คั่นรายการ โดย Lordofwar Nick
โคฮินาตะ มิโนรุ “คุณชายพันธุ์โชะ” กลับมาอ่านอีกที โคตรเกลียดเรื่องนี้เลยครับ!!
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ก่อนอื่นอยากจะบอกกับท่านผู้อ่านว่า จริงๆ ผมเขียนร่างบทความสำหรับซีรี่ส์ใหม่ที่จะลงใน marumura ไว้แล้ว (บูชิโด+??? ฮั่นแน่ มีปริศนาด้วย) เพียงแต่ว่า ที่ผ่านมาก็เขียนอะไรหนักๆ มาเยอะละ เดือนพฤศจิกายนนี้เลยอยากเขียนอะไรเบาๆ ก่อน เอาที่แบบนึกจะเขียนนานแล้วแต่ไม่ได้เขียน เพราะติดซีรี่ส์ยาวข้ามปี “คัมภีร์ห้าห่วง” ด้วย ก็ถือว่าเป็นการคลายสมองกันทั้งคนเขียนและคนอ่านละกันนะครับ หลังจากคร่ำเคร่งกันมานาน
วันนี้ผมขออนุญาตเอาการ์ตูนเก่ามารีวิวบอกเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อเรื่องนี้นะครับ อ่านมาตั้งแต่ยุคกร้านเช่าการ์ตูนกันเลยทีเดียว นั่นคือเรื่อง “คุณชายพันธุ์โชะ”
เรื่องเปิดมาได้แบบ ชีวิตนักศึกษามหาลัยเอามากๆ ว่าด้วยเรื่องชีวิตโคตรพลิกผันของหนุ่มน้อย “โคฮินาตะ มิโนรุ” ที่เป็นนักยิมนาสติกอยู่ดีๆ ดันมีเหตุให้ต้องไปเข้าชมรมคาราเต้ซะงั้น แถมเป็นชมรมคาราเต้ “ที่สอง” (คือมหาลัยนี้แม่มดันมีชมรมคาราเต้ปาเข้าไปห้าชมรม ซึ่งเป็นคาราเต้คนละสายสำนัก เช่นชมรมนี้เป็นสายโชโตคัน ชมรมนี้เป็นสายเคียวคุชิน อะไรแบบนี้) ที่มีสมาชิกกะหรอมกะแหรมแค่สี่ห้าคน (โถ) พอมีอันต้องเข้าไปอยู่ชมรมคาราเต้ก็ บันเทิงสิครับชีวิต ต้องมีเรื่องให้ผจญภัยกับผู้ใช้วิชาต่อสู้ต่างๆ มากมายทั้งเคนโด้ MMA บราซิลเลียนยูยิตสู นินจา แซมโบ้ จนพระเอกผันตัวไปเอาดีทางเป็นนักมวยคิกบ๊อกซิ่งอาชีพ เจอกับมวยไทยอะไรประมาณนี้
การ์ตูนเรื่องนี้ บอกก่อนครับ ผมอ่านไม่จบนะครับ เอาจริงๆ การเดินเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้มีจุดเด่นจุดพีคอะไรให้แบบ สนุก ตื่นเต้นกับการต่อสู้แอ็กชั่นท้าทายตามขนบของการ์ตูนแอ็กชั่นแบบเด็กผู้ชายอ่าน (การ์ตูนโชเน็น) เลย (บอกตรงๆ “ลุยแหลกเกินหลักสูตร” ยังมันส์กว่า)
แต่ที่ตอนแรกๆ ยังอ่านอยู่นั้น เพราะอินกับเรื่อง “ชีวิตเด็กมหาลัยที่อยู่กับวิชาต่อสู้” นี่แหละครับ สมัยผมเรียน มธ. ก็รู้จักกับคนชมรมยูโด ชมรมคาราเต้ แล้วก็ข้ามไปรู้จักกับชมรมไอคิโด้จุฬา ถึงตอนนั้นจะไม่ได้เรียนแบบเป็นเรื่องเป็นราว เรียนแค่ผ่านๆ ผิวๆ แป๊บๆ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตอนหลังหันมาหาทางนี้จริงจังเอาตอนที่ไปเรียนที่ญี่ปุ่นแล้ว แล้วก็เลยแบบ เอา BJJ มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันตอนนี้ไป ก็เรียกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่มีผลต่อชีวิตที่เหลืออยู่มาก
