วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (2) คัมภีร์แห่งปฐวี (ดิน): บทนำ
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันนี้ก็มาถึงตอนที่ 2 แล้วนะครับ ซึ่งในการเขียนเรื่องราวของ “คัมภีร์ห้าห่วง” ในครั้งนี้ อย่างที่จั่วหัวไว้แหละครับว่า ผมอยากให้ทั้งตัวผมและท่านผู้อ่านนั้นได้ “อ่านไปด้วยกัน”
โดยที่ผมเองตั้งใจอ่านและพยายามแกะเนื้อหาจากคำโบราณภาษาญี่ปุ่นและ “แปลญี่ปุ่นเป็นไทย” ออกมาให้ได้แบบคำต่อคำให้มากที่สุดเสียก่อน เพื่อจะได้เอามาให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษาและตีความไปด้วยกัน ซึ่งการตีความของผมนั้นอาจจะไม่เหมือนนักเขียนหรือนักแปลท่านอื่นๆ ที่เคยนำเสนอภาคภาษาไทยมาก่อนหน้านี้ อันที่จริงแล้ว “คัมภีร์ห้าห่วง” ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยมีคนแปลเป็นภาษาไทยพิมพ์เป็นหนังสือขายมาแล้ว แต่ดูแล้วก็เหมือนกับจะเป็นการแปลจากภาษาอังกฤษมาอีกต่อเสียมากกว่า
ผมก็ยังขอยืนกรานว่าอย่างไรเสีย การแปลจากต้นฉบับนั้นคงจะคลาดเคลื่อนน้อยกว่าการ “แปลในแปล” มาอีกต่อหนึ่งเป็นแน่ วันนี้ก็ขอเข้าสู่ “คัมภีร์แห่งปฐวี (ดิน)” กันเลยนะครับ ขอเชิญท่านผู้อ่านอ่านไปด้วยกัน ณ บัดนี้ ครับ
คำแปลข้อความต้นฉบับ
地の巻
คัมภีร์แห่งปฐวี (ดิน)
一 序
หนึ่ง บทนำ
`夫兵法と云事武家の法也 `将たる者はとりわき此法を行なひ卒たる者も此道を知るべき事なり `今世の中に兵法の道慥に弁まへたるといふ武士なし `先道を顕して有は仏法として人をたすくる道 `又儒道として文の道を糾し医者といひて諸病を治する道 `或は歌道者とて和歌の道ををしへ或は数寄者 弓法者 其外諸芸諸能までも思ひ思ひに稽古しこころこころにすくものなり `兵法の道にはすく人まれ也
สิ่งที่เรียกว่า หลักพิชัยสงคราม นั้น คือหลักการของนักรบ ผู้นำทัพยิ่งต้องปฏิบัติซึ่งหลักการนี้ แม้ผู้เป็นไพร่พลก็ต้องรู้ซึ่งวิถีนี้ ทุกวันนี้ในโลกนี้ นักรบที่กล่าว (ได้) ว่ารู้ซึ้งอย่างแน่แท้ในวิถีแห่งพิชัยสงครามนั้น หามีไม่ อย่างแรก การทำให้แจ้งซึ่งมรรคนั้น คือวิถีของการช่วยเหลือผู้คน ในฐานะหลักธรรมของพุทธศาสนา ยังมี การแสวงความจริงแท้ซึ่งวิถีแห่งบุ๋น ในฐานะลัทธิขงจื้อ วิถีของการรักษาโรคทั้งหลายที่เรียกว่าหมอ หรือการสอนวิถีของเพลงญี่ปุ่น (和歌 วะกะ) ในฐานะนักเพลง หรือ จะนักชงชา นักวิชาธนู หรือแม้แต้ศิลปวิทยาอื่นใดทั้งหลาย ก็ต้องฝึกฝนร่ำเรียนไปตามจริตให้มันติดเข้าไปถึงใจ คนที่ถึงซึ่งวิถีแห่งพิชัยสงครามนั้นช่างหาได้ยากเหลือเกิน
