เมื่อพลาดรถไฟเที่ยวสุดท้าย…แม้ว่าจะรีบร้อนไปยังสถานีใกล้เคียง แต่ก็มีบางครั้งที่ทางเข้าปิด ไม่สามารถเข้าไปได้ ในสถานีรถไฟของประเทศญี่ปุ่น เมื่อถึงเวลากลางคืน จะเริ่มปิดทางเข้าที่มีผู้ใช้งานน้อยไปตามลำดับ ฉะนั้นในระหว่างที่กำลังหาทางเข้า รถไฟเที่ยวสุดท้ายก็อาจจะออกไปแล้วก็เป็นไปได้
หากมาไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย …
ช่วงเวลากลางดึก ในขณะที่คุณกำลังเต็มอิ่มกับการเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนๆ ในญี่ปุ่น แต่จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้กะทันหัน รถไฟเที่ยวสุดท้ายกี่โมงนะ? แย่แล้ว!
องค์กรคมนาคมประเทศญี่ปุ่น โดยส่วนใหญ่จะไม่มีการเดินรถข้ามคืน เช่น รถบัสก็เกือบจะทุกท้องถิ่นที่รถหมดเวลา 5 ทุ่ม ส่วนรถไฟ แม้จะดึกมากขนาดไหน ขบวนสุดท้ายก็วิ่งถึงแค่เวลาตีหนึ่ง
การเดินรถจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ บริษัทรถไฟ หรือวันหยุดประจำชาติ เวลาของรถไฟเที่ยวสุดท้ายในตารางที่กำหนด ไม่ว่าวันธรรมดาหรือช่วงสุดสัปดาห์ก็จะไม่ช้าหรือเร็วไปเกินกว่านั้น นอกจากนั้น เกินกว่าครึ่งของรถไฟขบวนสุดท้ายจะไม่ค่อยวิ่งไปถึงสถานีปลายทางสุดท้ายตามปกติเสียด้วย
แม้ว่าจะรีบร้อนไปยังสถานีใกล้เคียง แต่ก็มีบางครั้งที่ทางเข้าปิด ไม่สามารถเข้าไปได้ ในสถานีรถไฟของประเทศญี่ปุ่น เมื่อถึงเวลากลางคืน จะเริ่มปิดทางเข้าที่มีผู้ใช้งานน้อยไปตามลำดับ ฉะนั้นในระหว่างที่กำลังหาทางเข้า รถไฟเที่ยวสุดท้ายก็อาจจะออกไปแล้วก็เป็นไปได้
หากพลาดรถไฟเที่ยวสุดท้าย เราควรจะทำยังไงดี? ในบทความนี้ จะขอแนะนำวิธีการอยู่อย่างปลอดภัยในเมืองหลวงหลายวิธี ในกรณีที่ไม่สามารถเดินทางกลับที่พักได้
อย่าเพิ่งถอดใจ! หาเส้นทางอื่นกลับที่พัก …

หากรู้สึกตัวก่อนเวลาเที่ยงคืน อาจจะยังพอมีวิธีอยู่ ให้ใช้ Wi-Fi เข้า Google Map, Jorudan, แอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน หรือJR East App (เวอร์ชั่นโตเกียว) ค้นหาเส้นทางอื่น แม้อาจจะไปไม่ถึงจุดหมายปลางทาง หากขึ้นแท็กซี่ระหว่างทาง อย่างน้อยก็สามารถกลับถึงบ้านหรือโรงแรมได้ในราคาถูก
หากเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว และยังกลับด้วยเส้นทางอื่นไม่ได้ล่ะ? ในกรณีนั้น เราจะมาดูวิธีอยู่อย่างปลอดภัยในเมืองหลวงกัน
1. โต้รุ่งด้วยการร้องเพลงที่ Karaoke Box

สถานที่ที่สามารถอยู่ได้ข้ามคืนในญี่ปุ่น แนะนำที่ Karaoke Box
แต่ละร้านมีรูปแบบธุรกิจหลายประเภท โดยทั่วไปแล้วจะสามารถดื่มเครื่องดื่มและรับประทานอาหารเบาๆ ได้ในห้องส่วนตัวที่มีโซฟา และในช่วงนี้ก็มีบริการ Wi-Fi ที่สามารถใช้บริการได้ฟรีอีกด้วย
หากไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วพลาดรถไฟขบวนสุดท้าย การไปคาราโอเกะก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ในส่วนของค่าใช้จ่าย ฟรีไทม์ตั้งแต่ช่วงกลางดึกจนถึงช่วงเช้าตรู่จะอยู่ที่ประมาณตั้งแต่ 3,000 เยน ค่าใช้จ่ายจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับสถานที่ จำนวนอาหารที่สั่ง เวลา และวันที่ไป จึงควรสอบถามรายละเอียดกับพนักงานให้ถี่ถ้วน
2. ใช้บริการอินเทอร์เนตคาเฟ่ที่อยู่รอบๆ สถานี

