ปลามากุโระนี้ …เมื่อก่อนโน้น ถือว่าเป็นปลาราคาถูกคนไม่ค่อยกินกัน แต่ปัจจุบันเป็นที่นิยมบริโภคกันทั่วโลก คนญี่ปุ่นก็กินกันเยอะ คนจีนก็กินเยอะ คนไทยเราก็ไม่แพ้กัน
หลายๆ คนคงรู้จัก ปลามากุโระ หรือปลาทูน่า จากร้านซูชิ หรือว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นนะครับ
ลักษณะพิเศษของปลามากุโระคือมีเนื้อเป็นสีแดง
(ที่เห็นในรูปประกอบก้อนแดงๆ นี้คือเนื้อปลามากุโระครับ)
เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมมันถึงเป็นสีแดง RED ยังกับขบวนการห้าสีซะขนาดนี้
ที่ปลามากุโระมีเนื้อเป็นสีแดง เพราะว่ามีสาร “ฮีโมโกลบิน” อยู่มากครับ
ที่มีฮีโมโกลบินอยู่มากเพราะว่า ปลามากุโระนั้นว่ายน้ำตลอด เลยต้องการออกซิเจนเยอะ
และที่ปลามากุโระต้องว่ายน้ำตลอด เพราะว่าลักษณะทางกายภาพของมันที่ต้องว่ายน้ำแล้วเหงือกจะเปิดให้สามารถหายใจได้
ถ้าหยุดว่ายเมื่อใดก็หายใจไม่ออกครับ
ถึงบอกว่า ปลามากุโระ มีเนื้อสีแดงเพราะลมหายใจ
แม้เนื้อจะเป็นสีแดง แต่ชื่อปลามากุโระกลับเป็น”สีดำ”นะครับ
ปลามากุโระนั้นได้ชื่อว่า “มากุโระ” เพราะมาจากคำว่า “หมักคุโระ” (真っ黒) ที่แปลว่า “ดำสนิท”
ที่ได้ชื่อว่าดำสนิทนี้มีสมมติฐานอยู่ 2 อย่าง
1. ปลามากุโระมีตาที่ดำสนิท
2. ปลามากุโระที่นิยมบริโภคนั้น เป็นปลามากุโระที่มีผิวสีดำ เป็นพันธุ์ “คุโระมากุโระ” (黒マグロ)
ปลามากุโระ ปลาสีดำ ทะเลสีดำ…
ทีนี้ได้เมื่อเราได้ชื่อที่มาของปลามากุโระแล้ว เรามาดูตัวกันคันจิกันสักนิดหนึ่ง
แต่ตัวคันจินี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับสีดำเลยนะครับ
ตัวคันจิของปลามากุโระ นั้นเขียนได้ว่า
鮪 [มากุโระ]
คันจิตัวนี้มีรากศัพท์คันจิดังต่อไปนี้
魚 [ซาคานะ] แปลว่า “ปลา”
有る [อะรุ] ปรกติจะแปลว่า “มีอยู่” ก็ยังมีความหมายว่า “การลอบล้อมภายนอกเป็นวง”
ซึ่งก็ให้เกิดจินตนาการว่า ปลามากุโระ เหล่านี้ว่ายน้ำแล้ววาดเส้นบนทะเลเป็นวงใหญ่
อย่างว่านะครับว่า ปลามากุโระ ต้องว่ายน้ำตลอด หยุดว่ายก็เด๊ดสะมอเร่
ปลามากุโระนี้ตัวใหญ่มากถึง 2 – 3 เมตรเลยครับ ถ้าเห็นว่ายในทะเลก็เด่นเหมือนกัน
เห็นถึง “การมีอยู่” ของมันเลย
ปลามากุโระนี้ แม้ปัจจุบันจะเป็นที่นิยมบริโภคกัน
แต่เมื่อก่อนโน้น ถือว่าเป็นปลาราคาถูกคนไม่ค่อยกินกันนะครับ
เพราะว่าสมัยก่อนยังไม่มีเทคโนโลยีในการแช่แข็ง
ปลาชนิดอื่นๆ เช่น ปลาไท หรือปลาคะซึโอะ เขายังเอามาดองเกลือได้คงรสชาติ เก็บไว้ได้
แต่ปลามากุโระดองเกลือแล้วรสชาติไม่อร่อยครับ
เวลาผ่านมาปลาไท หรือปลาคะซึโอะ ก็ถูกบริโภคแต่ในกลุ่มคนที่มีกำลังจ่าย
คนที่มีเงินน้อยกว่า ก็ต้องหันมากิน ปลามากุโระ กันแทน
และก็มีมีคนมาค้นพบว่า เอาปลามากุโระมากินกลับซอสโชยุปั้นเป็นซูชิ แล้ว..เข้ากันเว้ยเฮ้ย!