การ์ตูนเรื่องนี้ก็เลยออกแนวเหมือนการ์ตูนชีวิต “เด็กมหาลัย” ตาม “ชมรมวิชาต่อสู้” ต่างๆ แบบแทรกมุกตลกกับฉากบู๊แค่พอประปราย
แต่ถ้าพูดกันจริงๆ พอมาคิดถึงตรงนี้ เหมือนคนเขียนเอาอคติบางอย่างที่มีต่อวิชาต่อสู้ “สมัยใหม่” เอามาใส่ในการ์ตูนเรื่องนี้ (ซึ่งแน่นอน มีคาราเต้เป็นพระเอก) ซึ่งทำให้มีตัวละครที่เหมือนออกมาเป็นตัวตลกให้ย่ำยี อย่างน้อยสองตัว
หนึ่งคือ ประธานกลุ่มฝึก MMA ซึ่งก็นะ ไม่ได้เป็นชมรมเพราะเป็นกีฬาเกิดใหม่ สถานที่ของตัวเองก็ไม่มี แล้วก็ไม่มีครูสอนเป็นกิจจะลักษณะด้วย ฝึกกันแบบเปิดหนังสือแล้วทำตามๆ ไปแบบตามมีตามเกิด ตัวไอ้ประธานนี่มันเป็นโอตาคุบ้ากล้ามและบ้ากามด้วย ชอบแอบถ่ายรูปอนาจารสาวๆ ใน ม. แล้วเอาออกขายในกลุ่มลับ เคยพยายามจะเอาเงินฟาดชมรมคาราเต้ที่สองเพื่อจะเอาที่ของชมรมคาราเต้ฯ ทำชมรม MMA แถมเคยจับนางเอก (แฟนของพระเอกที่ชมรมยิมนาสติก?) มาถ่ายรูปอนาจารด้วย แต่ “อิบุกิ” รองประธานชมรมคาราเต้ของพระเอกมาช่วยไว้ทัน
นี่คือโฉมหน้าโอตาคุประธานกลุ่มฝึก MMA เวลาอยู่ชมรม ชอบทำตัวบ้ากล้าม…
พอกลับมาเข้าห้องนอนที่บ้าน ก็เปลี่ยนโหมดเป็นบ้ากามแทน…
สุดท้ายไประรานอิบุกิตอนที่อิบุกิสอนคาราเต้ให้เด็กประถม เลยเจอเตะ “มาเอะเกริ” อัดเข้าไปจุกๆ แพ้ไปเลยแถมโดนเด็กมันล้อว่าวิชา MMA อะไรมันก็แค่จับโน่นผสมนี่แบบไม่มีหลักมีเกณฑ์ แล้วหลงคิดว่าตัวเองเก่ง แค่พื้นฐานการบล็อกท่าเตะยังทำไม่เป็นเลย (ฮูย) สุดท้ายก็รู้สึกจะโดนตำรวจซิวไป ปิดฉากอาชญากรรมวิตถารไปหนึ่ง
เจอมาเอะเกริ อัดใส่ลิ้นปี่ไปเลยแบบจุกๆ
ตือผมรู้สึกได้เลยจากองค์ประกอบหลายอย่าง คนเขียนมีทัศนคติเหยียด MMA มากเลย ว่าเป็น “มวยจับโน่นผสมนี่” แต่ขอให้ระลึกไว้ก่อนว่า การ์ตูนเรื่องนี้เขียนมาตั้งแต่ปี 2000 ครับ (คือยี่สิบกว่าปีก่อน) เอาตรงๆ สมัยก่อนแม้ในเมืองไทยเองก็ไม่ได้มีทัศนคติที่ดีต่อ MMA นัก ถึงได้มีคำด่าว่า “เหมือนหมากัดกัน” แต่ผมก็พยายามจะเข้าใจครับว่าภาพจำของ “วิชาต่อสู้” ในยุคนนั้นมันคือ “วิชาต่อสู้=วิชาเตะต่อย” แล้วยิ่งหันมามองคนญี่ปุ่นแล้วด้วยเนี่ย คนญี่ปุ่นมันความยึดมั่นใน “ความเป็นเฉพาะทาง” ยิ่งกว่าคนไทยอีก ฉะนั้นเขาก็ย่อมจะไม่ให้ราคากับอะไรที่มันแลดู “ผสม” หรือ “จับฉ่าย”
แต่นั่นมันก็คือทัศนคติ “เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว” น่ะเนอะ
…แต่ไอ้ที่ยิ่งกว่านี้ยังมีอีกนะครับ…
นั่นก็คือ เปโดร บาโบซ่า
เรื่องมันมีอยู่ว่า…
หลังจากคดีไอ้ประธานกลุ่มฝึก MMA นั้นปิดไปแล้ว ก็เกิดคดีใหม่ ไฉไล เอ๊ย…จัญไรกว่าเดิม นั่นคือมีหนุ่มหน้าใสวัยละอ่อนชมรมยูโด โดนไอ้โม่ง เ ก เซ็ทหย่อ จนหมดสติตูดบาน!!
