ถ้าพูดถึงละครแนวความรักแล้วล่ะก็ ปมปัญหาหลักๆ ที่เกิดขึ้นในละครแนวนี้ก็คือ “รักสามเส้า เราสามคน” ค่ะ ในละครญี่ปุ่นเองก็มีปมความรักเป็นเรื่องรักสามเส้าเช่นกัน
ถ้าพูดถึงละครแนวความรักแล้วล่ะก็ ปมปัญหาหลักๆ ที่เกิดขึ้นในละครแนวนี้ก็คือ “รักสามเส้า เราสามคน” ค่ะ ในละครญี่ปุ่นเองก็มีปมความรักเป็นเรื่องรักสามเส้าเช่นกัน ในเมื่อความรักมีกันได้แค่ 2 คน แล้วละครญี่ปุ่นจะคลี่คลายปมแบบนี้อย่างไร วันนี้จะพาไปดูพล็อตรักสามเส้าในละครญี่ปุ่นว่า เหล่าตัวละครในเรื่อง เขาจะแก้ไขปัญหาเรื่องราวความรักนี้อย่างไร
ก่อนที่จะไปอ่านบทความ ขอเล่าถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของรักสามเส้าก่อนค่ะ คำว่า “รักสามเส้า” เป็นคำที่มีที่มาจาก “ก้อนเส้า” หรือก้อนดินที่ใช้เวลาจะก่อไฟหุงข้าว ทำกับข้าว ซึ่งจะต้องใช้ก้อนเส้า 3 ก้อนเสมอ ก็เลยเอามาใช้เปรียบเทียบกับรักสามเส้า ที่เกิดจากคนสามคนค่ะ ก็เลยทำให้คำนี้ต้องเขียนออกมาเป็น “รักสามเส้า” ไม่ใช่ “รักสามเศร้า” นั่นเอง เอาล่ะ พอรู้ที่มาที่ไปกันแล้ว งั้นเรามาดูพล็อตละครแบบรักสามเส้าในละครญี่ปุ่นกันเลยดีกว่าค่ะ
1. มีรักสามเส้าทั้งแบบชายหนึ่ง หญิงสอง และ ชายสอง หญิงหนึ่ง
ในละครรักสามเส้าในละครญี่ปุ่นนั้น จะมีมีทั้งแบบผู้ชายสองคนมารุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน หรือแบบหญิงหนึ่ง ชายสองนั่นเอง บางทีก็มีถึงชายสี่นะคะ แต่ไม่ใช่ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวแน่นอน (ฮา…) อย่างเช่นเรื่อง 5 ji kara 9 ji made มีผู้ชายถึงสี่คนมารุมรักนางเอกค่ะ ฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว! หรือไม่ก็จะเป็นแบบผู้หญิงสองคน มารุมรักผู้ชายคนเดียว หรือบางเรื่องก็มีทั้งสองอย่างเลยค่ะ ออกแนวว่าพระเอกก็มีผู้หญิงหลายคนมาจีบ แต่ในด้านพระเอกเองก็ไปรักผู้หญิงอีกคน ที่มีอีกคนกำลังจีบอยู่เช่นกัน… ความรักนี่มันช่างน่าปวดหัวจริงๆ นะคะเนี่ย…
2. ไม่ใช้กำลังในการแย่งชิง
ละครแนวความรักแบบนี้จะไม่ใช้กำลังในการแย่งชิงเลยค่ะ เราจะไม่เห็นฉากผู้หญิงตบหน้ากันเพื่อแย่งผู้ชาย หรือผู้ชายจ้องแต่จะต่อยกันในละคร แต่เราจะเห็นวิธีการอื่นๆ ในการทำคะแนนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปใกล้ชิดสนิทสนม การสร้างสถานการณ์ให้ได้อยู่ด้วยกัน การพาไปเที่ยว การเทคแคร์ดีๆ ต่อกัน เป็นต้นค่ะ บางทีก็แผนสูงด้วยการรวบหัวรวบหาง แต่ก็ไม่ใช่วิธีวางยาสลบ และแกล้งจัดฉากอะไรแบบนี้นะคะ แต่จะหาโอกาสให้ได้อยู่กันแบบสองต่อสอง และใช้หลักทางจิตวิทยา โน้มน้าวให้ตกหลุมรักไปเลย แผนสูงจริงๆ ออกแนวว่า ถ้าจะได้ไป ก็ต้องมีสติสตังทั้งสองฝ่าย
3. แข่งกันแบบแฟร์ๆ
อย่างที่เล่าไปในข้อที่แล้วค่ะว่า ตัวละครในเรื่องจะไม่ใช้กำลังในการแย่งชิงกัน แต่สิ่งที่จะทำก็คือ การหันมาแข่งกันแบบใสๆ แฟร์ๆ กันไปเลย เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพกันเต็มที่ ไม่ใช่ว่า ต้องกำจัดแก เพื่อที่เขาจะได้หันมาเลือกฉัน แต่มันคือการหันมาแข่งกันอย่างตรงไปตรงมาไปเลย ถ้าฝ่ายหนึ่งขอยอมแพ้ไปซะดื้อๆ อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ยอมเช่นกันค่ะ ประมาณว่าอยากให้มาแข่งกันให้เห็นไปเลยว่า จริงๆ แล้วใครกันที่จะเหมาะสมกับคนที่พวกเขารัก จะได้ชนะกันแบบสมศักดิ์ศรีหน่อยอะไรประมาณนั้น
4. ใครดีใครได้ แล้วแต่ว่าเขาจะเลือกใคร