ปลามากุโระก็เลยเริ่มเป็นที่นิยมกินกัน
ประกอบเทคโนโลยีการแช่แข็งที่พัฒนาขึ้นมา
ก็สามารถจัดเก็บปลามากุโระแช่แข็งไว้นานๆ คงรสชาติเดิมได้
อย่างปัจจุบันต้องใช้เทคโนโลยีแช่แข็งเฉียบพลันที่อุณหภูมิ -50 องศาเซลเซียส
ปลามากุโระ จากปลาลูกเมียน้อยที่ไม่มีใครสนใจ
ปัจจุบันเป็นที่นิยมบริโภคกันทั่วโลก
คนญี่ปุ่นก็กินกันเยอะ
คนจีนก็กินเยอะ
คนไทยเราก็ไม่แพ้กัน
ปลามากุโระมีความต้องการสูงมากขึ้น ราคาก็เพิ่มตาม
ปลามากุโระที่จับได้แล้วเอามาประมูลขายในตลาดที่เปิดวันแรกในช่วงปีใหม่ที่ตลาดซึกิจิ
ขายกันที่ราคาสูงสุดที่ 14 ล้านเยน ต่อ 200 kg ราคา
หรือตกที่ราวๆ 70,000 เยน (23,500 บาท) ต่อกิโลกรัม
ด้วยความต้องการที่สูงขึ้นมีการจับปลามากุโระกันมากขึ้น
ปลาก็เกิดใหม่กันไม่ทัน จำนวนประชากรปลามากุโระก็ลดลง
ชาวญี่ปุ่นก็ไม่นิ่งนอนใจพยายามหาวิธีเพาะพันธุ์ปลามากุโระเอง
แต่กว่าปลามากุโระที่เพาะเลี้ยงให้เกิดใหม่จากไข่จนโตเป็นผู้ใหญ่
นั้นต้องใช้การวิจัย 32 ปีกว่าจะวิจัยวิธีการเลี้ยงให้สำเร็จไปในปี 2014
ปลามากุโระที่ถูกเลี้ยงมีรสชาติเป็นไง อยากลองลิ้มลองดูสักครั้ง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเกร็ดเรื่องราวของปลามากุโระ ที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการบริโภคทั้งในคนญี่ปุ่น ประชากรชาวโลก และคนไทยอย่างเราๆ ครับ
+++
ข้อมูลอ้างอิง
การประมูลขายปลาในช่วงปีใหม่
http://www.huffingtonpost.jp/2016/01/04/susi-zanmai-tuna-2016_n_8914056.html
ทำไมการเพาะเลี้ยงปลามากุโระถึงยากจัง
http://santa001.com/マグロの養殖はなぜ難しいの?-2757
ทักทายพูดคุยกับ Wasu ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan
เรื่องแนะนำ :
– เงินสด บัตรเครดิต เงินอิเล็กทรอนิกส์ สู่อนาคตการจ่ายเงินของญี่ปุ่น
– วัยฝันไม่มีวันสิ้นสุด
– โตเกียวโอลิมปิคครั้งที่ 2 สู่ครั้งที่ 3 จากเศรษฐกิจ สู่วัฒนธรรมและอุลตร้าแมน
– ดราม่าการประมูลสร้างสนามกีฬาโอลิมปิคปี 2020 ของญี่ปุ่น
– คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ผู้ไม่ปรารถนาสิ่งใด