เมื่อถึงสนามบิน ดิฉันจึงลองหาดูว่า มีห้องอาบน้ำที่ไหนบ้าง … ปรากฏว่าจุดไต้ตำตอค่ะคุณผู้อ่าน มันมีห้องอาบน้ำที่เจ๋งมาก และราคาไม่แพงมากอยู่ที่สนามบินคันไซนี่เอง!”
ก่อนมาญี่ปุ่น ดิฉันมีเรื่องหนักใจอยู่อย่างหนึ่งค่ะ
คือว่า … ดิฉันต้องขึ้นเครื่องตอนเที่ยงคืนวันศุกร์ ถึงโอซาก้าตอนเสาร์เช้า แล้วไปพรีเซ้นท์งานที่สำคัญมากๆ ตอนเย็น ไม่มีเวลาแวะโรงแรมค่ะ สิ่งที่เกตุวดีห่วงคือ
หนึ่ง. ข้าพเจ้าไม่อยากใส่ชุดสูทขึ้นเครื่องตอนกลางคืน เพราะนอนลำบากและเสื้อจะยับยู่ยี่
สอง. การหลับบนเครื่องจะรีเซ็ททรงผมข้าพเจ้าใหม่ เป็นทรงพั้งค์แบบฟูๆ จากสมมติฐานสองข้อนี้ ดิฉันไม่อยากเผชิญหน้าคนรู้จักที่งานในสภาพนี้เลย
ดิฉันจึงลองหาดูว่า มีห้องอาบน้ำที่ไหนบ้าง … ปรากฏว่าจุดไต้ตำตอค่ะคุณผู้อ่าน มันมีห้องอาบน้ำที่เจ๋งมาก และราคาไม่แพงมากอยู่ที่สนามบินคันไซนี่เอง! อาบน้ำ 15 นาที แต่ใช้บริการห้องอาบน้ำได้ 1 ชั่วโมง สนนราคา 500 เยน (160 บาท) อย่าเพิ่งด่าดิฉันว่า กะอีแค่อาบน้ำ ทำไมเสียตังค์เป็นร้อย แถมยัยเกตุวดียังบอกอีกว่าราคาถูก … ลองดูความสะดวกสบายและเทคโนโลยีญี่ปุ่นอันสุดยอดต่อไปนี้ดูนะคะ ดิฉันมั่นใจว่า เพื่อนๆจะต้องอยากลอง ☺
ก่อนอื่น ห้องอาบน้ำนี้ จะอยู่ใน Lounge สนามบินซึ่งอยู่ชั้นสอง ฝั่งร้านสะดวกซื้อ Lawson และตรงข้ามกับร้าน Tsutaya ค่ะ สนามบินมีป้ายติดว่า Lounge & Shower Room บอกทางให้เรียบร้อย ไม่ต้องกลัวหลง
เวลาจะไปใช้บริการ อันดับแรก…. ไปบอกที่เคาน์เตอร์ที่อยู่ตรงทางเข้าว่า เราจะมาขออาบน้ำที่นี่ เขาก็จะมองหน้าโทรมๆ ของคุณด้วยความเห็นใจเล็กน้อย แล้วให้ตะกร้ามาใบหนึ่ง ในตะกร้า มีไดรเป่าผม กุญแจสีส้มซึ่งทำหน้าที่เหมือนคีย์การ์ดในโรงแรม เอาไปเสียบที่ช่องแล้วไฟจะติด (เพื่อให้แน่ใจว่า คุณเข้าห้องน้ำไม่ผิดห้อง) แล้วก็มีเหรียญเล็กๆ เท่าเหรียญสิบหนีบไว้ให้ เอาไว้หยอดตอนอาบน้ำ (ในรูปไม่มี เพราะดิฉันเอาไปหยอดอาบน้ำแล้ว)

หลังจากน้องพนักงานจิ้มลิ้มที่เคาน์เตอร์ตั้งอกตั้งใจอธิบายขั้นตอนต่างๆ จบเป็นเวลากว่า 5 นาที นางก็จัดห้องเบอร์ 3 ให้ดิฉัน ลูกค้าสามารถลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาได้เลย แต่ถ้าคุณมีของเยอะก็ฝากของไว้ด้านนอกได้ ดิฉันมีกระเป๋าลากหนึ่งใบกับกระเป๋าผ้าร่มใบใหญ่หนักสิบโลอีกหนึ่งใบ ก็เลยขอฝากกระเป๋า น้องพนักงานก็บอกให้ดิฉันเอากระเป๋าไปวางตรงที่วางได้เลย และพูดดักคอไว้ว่า
“ดิฉันจะไม่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ตลอดนะเคอะ ไม่รับประกันเรื่องของหายค่ะ ระวังของมีค่านะคะ”
อันที่จริง สำหรับดิฉัน ในกระเป๋าก็ไม่มีของมีค่าอะไรหรอกค่ะ…มีแค่หมูหยอง 5-6 ถุง ผงเครื่องแกง ขนมเบื้อง ข้าวเกรียบ พริก มะนาว อ้อ…แล้วก็ครีมรองพื้นไฮโซของ Estee Lauder ที่คุณเพื่อนฝากซื้อ ของในกระเป๋าที่ว่ามีมูลค่ารวมๆ ไม่เกิน 2 พันบาทถ้าไม่นับครีมไฮโซ ถือว่ามีค่าทางเงินไม่สูงนัก แต่ทุกชิ้นล้วนเป็นของมีค่า (โดยเฉพาะทางปากกับทางจิตใจ) สำหรับคนไทยที่ญี่ปุ่นทั้งนั้น ฝากไว้จะหายไหมนี่ กระเป๋าตู แต่ไม่เป็นไร ความขี้เกียจและรักสบายของดิฉันย่อมมาก่อนปากท้องเพื่อนอยู่แล้ว
จากนั้นดิฉันก็ลากกระเป๋าอีกใบเดินดุ่มๆ ไปหาห้องอาบน้ำส่วนตัวเบอร์ 3 ตามที่พนักงานบอก เท่าที่สังเกตดู ห้องอาบน้ำมีแค่ 5 ห้องเท่านั้นค่ะ ดิฉันไปตอน 7 โมงกว่าๆ ก็ยังว่างทุกห้องเลย ประตูห้องน้ำคล้ายๆ ห้องน้ำคนพิการ