`先武士は `文武二道 `と云ひて二ツの道を嗜む事是道也 `縦此道ぶきようなり共武士たるものはおのれおのれが分際程は兵の法をばつとむべき事也 `大形武士の思ふ心をはかるに `武士は只 `死ぬる `と云ふ道を嗜む事 `と覚ゆる程の儀也 `死する道に於ては武士ばかりに限らず `出家にても女にても百姓以下に至るまで義理を知り恥を思ひ死するべきを思ひきる事は其差別なきものなり `武士の兵法をおこなふ道は何事に於ても大にすぐるるところを本とし或は一身の切合にかち或は数人の戦に勝主君の為我身の為名をあげ身をたてんと思ふ是兵法の徳をもつてなり
`又世の中に `兵法の道をならひても実の時の役にはたつまじき `と思ふ心あるべし `其儀に於ては何時にても役に立やうに稽古し万事に至り役に立様に教る事是兵法の実の道也
ก่อนอื่น นักรบนั้น การใฝ่ใจในสองวิถี ที่เรียกว่า “บุ๋นบู๊ทวิวิถี” นั้นแหละคือมรรค ต่อให้ไม่มีทักษะในทางนี้ คนเป็นนักรบก็ต้องหมั่นเพียรเรียนหลักแห่งพิชัยสงครามไปตามอัตภาพของแต่ละแต่ละคน หากหยั่งคะเนตามมาตรใหญ่ซึ่งจิตใจของนักรบแล้ว มักมีคติที่จำได้หมายรู้กันประมาณว่า “นักรบนั้นเพียงฝักใฝ่ในวิถีที่ว่า “เราย่อมตายได้”” (ทว่า) ในวิถีของการตายนั้น มิได้จำกัดแค่นักรบเท่านั้น แม้จะเป็นบรรพชิตก็ดี สตรีก็ดี ลงมาถึงชั้นชาวบ้านธรรมดาสามัญก็ดี การที่ต้องรู้หลักธรรมคำสอน มีความนึกละอาย ทำใจว่า (คนเรา) อาจตายได้ นั้น หามีแบ่งแยกไม่ วิถีแห่งการปฏิบัติซึ่งหลักพิชัยสงครามของนักรบนั้น ไม่ว่าจะในเรื่องราวใดก็ต้องยึดหลักว่าต้องให้ดีเยี่ยมกว่าส่วนใหญ่ ชนะในการฟันกับคนเดียว หรือชนะในศึกกับหลายคน เพื่อเจ้านาย เพื่อตัวเอง เพื่อชูชื่อ คิดอ่านตั้งตัว นี้คืออาศัยคุณความดีของพิชัยสงคราม อนึ่ง ในโลกนี้ มีบางคนที่จิตคิดว่า “เรียนวิถีแห่งพิชัยสงครามไป เวลาจริง ไม่เห็นจะมีประโยชน์” ในข้อดังกล่าวนั้น การฝึกฝนร่ำเรียนให้ใช้ประโยชน์ได้ไม่ว่าเวลาไหน สอนให้ใช้ประโยชน์ได้ให้ถึงซึ่งทุกสิ่ง นี้แหละคือวิถีที่แท้แห่งพิชัยสงคราม
การตีความและอภิปราย
ความประทับใจในการอ่านท่อนนี้ของผมนั้น อย่างแรกก็คือ ความรู้นั้นไม่ควรถูกจำกัดว่าจะต้องเป็นเรื่องของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ชนชั้นใดชนชั้นหนึ่ง (เพื่อประโยชน์ส่วนตนตามประสาคนเห็นแก่ตัวที่ชอบตั้งกฎเกณฑ์สนองตัณหาตัวเอง) เพราะคนเราทุกคนเกิดมาล้วนเท่าเทียมกันในแง่ที่ว่า เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ฉะนั้นสิ่งที่เรียกว่า “วิถีแห่งพิชัยสงคราม” หรือพูดอีกอย่างก็คือ “ความรู้ที่ว่าเราจะต่อสู้เพื่อเอาชนะและเอาชีวิตรอดได้อย่างไร” นั้น ก็ควรจะเป็นสิ่งที่ “คนทุกคน” ควรจะเรียนรู้เอาไว้ ในเมื่อคนทุกคนนั้นก็ล้วนเกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิต ล้วนมีสัญชาตญาณของการดิ้นรนเอาชีวิตรอดกันทุกคน อันนี้คือความประทับใจข้อที่หนึ่ง
