ความเกรงใจเป็นสมบัติของคนญี่ปุ่น…ประเทศญี่ปุ่นที่เป็นเกาะและภัยทางธรรมชาติทั้งพายุ ภูเขาไฟระเบิด หิมะถล่ม แผ่นดินไหว สึนามิ ฯลฯ พอเป็นประเทศที่มีภัยธรรมชาติทุกอย่างที่จะมีได้ คนญี่ปุ่นจึงต้องพึ่งพาอาศัยกันเป็นอย่างมาก เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นแล้ว บ้านใกล้เรือนเคียงก็จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
แม่บุญธรรมชาวญี่ปุ่นของดิฉันเคยถามดิฉันว่า รู้ไหมว่าทำไมคนญี่ปุ่นจึงชอบพูดประโยคที่ว่า ขออภัยด้วยครับ/ค่ะ(すみません) ได้โปรดด้วยครับ/ค่ะ (お願いします) ขอบคุณครับ/ค่ะ (有難うございます) บ่อยมากๆ
คุณแม่เฉลยว่านั่นเป็นเพราะสภาพทางภูมิศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นที่เป็นเกาะและภัยทางธรรมชาติทั้งพายุ ภูเขาไฟระเบิด หิมะถล่ม แผ่นดินไหว สึนามิ ฯลฯ พอเป็นประเทศที่มีภัยธรรมชาติทุกอย่างที่จะมีได้ คนญี่ปุ่นจึงต้องพึ่งพาอาศัยกันเป็นอย่างมาก เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นแล้ว บ้านใกล้เรือนเคียงก็จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังเช่นช่วงเกิดสึนามิที่ญี่ปุ่น เหตุการณ์ที่คนญี่ปุ่นยืนเข้าแถวเป็นระเบียบในการรับอาหาร ไม่มีใครปล้นร้านสะดวกซื้อหรือกักตุนสินค้าก็เป็นเหตุการณ์ที่คนต่างชาติพูดถึงมาก
คนญี่ปุ่นยึดถือความกลมเกลียวสมานฉันท์ การถ้อยทีถ้อยอาศัย ความเกรงอกเกรงใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นในหลายๆ ครอบครัวจึงสอนลูกตั้งแต่เด็กๆ ว่า “อย่าทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน” “ให้คิดถึงคนอื่น” ดิฉันคิดว่าที่เขาสั่งสอนแบบนี้ทำให้คนญี่ปุ่นมีนิสัยขี้เกรงใจ
ไม่ทำตัวเด่นกว่าคนอื่น
คนญี่ปุ่นมักมีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่คุยโวโอ้อวด เวลาใครชมอะไรมาก็จะปฏิเสธไว้ก่อน ในขณะเดียวกัน คนญี่ปุ่นมักยกย่องชมเชยคนอื่นอยู่เสมอๆ สำหรับคนที่ไปญี่ปุ่นใหม่ๆ มักจะได้ยินประโยคชมเชยที่ว่า “พูดภาษาญี่ปุ่นเก่งจังเลย” ไม่ว่าเขาจะชมจากใจหรือไม่ก็ตาม นั่นเป็นลักษณะนิสัยของคนญี่ปุ่นค่ะ
ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
ตอนดิฉันไปญี่ปุ่นใหม่ๆ ดิฉันรู้สึกประทับใจกับคุณลุงที่โบกธงบอกทางในช่วงที่มีการซ่อมถนนเพื่อให้รถวิ่งไปทางอื่น คุณลุงหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสดูมีความสุขราวกับว่างานที่แกทำนั้นมีคุณค่าเหลือคณานับ ดิฉันก็คุยกับเพื่อนชาวฝรั่งเศสว่าอะไรล่ะที่ทำให้คนญี่ปุ่นรักในงานของตัวเองขนาดนี้ เพิ่งมารู้ทีหลังว่าคนญี่ปุ่นถูกสอนให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเพื่อไม่ให้คนอื่นๆ เดือดร้อน นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมแต่ละคนถึงทำงานกันดึกดื่นทุ่มเทให้บริษัท และไม่ค่อยมีใครกล้ากลับบ้านก่อนหรือลาพักร้อน เพราะเขากลัวว่าจะเป็นการเอาเปรียบคนอื่นหรือคนอื่นต้องมาทำงานแทน
ไม่ทำเสียงดังบนรถไฟ ในลิฟต์ ในออฟฟิศและไม่ทำเสียงดังยามวิกาล
คนญี่ปุ่นจะเงียบเสียงมากเวลาขึ้นรถไฟหรือเวลาขึ้นลิฟต์ จะไม่คุยโทรศัพท์หรือคุยกันเสียงดัง หากมีโทรศัพท์ก็จะปิดเสียงเรียกเข้า เพราะเขากลัวจะรบกวนคนอื่นทำให้รำคาญ ในออฟฟิศญี่ปุ่นก็จะนั่งกันเงียบกริบมาก เพราะกลัวว่าถ้าเสียงดังคนอื่นที่นั่งทำงานด้วยจะไม่มีสมาธิ หากเดินอยู่ในละแวกบ้านเรือนผู้คนยามวิกาล ก็ต้องเดินเสียงเงียบๆ เพราะอาจจะเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของคนอื่นที่อาจหลับไปแล้ว
พูดอ้อมค้อม ปฏิเสธไม่เป็น
คนญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องการไม่พูดตรงๆนั่นก็เป็นเพราะความขี้เกรงใจของเขา เพราะกลัวว่าหากพูดอะไรไม่ดีไปอีกฝ่ายหนึ่งฟังแล้วจะรู้สึกไม่ดีเป็นการทำร้ายจิตใจของคู่สนทนา ดังนั้นจึงพูดอ้อมไปไกลจนบางทีคนต่างชาติอย่างเราก็หลงประเด็นกันเลยทีเดียว
อีกอย่างคือ คนญี่ปุ่นจะปฏิเสธไม่ค่อยเป็นแต่นิยมพูดคำอื่นเป็นการปฏิเสธอ้อมๆ ค่ะ เช่น “เอิ่ม จะพิจารณาดูก่อนนะ” (まあ、考えておきます) “เอ่อ… คิดว่า(คงไม่ได้)” (ちょっと…) “มันคงไม่ง่ายหรอกนะ” (ちょっと難しいですね) บางคนก็ใช้วิธีเกาศีรษะแกร็กๆ แล้วลากเสียงยาวออกมาว่า “อื่อมมม์…”
เรื่องแนะนำ :
– เคล็ดลับความสำเร็จ
– ทำไมถึงไม่แต่งงาน
– สังคมก้มหน้า
– Sekuhara ลวนลาม ตามออฟฟิส
– ทำไมคนญี่ปุ่นชอบดื่มเหล้า
ขอบคุณภาพประกอบจาก : http://www.collocollo-english-circle.com/blog/thank-you-in-advance/
#ความเกรงใจ