ที่หนุ่มยูโดหน้าใส สู้ไม่ได้ เพราะไอ้โม่งเซ็ทหย่อ มันมีวิชา…(รอเฉลยข้างล่าง)
หลังจากนั้น ก็เกิดคดีต่อเนื่อง หนุ่มหน้าใสของชมรมรักบี้ คาราเต้ ก็โดน เ ซ ็ท ห ย ่ อ ไปด้วย เดือดร้อนพวกชมรมต่างๆ ต้องมาประชุมเครียด หาทางลากตัว “ไอ้โม่ง” นี่ออกมาให้ได้ จนในที่สุดก็รู้ว่าตัวจริงของ “ไอ้โม่ง” นั้นคือนักเรียนแลกเปลี่ยนจากบราซิลที่ชื่อ “เปโดร” ที่มาเป็นลูกไล่อยู่ในชมรมยูโดนี่แหละ…
เปโดรอยู่ชมรมยูโด ทำตัวเป็นเด็กใหม่สายขาวโง่ๆ โดนประธานชมรมกลั่นแกล้ง ทุ่มแรงๆ เท่าไหร่ก็ไม่สู้ ทำตัวเหมือนไม่รู้วิชา…
แต่ตัวจริงของเปโดร ไอ้โม่ง เ ก ผู้ก่อคดีตุ๋ยต่อเนื่องน่ะ มันเป็น บราซิลเลียนยูยิตสู “สายม่วง” นะเว้ยเห้ย (เก่งกว่าผมอีกนะเว้ย ผมยังสายน้ำเงินอยู่เลย)
แน่นอน พระเอกหนุ่มน้อยโคฮินาตะก็เกือบโดนเซ็ทหย่อแล้ว เพราะเพื่อนโง่ที่ชมรมคาราเต้แค่โดนรัดคอจากข้างหลังก็สลบเหมือด พระเอกแค่โดนขึ้นคร่อมก็ดิ้นไม่หลุดแล้วเตรียมโดนถกกางเกงเสียความบริสุทธิ์ (อย่าขัดขืนเลย เก็บแรงไว้ใส่กางเกงเหอะน้อง 555) ดีที่ “มุโต้” รุ่นพี่ที่เก่งสุดในชมรมคาราเต้มาช่วยไว้ทัน
และพอสุดท้าย พอประธานชมรมยูโดรู้ว่าเปโดรคือไอ้โม่ง เ ก เตรียมจะไล่ออก คราวนี้เปโดรเลยสำแดงสุดยอดวิชา BJJ กระโจนเข้าทำฟลายอิ้งอาร์มบาร์แล้วหักแขนประธานชมรมยูโดซะ!
โอ้ว…ชิท 5555
แถมบริการตุ๋ยปิดปากด้วย แต่กลายเป็นว่า รุ่นพี่มุโต้โผล่มาถ่ายรูปชอตเด็ดไว้ได้พอดี เลยได้ทีบอกว่า “ถ้าอยากได้กล้อง ก็มาที่ชมรมคาราเต้ที่สอง” ก็เลยตามมาแล้วเปิดฉากท้าดวลกันเป็นเรื่องเป็นราว (แบบงัดเอาชุด BJJ มาใส่ด้วย)
ใส่ชุดยูยิตสู ออกศึก!
