ความยากลำบากของการเป็นนักมวยปล้ำอาชีพ…ผมอยากนำประเด็นที่พบเจอต่าง ๆ มาพูดถึงเพื่อให้คนได้รู้จักมวยปล้ำอาชีพในบริบทของการฝึกฝนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้คนเข้าใจว่าสุดท้ายแล้วมวยปล้ำก็เป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยการฝึกซ้อม ไม่ใช่ “การแสดง” ที่ใครคิดอยากจะเป็นก็เป็น
อย่างที่หลายๆคนรู้ว่างานหลัก ๆ ของผมตอนนี้ก็คือการทำค่ายมวยปล้ำอาชีพในเมืองไทยและญี่ปุ่น โดยเราเริ่มจะมีการรับคนที่สนเป็นนักมวยปล้ำหรือกรรมการเข้ามาฝึกฝนมากขึ้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เราก็สัมผัสได้ว่าความเข้าใจในเรื่องของมวยปล้ำของคนยุคใหม่ในปัจจุบันนั้นไม่ถูกต้อง หรืออาจเป็นเพราะมวยปล้ำนั้นเป็นศาสตร์ที่ไม่ได้ถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจนในสังคมเหมือนพวกกีฬาต่อสู้อื่น ๆ อย่างมวยไทย คาราเต้ ฯลฯ ดังนั้นผมจึงอยากนำประเด็นที่พบเจอต่าง ๆ มาพูดถึงเพื่อให้คนได้รู้จักมวยปล้ำอาชีพในบริบทของการฝึกฝนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้คนเข้าใจว่าสุดท้ายแล้วมวยปล้ำก็เป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยการฝึกซ้อม ไม่ใช่ “การแสดง” ที่ใครคิดอยากจะเป็นก็เป็น
– มวยปล้ำคือ “การกีฬาที่ต้องอาศัยทักษะการแสดง”
อันนี้คือเรื่องพื้นฐานที่สุดเลยในการที่เราจะทำความเข้าใจมวยปล้ำอาชีพครับ และมักจะมีคนถามเราเสมอว่า “มวยปล้ำนี่ไม่เจ็บใช่ไหมครับ” หรือ “มวยปล้ำคือการแสดงใช่ไหมครับ”… ในที่นี้เวลาเราจะตอบ เราจะตอบโดยการ
1. ลองตบหน้าอกเขาดูเลย แบบที่เราทำกันบนเวที และ
2. ชี้แจงไปโดยชัดเจนเลยว่ามวยปล้ำนั้น “เจ็บ” ถึง “เจ็บมาก” ด้วย
การที่บอกว่าแสดงคือในบริบทของมวยปล้ำนั้น มีความจำเป็นที่ต้องใส่เรื่องราว ใส่สตอรี่ไลน์ให้คนดูรู้สึกอยากติดตามต่อไปเรื่อย ๆ แต่คนที่จะมารับบทต่าง ๆ นั้น คือ “นักกีฬา” ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก พวกเขาเจ็บแต่ก็เรียนรู้ในวิธีการจัดการกับมันอย่างจริงจังและเข้มข้น
มวยปล้ำไม่ใช่ “การแสดง” ง่าย ๆ ที่คนคิดว่าใคร ๆ ก็เป็นได้ หรือมาถึงก็เตรียมบทกันแล้วขึ้นโชว์ได้เลย อันนี้คือสิ่งสำคัญที่สุดที่คนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับมวยปล้ำ คิดว่ามวยปล้ำเป็นกีฬาปาหี่ที่มาแสดงกันให้ดูบนสังเวียน โดยสรุปเราแล้ว เราเรียกมวยปล้ำว่า Sport Entertainment เป็นกีฬาที่เตรียมการเอาไว้แล้วให้คนดู “รู้สึกสนุกที่สุด” ต่างจากกีฬาอื่นอย่างเช่นต่อยมวย ตรงที่พวกต่อยมวยเราไม่รู้ว่าแมตช์นั้นจะสนุกรึเปล่า เพราะไม่มีอะไรมาควบคุมหรือการันตีไว้ แต่สำหรับมวยปล้ำ คุณจะชอบหรือไม่ชอบไม่รู้ แต่ทีมงานทุกคนมีความตั้งใจจะทำมันออกมาให้สนุกที่สุดก็แล้วกัน