ความประทับใจข้อต่อมาก็คือ คนเรานั้นอาจไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เป็นที่หนึ่งหรือเป็นแชมเปี้ยน แต่คนทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้เท่าที่อัตภาพ (分際 บุนไซ) ของแต่ละคนๆ (おのれおのれ=己己 โอโนเระโอโนเระ) จะอำนวย เอาง่ายๆไม่ต้องไปดูอื่นไกลมาดูที่ตัวผมนี่ ผมมาเล่น bjj เอาตอนแก่ มันก็มีอะไรหลายอย่างนึงเองที่โดยพื้นฐานแล้วก็สู้คนที่หนุ่มกว่าไม่ได้อยู่แล้ว ในยิมผมมีหมด ทั้งคนที่หนุ่มกว่า คนที่ตัวใหญ่กว่า กล้ามเนื้อเยอะกว่า พลังแขนแข็งแรงกว่า ไม่ต้องไปนับคนอื่นๆ ในโลกกว้างนอกยิมอีกนะ โอ้ยในโลกนี้มีคนฝึก bjj อีกมากมาย…
…แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องมานั่งถอดใจว่าโอ้ฉันนี่มันสู้ใครไม่ได้สักอย่าง เพราะถ้าคนเรามัวแต่ถอดใจแล้วก็ไม่ทำอะไรให้มันดีขึ้นก็จะไม่มีอะไรก้าวหน้าสักอย่าง ถ้าคนเราไม่คิดจะทำอะไรเลยเราก็อยู่ที่ศูนย์เท่าเดิม แต่ถ้าเราลองพยายามใช้เวลาใช้แรงงานฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ มันอาจจะไม่ถึง 10 หรอก ถึงมันจะมาได้แค่ 7 หรือ 8 หรือแค่ 5 หรือ 6 มันก็ยังดีกว่าเป็นศูนย์ ผมอยากจะเรียนท่านผู้อ่านว่า การที่คนเราจะลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเองหรือแก้ไขจุดบกพร่องตัวเองนั้น ต้องเริ่มต้นด้วยการที่มีทัศนคติที่ว่า “ถึงเราจะไม่ได้เป็นที่หนึ่งแค่ขอตัวเราในวันนี้ดีกว่าเราเมื่อวานก็พอแล้ว (ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้)” ให้ได้เสียก่อน ซึ่งจากประสบการณ์ของผม มันใช้ได้กับเรื่องราวต่างๆในชีวิตได้ทั้งหมด ตั้งแต่การเรียนหนังสือไปจนถึงการลดความอ้วน เลยทีเดียว
ความประทับใจข้อสุดท้ายในตอนนี้ก็คือ ข้อที่ข้อความในต้นฉบับบอกว่า อนึ่ง ในโลกนี้ มีบางคนที่จิตคิดว่า “เรียนวิถีแห่งพิชัยสงครามไป เวลาจริง ไม่เห็นจะมีประโยชน์” นั้น
มันทำให้ผมหัวนึกถึงการเรียนรู้ฝึกหัดเทคนิคหลายๆ อย่างใน bjj บ่อยครั้งที่โค้ชสอนกระบวนท่าที่บอกตรงๆ ผมตามไม่ค่อยทัน มันซับซ้อนและใช้แอ็กชั่นการเคลื่อนไหวหลายจุด หลายขั้นตอน ถ้าอย่างนี้ผมอาจพาลคิดไปว่าโอ้ยท่าสวิงสวายแบบนี้ เรียนไปไม่เห็นได้ใช้จริง ก็ได้ แต่ผมเกรงว่า ถ้าผมตกหลุมความคิดตัวเองแบบนี้เมื่อไหร่ จะกลายเป็นการตัดหนทางในการพัฒนาตัวเองไปเสีย ถ้าเรียนอะไรแค่ครึ่งๆ กลางๆ เราก็จะกลายเป็นคนครึ่งๆ กลางๆ ฉะนั้นเราควรทำให้มัน “สุด” คือสุดทางสุดความสามารถที่อัตภาพของเรา (อายุ รูปร่าง ฯลฯ) จะทำได้เสียก่อนดีกว่าไหม?