ตัวเลขสีแดง คือ เวลาที่เหลือ ทางร้านอนุญาตให้เรามีเวลาอาบน้ำแค่ 15 นาทีเท่านั้น แต่หลังจากนั้น สามารถนั่งเป่าผมทำโน่นนี่ต่อไปได้ ท่านอาจกลัวว่า เอ๊ะ … งี้ตอนชั้นสระผม ก็ถูกนับเวลาไปด้วยสิ ทำไงดี ต้องรีบสระ รีบถูสบู่ รีบอาบหรือเปล่า…. ระบบญี่ปุ่นไม่งี่เง่าเหมือนห้องน้ำบางประเทศค่ะ เรามีปุ่มกดหยุดเวลาได้ พอกดปุ๊บ น้ำก็หยุดไหล นาฬิกาก็หยุดนับเวลา ขวดสองขวดด้านล่างที่อยู่ที่ตะกร้าตรงพื้น เป็นแชมพูกับสบู่อาบน้ำที่มีให้ฟรีค่ะ (แต่ผ้าเช็ดตัวนี่ ต้องเสียเงินเอง ผืนละ 60 บาท)


โดยเขียนทั้งภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษ แม้ว่าเกตุวดีรู้สึกว่า กลิ่นและสีของสองขวดนี้เหมือนกันมาก แต่ก็พยายามเชื่อใจคนญี่ปุ่นและฉลากที่ติดที่ขวดว่า เขาคงไม่มั่วนิ่มใส่ของเหมือนกันคนละขวดหรอก
โดยรวมดิฉันใช้เวลาอาบน้ำและสระผมไปทั้งหมด 7 นาที สปีดมนุษย์เงินเดือนมากๆ เพราะตอนแรกไม่รู้ว่ามีปุ่มหยุดเวลา ขณะที่ดิฉันกำลังเป่าผมอยู่ด้านนอกนั้น มันมีเสียงร้องดังปี๊บๆ เตือนว่า หมดเวลาอาบน้ำ 15 นาทีแล้ว ดิฉันก็ไม่ได้เอะใจอะไร สักพัก ประตูห้องอาบน้ำมันปิดและล็อคเอง จากนั้นก็มีน้ำไหลซู่ๆๆๆ ลงมาโครมใหญ่ (ถ้าใครอกหัก แอบเข้าห้องไปตอนนี้จะดีมาก ได้ฟีลลิ่งเปียกโชกสุดๆ) คือ เขาใช้น้ำฉีดล้างห้องน้ำอัตโนมัติ เพื่อให้ลูกค้าคนต่อไปเข้าได้โดยไม่ต้องใช้แรงงานคนมาทำความสะอาดมากนั่นเอง ทำความสะอาดห้องเตรียมรอลูกค้าคนใหม่ขณะที่คนเก่ายังอยู่ได้เลยค่ะ! (เจ๋งเนอะ)

ระบบนี้มันสุดยอดมาก เนื่องจากเกตุวดีเรียนสายศิลป์มา จึงคาดเดาไม่ออกว่า หลังหมดเวลาอาบน้ำ เขาใช้ระบบอะไรสั่งให้ประตูปิด และสั่งให้น้ำเปิดชำระล้าง และเดาว่ามันต้องมีเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหวว่า ไม่มีคนอยู่ในห้องน้ำนั้นแล้วจริงๆ ถึงค่อยปล่อยน้ำร้อนออกมาทำความสะอาด นับถือคนวางระบบแบบนี้จริงๆ ค่ะ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ลากกระเป๋าออกไปจ่ายเงิน ระหว่างทางพยายามแอบถ่ายรูปมาฝากเพื่อนๆ ถ้าใครเคยไปเน็ทคาเฟ่ บรรยากาศจะคล้ายๆ กันค่ะ
ท่านไหนบินถึงที่นี่ตอนเช้า หรือจะขึ้นเครื่องกลางดึก ลองมาใช้บริการที่นี่ดูนะคะ ☺ น่าสนใจพอๆ กับสถานที่ท่องเที่ยวเลย ไปสัมผัสความใส่ใจและเทคโนโลยีไฮโซของห้องน้ำญี่ปุ่นกันค่ะ
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Japan Gossip by เกตุวดี Marumura