– มวยปล้ำไม่จำกัดอายุ แต่อายุไม่ใช่ข้ออ้างใด ๆ ในการอู้ฝึกทั้งสิ้น
คำถามต่อมาที่เราได้รับก็คือ “มวยปล้ำจำกัดอายุหรือไม่?” เราบอกเลยว่า “ถ้าคุณมีความฝันหรือความตั้งใจ มวยปล้ำก็ไม่จำกัดอายุ” มวยปล้ำไม่จำกัดแม้กระทั่งน้ำหนัก ไม่มีรุ่นจูเนียร์, รุ่นใหญ่ หรือแม้กระทั่งเรื่องเพศที่แยกกันอย่างชัดเจน ทุกอย่างสามารถขึ้นแข่งขัน ขึ้นสู้กันได้
ยกตัวอย่างนักมวยปล้ำในค่ายของผมก็เริ่มฝึกกันมาตั้งแต่ 6 ขวบ (เป็นผู้หญิงด้วย) แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องบอกเลยว่า “ไม่มีความแตกต่างทางด้านอายุในการฝึก”
โอเค ในที่นี้ผมไม่ได้หมายความว่าเด็กจะต้องฝึกโหดเท่าที่ผู้ใหญ่ทำกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ “ความเข้มข้น” และความเหมาะสมในการฝึกตามวัย แน่นอนว่ามวยปล้ำต้องมีการฝึกหนักกว่าปกติ และคุณไม่สามารถบอกได้ว่า “ฉันเด็กนะ ฉันทำได้แค่นี้แหละ” เพราะเป้าหมายของนักมวยปล้ำคือ “เมื่อคุณเป็นนักมวยปล้ำ กำแพงด้านอายุจะหายไปทันที” คุณอาจต้องสู้กับนักมวยปล้ำรุ่นแม่ที่อยู่ในวงการมากว่าสิบปีก็ได้
ดังนั้นเราต้องเป็นคนที่อย่างน้อยก็สามารถสู้กับเขา จับเขาทุ่มได้ เอาชนะเขาได้ เป็นต้น ตรงนี้จะอ้างอิงมาจากบริบทในข้อแรกคือ “มวยปล้ำคือการแสดง” ดังนั้นคนจะมองว่า เอาสิ! มันเป็นเรื่องง่าย แต่ผมบอกเลยว่ามันยาก เพราะมวยปล้ำ “ต้องฝึกฝนไม่มีวันหยุด ไม่มีอะไรการันตีความสามารถของคุณได้เลย แม้กระทั่งเข็มขัดแชมป์” เด็กในค่ายของผมอายุ 10 ขวบ ก็สามารถทำสควอชได้ต่อเนื่องกว่า 800 ที ซึ่งถือเป็นพื้นฐานมากๆ (เด็กตัวเล็ก ดังนั้นกำลังขาจึงเป็นรากฐานสำคัญในการต่อสู้) ดังนั้นทุกคนเมื่อเข้าสู่ระบบของมวยปล้ำแล้ว ก็ต้องพยายามอย่างหนัก ไม่มีข้อได้เปรียบ/เสียเปรียบใด ๆ ในทุกกรณี
– เก่งแล้วยังไม่พอ คุณต้องทำให้คนอยากเสียเงินมาเพื่อดูคุณโดยเฉพาะ
นี่คือความยากของการเป็นนักมวยปล้ำครับ เพราะหลังจากที่คุณฝึกจนมั่นใจว่า “เก่ง” แล้ว มันก็ยังไม่พอ เพราะนอกจากคุณจะต้องมีฝีมือแล้ว คุณยังต้องเก่งในเรื่องของการพรีเซนต์ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “ขาย” ตัวเองให้ได้ด้วย นี่คือความสำคัญที่คุณจะต้องผสมผสานทั้งทางด้านเทคนิคและคาแรกเตอร์ออกมาอย่างลงตัว และบางที เราจะพบว่าคนที่ไม่เก่ง แต่เขาสามารถใช้ความสามารถที่มี ผสมผสานกับคาแรกเตอร์ที่เหมาะสมจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้โอกาสในวงการมากกว่า