ข้อสุดท้ายของสุดท้าย เก็บตกครับ ขอโทษที ก็คือเรื่อง “บุ๋นบู๊ทวิวิถี” (文武両道 บุนบุเรียวโด) ซึ่งถ้าจะตึความอย่างสมัยใหม่ ก็อยากจะตีว่าคนเรานั้น “ปฏิบัติต้องดี ทฤษฎีต้องได้” ผมเองในการฝึก bjj ก็พยายามหาแหล่งความรู้เอามาศึกษา ทั้งอ่านในเวปบ้าง (สอนวิธี ขั้นตอน) ดูยูทูปบ้าง คือก็ต้องมาศึกษาเพิ่มเติมนอกจากสิ่งที่เรียนในยิมด้วย เมื่อปลายปีก่อนมีเพื่อนที่ยิมให้ความอนุเคราะห์แชร์วิดีโอสอนกระบวนท่า closed guard โดย John Danaher ให้ผมได้ดู บอกตรงๆ ว่าดูแล้ว
…รู้สึกว่าตัวเองช่าง กากตด และโคตรโง่ เสียเหลือเกิน (ช่างน่าอายเสียจริงๆ ที่เรื่องที่ควรรู้ได้ สังเกตได้ กลับไม่เคยมองเห็น)…
How To Build The Perfect BJJ Closed Guard Game by John Danaher
เลยคิดว่า ตัวเองจะต้องตั้งใจ โฟกัส เรียนรู้สิ่งต่างๆ แม้รายละเอียดเล็กน้อย ให้มันดีกว่านี้ เพราะการที่คนเราสามารถทำสิ่งต่างๆ ให้ลงไปถึงรายละเอียดแม้เล็กน้อยนี่หละที่สามารถ “สร้างความแตกต่าง” ได้
ครับ สำหรับเนื้อหาในตอนนี้ก็ขอจบแต่เพียวเท่านี้ก่อน ก่อนจากกันฝากรูปอาหารในชีวิตประจำวัน “ก่อนไปซ้อมตอนเย็น” นะครับ มันคือ wrap ของร้าน Wrap Master นิมมานซอย 7 วันที่ไปซ้อมนั้นบางวันก็อยากกินอะไรที่มันเป็นมังสวิรัติและไม่หนักเกินไปก็แวะกินหมอนี่แหละถ้ามาถึงเร็วพอและมีที่จอดรถ (ฮา) อันนี้เป็นแรปใส่ฟาลาเฟล ใส่ซาวครีม ผักกาดแก้ว พริกดอง มะเขือเทศ กินกับน้ำจิ้มที่เขาให้มาก็กล้อมแกล้มไปได้หนึ่งมื้อ วันไหนทำงานกินมื้อสุดท้ายไม่เกินหกโมงเย็นครับ วันไหนไม่ได้ทำงานพยายามกินมื้อสุดท้ายไม่เกินสี่โมงเย็น ก็ตัดสินใจว่าจะทำ Intermittent Fasting ให้เป็นนิสัยไปเลย จะได้ควบคุมน้ำหนักได้ใสๆ ให้มันพยายามไม่หนี 80 กก. มาก
สัปดาห์หน้าจะมีรูปอาหารอะไรมาลงอีกนั้น (เฮ้ย ตกลงจะเขียนเรื่องปรัชญาหรือรีวิวอาหารเนี่ย) โปรดติดตามกันนะครับ (ฮา)
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (1) บทนำ
– ตามหาวิชาดาบอิไอ (ตอนพิเศษ) เพื่อนของผม ดาบของผม และการไล่ตามความฝันในวิชาดาบอีกครั้งของเพื่อนผมในวัย 45 ปี!!!
– Free Talk ต้อนรับปีใหม่ 2565 จากใจคน Gen X ที่โตมากับยุค JAPAN BOOM!!!
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (12) ถึงทุกสิ่งล้วนเป็น “อนิจจัง” (มุโจ 無常) ก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (11) ฝึกวิชาต่อสู้เพื่อ “ชีวิต” ฝึกสมาธิจิตเพื่อ “เตรียมตัวตาย”
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ: https://www.se-ed.com/
#มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (2) คัมภีร์แห่งปฐวี (ดิน): บทนำ