วันนี้ซาลารี่แมนอย่างผมอยากแชร์เรื่องของคุณฮอนดะ โซอิจิโร่ ให้อ่านกันครับ ชายที่มีความเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจมาก ๆ คนหนึ่ง และแน่นอนเขาคือหนึ่งในตำนานประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งบริษัท ฮอนด้า!! (คนญี่ปุ่นจะอ่านว่า ฮอนดะ)
ถึงชื่อหัวเรื่องจะดูแรง ๆ กวน ๆ ไปนิด..แต่อยากให้อ่านกันนะครับ
ญี่ปุ่นชาติที่ใคร ๆ ต่างมองกันว่าทำงานเหมือนหุ่นยนต์ แต่มีคำศัพท์คำนึงที่ซารารี่แมนจะได้ยินบ่อยคือคำว่า ningen sei 人間性 แปลตรง ๆ ว่า ความเป็นมนุษย์…
วันนี้ซาลารี่แมนอย่างผมอยากแชร์เรื่องของคุณฮอนดะ โซอิจิโร่ ให้อ่านกันครับ ชายที่มีความเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจมาก ๆ คนหนึ่ง และแน่นอนเขาคือหนึ่งในตำนานประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งบริษัท ฮอนด้า!! (คนญี่ปุ่นจะอ่านว่า ฮอนดะ)
ปี 1953 โซอิจิโร่ซัง ตัดสินใจครั้งสำคัญซื้อเครื่องจักรมหึมาเซตใหญ่จากต่างชาติ ด้วยราคากว่าสี่ร้อยล้านเยน ในยุคสมัยนั้น.. เป็นตัวเลขที่เหนือจินตนาการของวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นและของภาคพื้นเอเซียด้วยซ้ำ
มีคนพูดถึงขนาดว่าบริษัทจะล้มละลายเพราะซื้อเครื่องนี้… ก็ยอมหรือ….
โซอิจิโร่ซังตอบว่า “ผมยอมรับว่าเครื่องจักรนี้ อาจมีผลทำให้บริษัทของเราพินาศเลยก็ได้… แต่เครื่องจักรอันนี้จะอยู่คู่ประเทศญี่ปุ่น มันจะเป็นนวัตกรรม และมันจะเป็นประโยชน์มีส่วนช่วยพัฒนาวงการการผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่นอย่างแน่นอน”
ผู้ชายคนนี้… คิดถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และอนาคตของประเทศ มากกว่ากำไรของบริษัท
แต่แล้ววันนึง…
เนื่องจากข้อผิดพลาดบางอย่างเครื่องจักร สี่ร้อยล้านเยนพัง… ในนาทีนั้นบริษัทฮอนด้าที่เริ่มทุนจดทะเบียนแค่ที่หกล้านเยน… แต่เครื่องจักรสี่ร้อยล้านเยนพังไปแล้ว
“เครื่องจักรที่แพงที่สุด และเกรียงไกรที่สุดของฮอนด้า ใม่สิ ของญี่ปุ่นพังซะแล้ว”
นี่เป็นบทสนทนาในตำนานที่คนฮอนด้า เล่าขานกันมากว่าครึ่งศตวรรษดังนี้
“ท่านประธาน.. ผมขอโทษ เครื่องจักรเราพังไปแล้ว”
“มีใครบาดเจ็บไหม…”
“ท่านประธานครับ.. เครื่องจักรของเรา.. มัน…พัง…แล้ว”
“มีใครบาดเจ็บไหม…”
“ท่านประธานครับ.. เครื่องจักรของเรา.. สี่ร้อยล้านเยน มัน…พัง…แล้วครับ”
“ผมรู้แล้วว่าเครื่องจักรสี่ร้อยล้านเยนพัง แต่ผมถามว่ามีใครบาดเจ็บไหม… ถ้าไม่มีนั่นแหล่ะดี”
คุณโซอิจิโร่ยิ้มและกล่าวว่า
เครื่องจักรถึงมันจะพัง.. มันคงซ่อมได้แหล่ะ แต่แขนขาของพนักงานเรา ถ้าขาดไป จะซ่อมให้เหมือนเดิมไม่ได้หรอก
พนักงานที่เกือบจะพิการ แต่รอดมาได้โดยแลกกับเครื่องจักรมูลค่าสี่ร้อยบล้านเยนพัง ร้องไห้และสาบานว่าจะขอทำงานอยู่ใต้แผ่นหลังผู้ชายคนนี้ ตลอดชีวิต (เท่าที่เคยได้ยิน พนักงานคนนั้นจะส่งคนในตระกูลเข้ามาทำงานในฮอนด้าทุกรุ่นเจนเนอเรชั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา)
ชายผู้นี้…. คิดถึงอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น สำคัญกว่าอนาคตของบริษัท แต่ชายผู้นี้กลับเห็นว่าอนาคตของอุตสาหกรรมของดินแดนแห่งนี้ ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า แขนและขาของพนักงาน (ภาพด้านบนเป็นรถยนต์ฮอนด้า รุ่นแรกที่เข้าแข่งในสนาม ฟอร์มูล่า วัน…. แน่นอน เบื้องหลังความท้าทายอันนี้ ก็คือโซอิจิโร่ซัง)
โซอิจิโร่ซัง ทำงานถึงอายุ 66 ปี ท่านไม่ได้ไปแม้แต่งาน Farewell เกษียณที่บริษัทจัดให้ หลาย ๆ คนสงสัยว่าชายผู้นี้ไปไหน
โซอิจิโร่ ซังเดินทางไปเยี่ยมพนักงานของทุกสาขา ทุกศูนย์ปฏิบัติงานของฮอนด้า.. เจ็ดร้อยแห่งทั่วประเทศ!!
ท่านเดินไปจับมือกับพนักงานทุกคน วิศวะ ช่างในโรงงาน หรือแม้แต่คนกวาดขยะในบริษัท
“ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ ที่ได้ทำงานร่วมกัน” โซอิจิโร่ กล่าวพร้อมกับสองมือที่เขาสัมผัสกับพนักงานที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเขา
“โซอิจิโร่ซัง มาแล้ว!!”
พนักงานขายของฮอนด้า ที่ประจำอยู่ในสาขาที่แสนจะกันดารตะโกนบอกเพื่อนฝูง
“เด๋วๆ ผมขอวิ่งไปล้างมือก่อน” พนักงานช่างคนหนึ่งกล่าวต่อหน้าโซอิจิโร่
“ไม่ต้อง ๆ … มือที่เปื้อนน้ำมันเครื่องแหล่ะครับ คือมือที่ดี” ท่านพูดพร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของช่างผู้นั้นอย่างแนบแน่น
“ขอบคุณพวกคุณ… พวกเราจึงมีวันนี้”
อิจิโร่ซัง ทิ้งคำสอนและวีรกรรมไว้มากมาย แต่ผมขอยกตัวอย่างแค่นี้ ในส่วนที่ผมชอบที่สุดละกันครับ เพราะเขาสอนให้เราได้รู้จักความเป็นมนุษย์ได้มากขึ้นนั่นเอง…
เรื่องแนะนำ :
– 哀悼 (Aitou) ว่าด้วยเรื่องความอาลัย
– โนเบล…(อีกแล้ว)
– อาหารจีนสไตล์ Japan Only!
– คนญี่ปุ่น… เขาแชร์อะไรกันอ่ะ!?
– The Kaigi (Meeting) สมรภูมิญี่ปุ่นมึน