Kimi no na wa…ส่วนตัวผมเอง คอมเมนท์แรกที่อยากบอกคือ ภาพสวยมาก… มากกกกกกขนาดลืมกระพริบตา… เพราะผู้กำกับหนัง เน้นกับเรื่องนี้สุดชีวิต ถึงขนาดย้ำว่าไม่อยากให้ผู้ชมสะดุดสายตาตลอด 106 นาที 56 วินาที
เรื่องราวที่คนพูดถึงมากมาย จะกลายเป็นกระแส… แต่ไม่นานกระแสก็จะถูกกาลเวลาลบเลือน… แต่สิ่งที่กาลเวลาลบเลือนไม่ได้… จะกลายเป็นตำนาน
หนังเรื่องนี้ขึ้นต้นเรื่องจากใครบางคนกำลังตามหาใครสักคน… ที่ขาดหายไปในชีวิต… ซึ่งมันทำให้ผมในฐานะคนดูคนนึง… สนใจติดตามเรื่องนี้จนแทบลืมหายใจ แต่สุดท้าย…หนังจะดีไม่ดี… คงต้องให้คุณพิสูจน์เอง
นี่คือหนังที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดแห่งปี… หนังญี่ปุ่นที่กวาดรายได้ถล่มทลาย ยึดหัวตารางหนังทำเงินในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคมจนมาถึงต้นเดือน พฤศจิกายน กว่าเก้าสัปดาห์!! ทำให้หนังที่ชื่อว่า [Kimi no na wa] = [your name] กลายเป็นหนังที่กระแสแรงที่สุดในปีนี้ หรือในรอบเกือบห้าปีด้วยซ้ำไป… ซึ่งบทความนี้ผู้เขียนขอยกเครดิตทั้งหมด ให้แก่ผู้กำกับหนังและผู้เขียนเรื่องที่ทำได้สะเทือนวงการจริง ๆ
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่าไม่ได้มีใคร หรือโรงหนังโรงใด ขอมาให้ผมโปรโมทหนังทั้งสิ้น แต่เพราะผู้เขียนเองได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วพอดีเลยอยากกล่าวถึงซักหน่อย [Kimi no na wa] ที่ตั้งแต่เดือนกันยายน เดือนตุลาคม เพื่อนผองชาวญี่ปุ่น พูดถึงกันเยอะเหลือเกิน จนผู้เขียนเองก็อดไม่ได้ที่ต้องรีบดู ก่อนเข้าโรงฉายในไทยอย่างเป็นทางการ
ส่วนตัวผมเอง คอมเมนท์แรกที่อยากบอกคือ ภาพสวยมาก… มากกกกกกขนาดลืมกระพริบตา… เพราะผู้กำกับหนัง เน้นกับเรื่องนี้สุดชีวิต ถึงขนาดย้ำว่าไม่อยากให้ผู้ชมสะดุดสายตาตลอด 106 นาที 56 วินาที
ส่วนในเรื่องของเนื้อเรื่อง ผู้เขียนไม่ขอพูดถึงมากมาย เพราะอยากให้ผู้อ่านทุกท่านต้องไปหาคำตอบเองว่าชอบไหม แต่ที่อยากเล่าก็คือ หนังเรื่องนี้ใส่ใจในการใส่ความ “จริง” และ “จริงจัง” ลงไปในตัวหนังตั้งแต่ระดับโมเลกุลจนไปถึงระดับวงโคจรสุริยจักรวาล แต่ห้ามนับปรากฎการณ์ว่านางเอกกับพระเอกมาเจอหรือมาเกี่ยวข้องกันยังไงนะครับ ส่วนนี้เท่านั้นที่เป็นเรื่องเหนือวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นเช่นสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่องไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้า Suga สะพาน Shinanomachi หรือแม้แต่สถานีรถไฟ Yoyogi ที่ล้วนแต่สร้างได้เหมือนจริงสุด ๆ เพราะไม่ใช่แค่วาดเหมือนแต่ทั้งเสียงดนตรีในสถานี ทิศแสงต่าง ๆ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกจำลองไปอยู่โตเกียวอีกครั้ง
ส่วนอันที่ผู้เขียนฟินสุด คือการที่หนังเรื่องนี้ได้ความเห็นจากนักดาราศาสตร์ถึงปรากฏการณ์ดาวหางในเรื่อง และให้ความคิดเห็นเชิงวิชาการอย่างเป็นตุเป็นตะ ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้ว่าดาวหางที่โคจรเข้ามาหาโลกจะอวดหาง สว่างวาบกินพื้นที่กว่าครึ่งของท้องฟ้าได้จริงหรือ? ในโลกของดาราศาสตร์ จู่ ๆ ดาวหางสามารถแตก แยกออกมาเป็นสองส่วน สามส่วนได้ตามหนังจริงหรือ? รวมถึงเหล่านักเลงคีย์บอร์ดญี่ปุ่น (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ทุกชาติล้วนมีนักเลงคีย์บอร์ด) ที่ตั้งคำถามอย่างจริงจังว่า ดาวหางสามารถสร้างหลุม เหมือนที่อุตกาบาตตกลงมาบนโลกได้จริงหรือ
