คนญี่ปุ่นเขาเอาคันจิมาใช้เพราะได้รับอิทธิพลจากจีน ประเทศอื่นๆ อย่างเกาหลี หรือเวียดนามก็มีใช้ตัวอักษรคันจิกัน แต่ทว่าในปัจจุบันนี้น่าจะเหลือเพียงจีนกับญี่ปุ่นเท่านั้นที่ใช้ตัวอักษร คันจิกันในชีวิตประจำวันจริงๆ
เล่าโดย : วสุ มารุมุระ
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวของคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่น หรือแม้แต่คนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นเองเฉยๆ ก็คือ ตัวอักษรคันจิ [漢字] ครับ
แค่เห็นก็ต้องขยาดแล้วนะครับ เห็นจำนวนเส้นยึกยือๆ ขยุยๆ แบบนี้ จำไปได้อย่างไร
และยิ่งพอทราบว่าคันจิที่สำคัญ จำเป็นจริงๆ ในชีวิตประจำวันมีถึง 2,136 ตัวอักษร ในหัวเราก็เริ่มว่างเปล่า สายตาเหม่อลอย และต้องร้องว่า “ถอยยย ดีกว่า ไม่อาววว ดีกว่า”
คนญี่ปุ่นเขาเอาคันจิมาใช้เพราะได้รับอิทธิพลจากจีน ประเทศอื่นๆ อย่างเกาหลี หรือเวียดนามก็มีใช้ตัวอักษรคันจิกัน แต่ทว่าในปัจจุบันนี้น่าจะเหลือเพียงจีนกับญี่ปุ่นเท่านั้นที่ใช้ตัวอักษรคันจิกันในชีวิตประจำวันจริงๆ
ในประเทศจีนนี้มีคันจิกันถึงเป็นแสนๆ ตัว แต่ใช้อยู่จริงๆ แค่ราวๆ 3,000 – 4,000 ตัว
ตัวคันจิเป็นอักษรภาพที่ตัวอักษรๆ หนึ่งมีความหมายอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว เหมือนกับเราเห็นเครื่องหมาย X (กากบาท) และเข้าใจความหมายว่า “ผิด”
ด้วยความที่เป็นอักษรภาพนี้ อะไรที่ให้จำก็มีเยอะ แต่ถ้าหากเราจำได้ทีหนึ่งแล้วเราจะอ่านหนังสือรับข้อมูลได้เร็วมากขึ้น อย่างเช่นภาษาญี่ปุ่นเขียนลงหน้า A4 สัก 1 หน้าอาจจะแปลเป็นภาษาไทยได้ A4 1.5 หน้า
ด้วยเหตุนี้ทำให้สปีดการอ่านหนังสือของคนญี่ปุ่นค่อนข้างเร็ว ด้วยตัวอักษรคันจิ
การที่คนญี่ปุ่นจำคันจิที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ 2,136 ตัวเพราะสภาพการศึกษาการใช้ชีวิตประจำวันก็บังคับให้จำไปในตัวครับ จำไม่ได้ก็อ่านข้อสอบไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นบางทีก็อาจจะเจอคันจิยากๆ แบบที่อ่านกันไม่ออกก็มี ก็ได้แต่เดาความหมายกันไป หรืออาศัยตัวบริบท
ด้วยความที่คันจิมีเยอะและจำยากจำเย็นนี้ เลยทำให้ในญี่ปุ่นเคยมีความเคลื่อนไหวที่จะยกเลิกการใช้ตัวอักษรคันจิมาตั้งแต่สมัยปลายยุคเอะโดะเลยทีเดียว (~ ค.ศ.1868) แต่สุดท้ายแล้วอย่างที่เราทราบกันอยู่ว่าคันจิก็ยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้
คันจิไม่หายไปง่ายจากภาษาญี่ปุ่น สำหรับคนที่กำลังเรียนอยู่ก็อย่าท้อแท้ ค่อยๆ เขียน ค่อยๆ จำ แล้วสักวันเมื่อเราอ่านคันจิและอ่านหนังสือภาษาญี่ปุ่นได้ออก เขียนได้ถูกต้อง
ถึงวันนั้นเราก็จะฟินเองครับ
+++
ป.ล. ไว้ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าถึงเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวในการหยุดใช้คันจิ เมื่อมีโอกาสนะครับ
เล่าโดย : วสุ มารุมุระ
ทักทายพูดคุยกับ Wasu ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan
เรื่องแนะนำ :
– “โอกง” ว่ากันด้วยคำว่า สีทองเหลืองอร่ามและสัปดาห์ทอง
– มารุมุระ นิว-สุ : คนญี่ปุ่นอ่านข่าวเจออะไร
– แผ่นดินไหวในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
– การกลั่นแกล้งกันทาง LINE
– คุณจะทำงานไปจนถึงอายุเท่าไร?