แถมตอนหลังกลายเป็นวิชากระโดดเตะสวยๆ โชว์สไตล์เคป๊อบอย่างพวกทีม K-TIGER ไปเสีย ไท้เก๊กกลายเป็นรำเพื่อสุขภาพของคนแก่ ไอคิโดยิ่งแล้วใหญ่ มันคือการจงใจเอาวิชาต่อสู้มาทำให้ไม่เป็นวิชาต่อสู้ (มาชูประเด็นเรื่อง “ความกลมเกลียว” ไม่ต่อต้าน ไม่ต่อสู้ ไปเสียงั้น)
แม้แต่บีเจเจเองก็ต้องถูกทำให้เป็นกีฬานับแต้มมากขึ้น เพื่อขยายฐานคนเรียน (ความนิยม) จนบางคนก็กลัวว่า มันจะเสียแก่นแท้ดั้งเดิมในฐานะ “วิชาต่อสู้ป้องกันตัว” ไป
โชคดีที่วัฒนธรรมของบีเจเจ เป็นวัฒนธรรมแบบ “เปิด” ด้วยความที่วางตัวเป็นกีฬาต่อสู้ “สมัยใหม่” จึงเปิดช่องให้ใครหลายคนที่เข้ามาในหนทางนี้ ได้นำเอา “ความถนัด” ของตนมาใส่ ทำให้วิชามีความหลากหลาย มีความแตกต่างกันในระดับปัจเจกชนสูง ใครเป็นมวยปล้ำเก่า เอาท่ามวยปล้ำมาใส่ได้ ใครเป็นยูโดเก่า เอาท่ายูโดมาใส่ได้ ในการที่บีเจเจ “วิวัฒนาการ” มีการสร้างสรรค์กระบวนท่าใหม่ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บางที อะไรที่เป็นของเก่า คลาสสิก อาจถูกหลงลืมไป แต่ด้วยบริบทวัฒนธรรมของมันที่ยังเปิดกว้าง สิ่งที่หายไป พอถึงจุดหนึ่งก็จะมีคนเอามันมาใส่ใหม่ได้ (ผ่านการตีความใหม่) คือหายไปได้ก็เอากลับมาใหม่ได้ (สิ่งนี้แหละที่ทำให้ผมรักบีเจเจมาก)
…ในขณะที่วิชาต่อสู้อีกหลายอัน ติดอยู่ในกรอบของ “แบบแผนประเพณี” (tradition) ต้องทำท่าแบบนั้น ห้ามทำแบบนี้ (ทำแบบนั้น มันไม่ใช่แนวของสำนักเรา บลาๆ) ยิ่งนานวันไป ก็ยิ่งห้าม ยิ่งตัดทอนกระบวนท่าต่างๆ ออกไปเรื่อยๆ ของเก่าก็หายไป ของใหม่ก็ไม่ได้สร้าง (เพราะไม่กล้าไปทำอะไรนอกครู เดี๋ยวจะโดนด่าว่าทำตัวเก่งเกินครูไปอีก) นานวันความเข้าใจแก่นแท้ในวิชาก็ยิ่งสูญ ทำแค่เพราะสอนๆ กันมา ยิ่งออกห่างจากวัตถุประสงค์ดั้งเดิมไปเรื่อยๆ แล้วมันจะเป็นยังไงต่อไปก็น่าคิด
ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ภัยของการ “หลงลืมวัตถุประสงค์ดั้งเดิม” มันร้ายกว่าที่คิด และสุดท้าย อะไรที่ทำเพียงเพื่อแลกความนิยมฉาบฉวย มันจะกลายเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือและการคงอยู่ของสิ่งนั้นๆ ในระยะยาวไป
ฝากให้ท่านผู้อ่าน “คิดพินิจให้ดีๆ” นะครับ กับทุกๆ เรื่องเลย
เนื้อหาในตอนนี้เป็นการโหมโรงไปสู่การวิพากษ์ว่า ค่านิยม หรือ “จุดขาย” ของ “สายสำนักอื่น” นั้น มันมีอะไรบ้าง และมันเป็นค่านิยมหรือจุดขายที่ “ไม่ควรไปหลงตาม” เพราะอะไร ใน “คัมภีร์แห่งวาโย” ที่เรียกว่า แทบจะโค้งสุดท้ายของ “คัมภีร์ห้าห่วง” แล้วครับ อย่าลืมติดตามนะครับ สัปดาห์หน้า
อ๊ะ เดี๋ยวก่อน ฝาก พอตแคสต์ ตอนล่าสุด ด้วยครับผม 555
กาแฟเวียดนามสักแก้วไหมครับ?
พบกันใหม่สัปดาห์หน้า “คัมภีร์แห่งวาโย” นะครับ สวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (76) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): ยี่สิบแปด สิ่งที่เรียกว่า กายแห่งหินผา
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (75) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): ยี่สิบเจ็ด สิ่งที่เรียกว่า การปล่อยด้ามดาบ
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (74) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): ยี่สิบหก สิ่งที่เรียกว่า การรู้นายทัพไพร่พล
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (73) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): ยี่สิบห้า สิ่งที่เรียกว่า หัวหนูคอวัว
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (72) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): ยี่สิบสี่ สิ่งที่เรียกว่า การกลายเป็นใหม่
#มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (77) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): ยี่สิบเก้า ปัจฉิมลิขิต