ซึ่งศาสตราจารย์วาตะนาเบะ แห่งสถาบันหอดูดาวประจำชาติญี่ปุ่น ก็บ้าจี้มาตอบทุกคำถามแบบจริงจัง เช่นในหนังบอกว่า วันที่ดาวหางจะโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดคือ หนึ่งแสนสองหมื่นกิโลเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้กว่าสถิติที่ดาวหางฮัลเลย์เข้าใกล้โลกมากที่สุดในปี 1910 กว่าสิบเท่า … ดังนั้นดาวหางในหนังจะเปล่งประกาย และเปลี่ยนสีฟ้ายามค่ำคืนไปทั้งผืน กลายเป็นเหมือนหนังในเรื่อง ถือว่าใกล้เคียงความจริงมาก
แถมอาจารย์วาตะนาเบะ ยังหอบเอาข้อมูลในปี 1992 ที่ดาวหางชูมาร์กเกอร์ เลวี 9 พุ่งชนดาวพฤหัส ว่าดาวหางเกิดการแตกแยกแบ่งส่วนได้จริง โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่าที่ความสูงหนึ่งหมื่นกิโลเมตร ดาวหางชูมาร์กเกอร์ เลวี 9 แตกออกเป็นยี่สิบเอ็ดชิ้นก่อนเข้าสู่บรรยากาศของดาวพฤหัส และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ ระยะห่างที่เกิดดาวหางแตกตัว ความเร็วที่เป็นไปได้ ล้วนไม่ขัดแย้งกับทฤษฏีจริง ๆ ทางวิทยาศาสตร์เช่นของ Roche limit (หากเทหวัตถุเข้าใกล้ดาวเคราะห์มากกว่าระยะที่นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสเคยสร้างสมการไว้ เทหวัตถุนั้นจะถูกแรงดึงดูดของดาวเคราะห์ดวงนั้นดูดลงมาทั้งก้อน) หรือความเร็วสนามแรงโน้มถ่วงที่น่าจะเกิดขึ้นจาก tidal force (ผู้อ่านไม่ต้องตกใจครับ เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่อง ๆ นึง ที่นักฟิสิกส์มักพูดคุยกัน เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงของดวงดารา) ในหนังเรื่องนี้ล้วนออกแบบได้สมจริง ซึ่งเชื่อว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คนแต่ง จินตนาการมามั่ว ๆ แน่นอน !!
และยังชมผู้เขียนบทว่ามีความรู้มากว่าเมื่อเทหวัตถุจากอวกาศ พุ่งตกลงมายังโลก จะสร้างหลุมที่มีขนาดประมาณ 10-20 เท่าของขนาดตัวเทหวัตถุเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วของเทหวัตถุอันนั้น… ซึ่งศาสตราจารย์ลองคำนวณคร่าว ๆ มาให้แล้วพบว่าขนาด ความเร็วของเทหวัตถุที่มีรอบวงโคจร 1200 ปีตามทฤษฏีของเคปเลอร์ หรือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงบนโลกเช่น หลุม Pingualuk ที่กลายเป็นทะเลสาปในแคนาดา พบว่าความเป็นไปได้เหมือนที่ในหนังวางไว้ ถือว่ามีค่าสมเหตุสมผลกับทฤษฏีทางดาราศาสตร์มาก (อยากกราบคนเขียนบท …. ไปทำงานนาซ่าเลยจะดีไหม !!)
* เทหวัตถุ คือ ก้อนหรือชิ้นส่วนที่อาจจะเป็นของแข็งหรือของเหลวก็ได้ ส่วนมากมักนำมาใช้เรียกสสารที่หล่นมาจากฟากฟ้า
เอาล่ะ เล่าจนดูเหมือนจะให้ไปดูท้องฟ้าจำลองแทนการดูหนังซะแล้ว แต่บอกตามตรงว่าถึงจะเป็นคนชอบละครหนังญี่ปุ่น หรือไม่ชอบก็ตาม… ลองให้โอกาสหนังเอเซียหรือหนังญี่ปุ่นเยอะ ๆ นะครับ เพราะหนังแต่ละเรื่องจะเป็นตำนานหรือไม่นั้น …. ท่านผู้ชมต้องไปค้นหามัน
ขอบคุณแหล่งอ้างอิงจาก
http://style.nikkei.com/article/DGXMZO08810270W6A021C1000000?channel=DF280120166616&style=1
https://www.youtube.com/watch?v=ksDXnttmfx8
เรื่องแนะนำ :
– The Meigen คำคม คนทำงานญี่ปุ่น (เท่าที่เจอเอง)
– ฮอนดะ โซอิจิโร่ สอนคนให้กลายเป็นมนุษย์
– 哀悼 (Aitou) ว่าด้วยเรื่องความอาลัย
– โนเบล…(อีกแล้ว)
– อาหารจีนสไตล์ Japan Only!