เมื่อแข่งกันจีบ แข่งกันทำคะแนนแล้ว ใครจะได้คู่กับใครนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคนที่พวกเขารักเป็นคนเลือกค่ะ ละครรักญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะสื่อให้เห็นว่า เรื่องของความรักนั้นเป็นสิ่งที่บังคับไม่ได้ มันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าเราได้เขามา แต่เขาไม่รักเรา คนที่เสียใจที่สุดก็คือตัวเราเอง ฉะนั้นแล้ว เมื่อตัวละครแข่งกันทำคะแนนแล้ว ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่ผลตัดสินของคนที่เขารัก และก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
5. ฉันมีค่าพอ ที่จะเลือกชีวิตใหม่ของตัวเอง
ชีวิตของเราบางทีก็ไม่ต้องขึ้นอยู่ว่าเขาจะเลือกเราหรือเปล่า เราอาจจะมีค่ามากพอที่จะสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง และสิ่งนั้นก็คือ การตัดสินใจเดินจากความรักเหล่านั้น และไปหาชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม เหมือนเรื่อง Watashi wo Hanasanaide ค่ะ เรื่องราวความรักของชายหนึ่ง หญิงสอง เคียวโกะกับโทโมะคุยกันอยู่ดีๆ นางมิวะเพื่อนสนิทของเคียวโกะก็คาบเอาไปกิน สิ่งที่เคียวโกะตัดสินใจทำก็คือ ยอมให้เขาทั้งสองคนได้รักกัน และตัดสินใจเดินออกมาจากวงจรความรักที่แสนเศร้านั้นสักที
หรืออย่างเรื่อง Shitsuren Chocolatier ในมุมความรักของเอรีน่า แทนที่เธอจะปล่อยให้พระเอกเป็นฝ่ายตัดสินใจ แต่เธอเลือกที่จะชิ่งตัดสินใจเองว่า “ฉันขอไม่เลือกเธอดีกว่า ถ้าได้รักกับผู้ชายไม่เอาไหนอย่างเธอจริงๆ คงจะแย่แน่ๆ เลย” เลยกลายเป็นว่า แม้ไม่สมหวัง แต่ก็ผิดหวังแบบสวยๆ และสตรองนะจ๊ะ เพราะว่ามนุษย์เรามีอิสรภาพที่จะมีความสุขได้ สิ่งสำคัญมากกว่าใครจะรักเรา คือ “เราต้องรักตัวเอง” ค่ะ
6. ไม่เก็บใครไว้เลยทั้งสองคน
ถ้าความรักมันทำให้ปวดใจ และคาราคาซังนัก ก็ไม่ต้องมีใครเลยดีกว่า หันไปเอาดีด้านการทำงาน หรือเดินตามหาความฝันแทน อย่างเช่นในเรื่อง Shitsuren Chocolatier ที่เต็มไปด้วยรักสามเส้า สี่เส้า พระเอกก็ตามจีบผู้หญิงคนหนึ่งที่มีคนรักแล้ว ส่วนพระเอกก็มีผู้หญิงมารุมรักถึง 2 คนด้วยกัน ในรักครั้งนี้ มีนักรักหลายคนมาก แต่ผลสุดท้าย พระเอกของเราก็ทั้งไม่สมหวังจากหญิงที่รัก และก็ตัดสินใจไม่เลือกคบกับผู้หญิงคนไหนเลย แต่สิ่งที่เขาทำต่อจากนี้คือ การเดินตามความฝัน เพื่อเป็น Chocolatier ที่เก่งที่สุดในโลกให้ได้ อย่างว่าล่ะเนอะ ชีวิตนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องความรักอย่างเดียวที่เราต้องไขว้คว้านี่น่า!
พล็อตละครแนวรักสามเส้าในละครญี่ปุ่นก็จะออกมาลักษณะนี้ค่ะ อาจจะมีบางเรื่องที่พลิกแพลงแตกต่างไปจากนี้บ้าง ในบทความนี้ขอเล่าถึงพล็อตที่พบเจอได้บ่อยๆ ค่ะ แต่สิ่งสำคัญที่ละครรักญี่ปุ่นทุกเรื่องจะเป็นคือ จะไม่มีการใช้กำลังหรือความรุนแรงในการแย่งคนรักกัน และมีการเสริมเรื่องราวอื่นๆ นอกเหนือจากความรักลงไปในละคร เพื่อให้เราเห็นว่า ในชีวิตจริงไม่ได้มีแค่เรื่องความรัก ต่อให้วันนี้เราผิดหวัง ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะจบสิ้น ชีวิตเรายังเดินต่อไปได้ แม้จะไม่มีคู่ครองก็ตาม
เรื่องแนะนำ :
– ไอดอลชายที่แสดงละครญี่ปุ่นแล้วรุ่ง!
– 10 ละครญี่ปุ่นสุดฮาที่ไม่ควรพลาด!
– ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้ละครญี่ปุ่น
– ชื่อละครญี่ปุ่นตั้งมาจากอะไร?
– แนะนำ 5 ละครรักญี่ปุ่นที่ให้มากกว่า “รัก”
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูล :
http://asianwiki.com/
http://forums.soompi.com/en/profile/80079-briseis/?do=content&type=forums_topic_post&page=3
http://dramajjang.co/2016/02/09/never-let-me-go-watashi-wo-hanasanaide-episode-3-recap/