แต่สุดท้ายเนื่องจากการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนคาราเต้ เปโดรผู้ใช้วิชา BJJ เลยโดนมุโต้ซัดหน้าแหกไป แต่ แต่ ทั่นประธานชมรมคาราเต้ที่สอง “มินามิ” (ผู้เป็นริดสีดวงทวารตลอดศก) เห็นว่าไหนๆ เปโดรก็โดนไล่ออกจากชมรมยูโดแล้ว ไม่มีที่ไป งั้น มาเข้าชมรมคาราเต้ที่สองไหมครับ 555 (ชมรมยิ่งอยากได้สมาชิกอยู่) ก็เลยกลายเป็นว่าคดีก็จบไปแบบนี้เฉยเลย
…คือผมเข้าใจนะ BJJ เนี่ยมันมีจุดเด่นที่ท่านอน การคอนโทรลคู่ต่อสู้บนพื้น แต่เขียนเรื่องว่ามีคนเอามาใช้เป็นโจรปล้นสวาท เป็น เ ก เซ็ทหย่อนี่ ผมในฐานะที่ฝึก BJJ แล้วอ่านเจออะไรแบบนี้นี่ รับไม่ได้จริงๆ ครับ
ที่จริงเรื่องนี้ก็ยังมีมุกตลกบ้าๆ ที่เล่นกันวนๆ ในวงชีวิตชมรมต่อสู้เด็กมหาลัยแบบที่บ้าได้อีก เช่นตอนที่ชมรมคาราเต้ที่สองไปโอกินาว่าเพื่อเข้าค่ายฝึกพิเศษ ตอนเรื่องของชมรมนินจาที่กำลังจะโดนยุบเพราะไม่มีสมาชิกเลย (มีแต่ประธานชมรมโด่เด่คนเดียว) เรื่องของชมรมคาราเต้ที่สองที่ดันไปเอาพวก “โอตาคุ” มาเข้าชมรม เรื่องของสาวรัสเซีย (จริงๆ เป็นกะเทยมีงูน๊ะ) ผู้ใช้วิชาแซมโบ้ เล่นเปโดรจนง่อยกระรอกมาแล้ว (เพื่อนผมบอกคนเขียนจะสื่อว่า แซมโบ้เก่งกว่า BJJ ว่าซั่น)
เจอครั้งแรก เปโดร โดนขึ้นคร่อมได้ไงว๊า…
เมื่อเปโดร พยายามจะบอกฮามาดะ ว่า อีนี่น่ะ มันประ…(เทืองนะโว้ย) พูดยังไม่ทันจบเจอบาทาปิดปากไปซ๊ะ…
เรื่องราวมันก็ ไปของมันแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ จนกระทั่งบรรดาพี่ๆ ในชมรมคาราเต้ที่สองจนถึงโคฮินาตะด้วย เลือกเส้นทางชีวิตหลังเรียนจบโดยไปเป็นนักมวยคิกบ๊อกเซอร์อาชีพ (ซึ่งมันก็มีเนื้อเรื่องย่อยที่ออกจะแดกดันแทรก คือประธานชมรมนางินาตะ (ง้าว) ในเรื่องนั้น เรียนจบมาหางานการเป็นหลักแหล่งไม่ได้ ต้องมาทำพาร์ทไทม์เป็นเมดในร้านเมดคาเฟ่ (ฮา) เป็นการแดกดันว่าพวกที่อยู่กับการต่อสู้นี่มักจะเรียนไม่ดี จบมาก็หางานการดีๆ ทำไม่ได้ แต่อะไรก็ไม่เท่ากับประธานชมรมนินจาหรอกนะ ขานั้นไปเป็นพระเอกหนังเอวีเฉย?) ไอ้มาถึงตอนที่พระเอกชกมวยบนสังเวียนนี่แหละที่ผมเลิกอ่าน เพราะอารมณ์แบบ เออ ชีวิตมหาลัยมันจบละ ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกละ ก็เลย เลิกอ่านไป นั่นแหละครับ
ครับ ก็ขอจบการรีวิว (ที่เป็นการสปอยล์บางส่วน) เอาไว้แค่นี้นะครับ คราวหน้าจะเขียนเรื่องอะไรก็ อย่าลืมติดตามกันล่ะครับ สวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน ว่าด้วยเรื่องของ “มูซาชิ” ในการ์ตูนและเกม (เอาเท่าที่ผมรู้จัก)
– เกร็ดประวัติของ “มิยาโมโต้ มูซาชิ” แบบชีวิตจริงที่ไม่ใช่ฮีโร่ในนิยาย!?
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (89) คัมภีร์แห่งอากาส (ที่ว่าง)
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (88) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): สิบเอ็ด ปัจฉิมลิขิต
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (87) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): สิบ สิ่งที่เรียกว่า ใน นอก ในสายสำนักอื่น
#โคฮินาตะ มิโนรุ “คุณชายพันธุ์โชะ” กลับมาอ่านอีกที โคตรเกลียดเรื่องนี้เลยครับ!!