ในขณะที่บางคนรู้กันข้างในว่าฝีมือดีมากกกกก แต่คาแรกเตอร์ขายไม่ได้ เขาก็กลับเป็นคนที่หมดโอกาสในวงการไปซะอย่างนั้น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ครับ และหลายครั้งก็นำไปสู่ความไม่เข้าใจกันไปจนถึงความล่มสลายของสมาคมนั้น ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจในภาพรวม และความจริงที่ว่า “การทำงานหนักบางครั้งมันอาจไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีในทันที” แต่ผมยังเชื่อเสมอว่าถ้าเราฝ่าฟันมันไปเรื่อย ๆ มันก็จะสำเร็จเข้าสักวันครับ
– งบประมาณที่น้อย และค่าใช้จ่ายที่มักไม่เพียงพอ
สิ่งหนึ่งที่จะสร้าง “โอกาส” ให้กับนักมวยปล้ำก็คือการออกเดินทาง นักมวยปล้ำหลายรายที่มองว่า “ฉันเป็นนักมวยปล้ำแบบนี้” และไม่อยากที่จะเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นเพียงเพื่อจะให้ตัวเองได้มีงานมากขึ้น เขาก็มักจะมีความเชื่อกันว่า “สิ่งที่ไม่เวิร์คในที่หนึ่ง อาจจะได้ดีในอีกที่หนึ่ง” ดังนั้นก็จะเป็นที่มาของการออกเดินทาง และส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตัวนักมวยปล้ำก็จะเป็นคนออกเอง โดยแลกกับโอกาสและค่าจ้างอีกนิดหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างจะขาดทุนแน่นอน
ทีนี้เราจะได้เงินอย่างจริงจัง ตลอดจนค่าเดินทางก็ต่อเมื่อ ทางสมาคมนั้น ๆ เห็นว่าเราเหมาะสมที่จะขึ้นปล้ำอย่างแท้จริง และเราจะเป็นผลดีต่อสมาคมของเขา ดังนั้นนักมวยปล้ำอาจต้องแลกมาทั้งเวลา ตลอดจนเม็ดเงินในกระเป๋า แต่หากเราทำมันจนถึงที่สุดแล้ว มวยปล้ำก็ยังเป็นสิ่งที่สนุกและตอบแทนเรากลับมาได้แม้จะไม่ดี แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่จนเกินไปนัก
วงการมวยปล้ำมีความลับมากมายที่เก็บเงียบเอาไว้ และจะบอกเฉพาะคนที่เข้ามาอยู่ในวงการจริง ๆ ตัวผมเองก็ไม่สามารถลงรายละเอียดอะไรที่ลึกมากไปกว่านี้ได้ แต่ผมมองว่าสิ่งสำคัญที่ตนเองพอจะทำได้ ก็คือการสร้างความเข้าใจกับคนภายนอกให้รู้จักมวยปล้ำมากขึ้น และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับวงการด้วยความเข้าใจที่มากกว่าเดิม
หากสิ่งนี้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว วงการมวยปล้ำของไทยก็จะพัฒนาได้อย่างแน่นอนครับ (สมาคมญี่ปุ่นหลาย ๆ รายก็เปิดโอกาสที่จะสนับสนุนวงการมวยปล้ำไทย ดังนั้นความสัมพันธ์ตรงส่วนนี้เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของวงการ ตลอดจนโอกาสของคนที่สนใจมาก ๆ เลยล่ะครับ)
เรื่องแนะนำ :
– Kansui Park สวนสาธารณะที่ควรไปสักครั้ง
– The Omiya Bonsai Art Museum สวรรค์สำหรับคนรักบอนไซ
– สถานที่แปลกๆ ในการจัดมวยปล้ำญี่ปุ่น
– 5 นักมวยปล้ำหญิงญี่ปุ่นรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง
– “E-BOOK” อัศวินขี่ม้าขาว ผู้กอบกู้วงการหนังสือญี่ปุ่น