หากไม่มีความสนใจในการร้องเพลง และอยากใช้เวลาเงียบๆ ขอแนะนำให้ไปร้านอินเทอร์เนตคาเฟ่ที่อยู่ใกล้ๆ
อินเทอร์เนตคาเฟ่ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง กว่าครึ่งมีให้บริการอาหารและเครื่องดื่มด้วย และมีบางที่ที่มีห้องอาบน้ำ (เสียค่าบริการ) อยู่ในคาเฟ่ด้วย หากลองหารอบๆ สถานี น่าจะมีสักร้าน ราคาอยู่ที่ 200 ถึง 300 เยนต่อหนึ่งชั่วโมง มีบางร้านที่มีแพ็คเกจสำหรับช่วงเวลากลางคืนด้วย แวะเข้าไปสอบถามดูได้
หากท่านไหนเคยใช้บริการรถบัสกลางคืนในประเทศญี่ปุ่น คงจะทราบว่ารถมักถึงที่หมายก่อนเวลาที่ร้านทั่วไปจะเปิด ดังนั้น สถานที่ที่อยู่ใกล้สถานีขนส่งใหญ่ๆ จะมีร้านที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงอยู่แน่นอน
หากคุณมีปัญหาใกล้ๆ สถานีใหญ่ เช่น สถานีโตเกียวหรือสถานีชินจูกุ, โอซาก้า, นาโงย่า ให้นำเนื้อหาในบทความนี้ไปใช้อ้างอิงในการหาสถานที่เพื่อฆ่าเวลาจนกว่ารถไฟขบวนแรกจะออก
3. ค้างคืนที่โรงแรมแคปซูล

สำหรับคนที่ “พลาดรถไฟขบวนสุดท้าย แต่อยากนอนหลับ!” แนะนำให้ไปนอนพักผ่อนที่โรงแรมแคปซูล
โรงแรมแคปซูลเป็นโรงแรมที่พักผ่อนในพื้นที่เล็กๆ คล้ายแคปซูลตามชื่อ ที่นี่สามารถชาร์จแบตฯ สมาร์ทโฟน และใช้ห้องอาบน้ำรวมกับห้องน้ำได้ด้วย
โรงแรมแคปซูลทั่วไป จะมีแบบให้เฉพาะผู้ชายหรือผู้หญิงพักเท่านั้น และมีแบบที่ผู้หญิงและผู้ชายจะถูกแยกให้พักคนละชั้นด้วย ในแคปซูลหนึ่งจะสามารถเข้าไปพักได้ทีละ 1 คนเท่านั้น
คนที่ตัวสูงอาจจะลำบากสักหน่อย ควรขอเข้ามาดูพื้นที่ของแคปซูลก่อนอาจจะดีกว่านะ
โรงแรมแคปซูลมีหลากหลาย ทั้งโรงแรมที่มีรูปแบบเป็นของตัวเอง และโรงแรมที่ให้บริการอย่างง่ายเท่านั้น ค่าที่พักจะเริ่มตั้งแต่ 2,000 เยนไปจนถึง 5,000 เยน
หากงบประมาณเหมาะสม เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องนั่งแท็กซี่ไประยะไกลแล้ว ก็ขอให้ลองใช้บริการดู เพราะสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจเลยล่ะ
แถม:ค้างคืนที่เลิฟโฮเทล
ในกรณีที่หาโรงแรมแคปซูลไม่เจอ และหลงเข้าไปในพื้นที่ที่มีป้ายนีออนเขียนว่า “พักผ่อน” หรือ “พักชั่วคราว” ก็ยังไม่เป็นไร
เลิฟโฮเทลเป็นอีกสถานที่ที่สามารถอยู่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ และข้ามคืน บนป้ายระบุไว้ว่าค่าห้องเริ่มจาก 3,500 เยนจนถึง 2หมื่นเยน ราคานี้จะขึ้นอยู่กับห้องและสิ่งอำนวยความสะดวก
เลิฟโฮเทลเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับคู่รักที่จะมาใช้เวลากันสองต่อสองมากกว่า แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องหาที่พักกะทันหันก็สะดวกไม่น้อย คิดว่าน่าจะเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นมีความสนใจมากทีเดียวใช่หรือไม่
เพียงแต่ว่าหากจะเข้าพักคนเดียว อาจมีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพักได้ หรือในกรณีที่มาเป็นกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีผู้ชายและผู้หญิงปะปนกัน ทางโรงแรมอาจจะขอให้เข้าพักโดยจองหลายๆ ห้อง เพราะฉะนั้นต้องระวังให้ดี
ทางเลือกที่แย่ที่สุด! นอนในที่สาธารณะ
แม้ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีความสงบเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ก็รับประกันไม่ได้เต็มร้อยว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายอะไรเกิดขึ้น
โดยปกติแล้วควรจะหลีกเลี่ยงการนอนในที่สาธารณะ เช่น สวนสาธารณะหรือสถานีรถไฟ แนะนำให้พิจารณาวิธีการที่กล่าวไปข้างต้น เลือกอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยจะดีกว่า
ไม่ต้องกังวล
แม้จะอยู่ในประเทศตัวเอง หากพลาดรถไฟเที่ยวสุดท้ายก็เป็นเรื่องที่ไม่โอเคแน่ๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสถานที่ที่เราไม่สามารถสื่อสารได้อย่างที่ใจต้องการ ก็ยิ่งมีความกังวลเพิ่มขึ้น แต่มันไม่จำเป็นอีกต่อไป!
ให้อ่านบทความนี้ ลองนำไปใช้ และหาวิธีการที่ปลอดภัยให้เจอให้ได้ ไม่แน่ว่าการพลาดรถไฟในประเทศญี่ปุ่นอาจกลายเป็นความทรงจำที่ดีของคุณก็เป็นไปได้
※Content นี้แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาญี่ปุ่น
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : MATCHA http://mcha-th.com
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวปราสาทพร้อมรับตราประทับ “100 ปราสาทชื่อดังของญี่ปุ่น”
– 10 สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีในกรุงโตเกียว
– ตามรอยสถานที่ถ่ายทำละคร “Gata no kuni kara” ในจังหวัดซากะ
– 5 ของฝากที่หาซื้อได้หน้าสถานีเซนได และแคมเปญสุดคุ้ม
– 24 จุดถ่ายรูปวิวภูเขาไฟฟูจิเจ๋งๆ