“จะทำอย่างไรถึงจะสนิทเป็นเพื่อนกับคนญี่ปุ่นได้ครับ” เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก ดิฉันกับคุณอรรถ ผู้ร่วมเสวนา ก็มองหน้ากันและนึกในใจพร้อมๆ กันว่า … คงต้องทำใจครับ+ค่ะ… 555
วันก่อน หลังช่วงเสวนาหนังสือ Japan Gossip ที่ร้านคิโนะคุนิยะ พารากอน มีคุณผู้ฟังท่านหนึ่งยกมือถามดิฉันว่า “จะทำอย่างไรถึงจะสนิทกับคนญี่ปุ่นได้ครับ” เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก ดิฉันกับคุณอรรถ ผู้ร่วมเสวนา ก็มองหน้ากันและนึกในใจพร้อมๆ กันว่า … คงต้องทำใจครับ+ค่ะ… 555
ตอนเรียนปริญญาตรี ดิฉันมีเพื่อนแก๊งค์ทานข้าวกัน 5 คน ดิฉันเป็นต่างชาติคนเดียว นอกนั้นเป็นญี่ปุ่นหมด 4 คนค่ะ บางวิชา เช่น วิชาเลือก เราลงเรียนคนละตัวกัน แต่ก็จะส่ง sms หากัน นัดเจอกันทานข้าวที่โรงอาหารเสมอ บางครั้ง ดิฉันก็ชวนเพื่อนๆ มาที่บ้านมาทำกับข้าวทานกัน พอเรียนจบมหาลัย เราก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน มารู้อีกทีก็ตอนเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มจะแต่งงาน พวกเราถึงได้นัดรวมตัวกันทานข้าวฉลองกัน ทว่า บทสนทนาก็จะเผินๆ ค่ะ เช่น ทำงานที่ออฟฟิสเป็นไง ละครยอดฮิตตอนนี้ ต่างคนต่างทำงานอดิเรกอะไรอยู่
ถามว่าสนิทกับเพื่อนไหม … อืม… เอาอย่างนี้ดีกว่า สมัยม.ปลาย ดิฉันก็มีกลุ่มเพื่อนๆ คนไทยที่ทานข้าวด้วยกันทุกวัน เราร่วมทุกข์ร่วมสุขในการส่องหนุ่มและกรี๊ดรุ่นพี่หน้าตาดีๆ (อุ๊บส์) เราทำงานกีฬาสีด้วยกัน เราช่วยกันติว ช่วยกันหาข้อสอบเก่า เวลาดิฉันกลุ้มๆ อะไร ก็จะโวยวายบ่นๆ กับกลุ่มนี้
แต่ดิฉันแทบจะไม่มีช่วงเวลาเหล่านี้กับเพื่อนสาวญี่ปุ่นเลยค่ะ จำได้ว่า ตอนปี 1 ดิฉันเคยพยายามริเริ่มการส่องหนุ่มด้วยการชี้ๆ หนุ่มคนหนึ่งในโรงอาหารให้เพื่อนในกลุ่มดู พวกนางก็ยิ้มแบบนางเอกๆ แล้วก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน คิดดูสิคะ ถ้าเป็นกลุ่มสาวไทย ป่านนี้ต้องวิจารณ์พูดคุยขุดคุ้ยข้อมูลหนุ่มนั่นไปแล้ว (เท่าที่อยู่ญี่ปุ่นมา 8 ปี ดิฉันไม่เคยเห็นสาวญี่ปุ่นคนไหนชี้ชวนหนุ่มหล่อให้ดิฉันดู หรือสาวญี่ปุ่นจะไม่มีพฤติกรรมส่องหนุ่ม….)
ดิฉันมานั่งนึกตรึกตรองบทสนทนาของพวกเราดู ก็พบว่า ส่วนใหญ่ ดิฉันกับเพื่อนคนญี่ปุ่นจะคุยกันเรื่องที่ผิวเผินมาก เช่น วันนี้เรียนวิชาอะไร อาจารย์เป็นไงบ้าง ง่วงเนอะ จะทำงานพิเศษอะไรดี เข้าชมรมไหนดี ร้านเค้กร้านไหนอร่อย ไว้ไปกินกัน (ซึ่งในความเป็นจริง เราก็ไม่ค่อยได้ทำอย่างที่พูดสักเท่าไร) พอเลิกเรียน ก็แยกย้ายกันไปดำเนินชีวิตในแบบตน
ถามว่า คนญี่ปุ่นเขาไม่ค่อยสนิทกับคนอื่นเหรอ อันนี้ดิฉันคิดว่าไม่ใช่ แต่คนญี่ปุ่นจะยังไม่ค่อยเปิดใจกับคนต่างชาติอย่างดิฉันมากกว่า ด้วยระดับภาษาและสำเนียงแปร่งๆ เขาก็เลยมองว่า ดิฉันไม่ได้เป็นกลุ่ม (ชาติ) เดียวกับเขา กอปรกับคนญี่ปุ่นเป็นคนคิดมากกกกถึงมากที่สุด เขาคงจะห่วงว่า ถ้าพูดแบบนี้แล้วฝ่ายตรงข้ามจะเสียใจหรือเปล่า จะรู้สึกแย่ไหม เขาก็เลยจะพูดชมหรือพูดเป็นกลางตลอด เช่น
เวลาไปช้อปปิ้ง ถ้าดิฉันถามเพื่อนคนไทยว่า “เสื้อตัวนี้เป็นไง สวยไหม” นางคงบอกว่า “เหย…ลายเห่ยมาก” หรือ “แกใส่แล้วอ้วนอ่ะ” คือ คนไทยจะพูดตรงๆ มากกว่า ในทางกลับกัน เพื่อนคนญี่ปุ่นของดิฉันจะแสดงความเห็นเทือกๆ นี้ค่ะ “ก็ดูดีดีนะ” “ก็โอเคนิ่” หรือถ้าใส่แล้วออกมาดูดีหน่อย หรือถ้าเพื่อนเรากระแดะหน่อย นางก็จะบอกว่า “อั๊ย คาวาอี้” เป็นความเห็นที่เอามาใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อไม่ค่อยได้เท่าไรเลยค่ะ พวกนางไม่กล้าพูดตรงๆ เพราะกลัวดิฉันเสียใจ (แต่พวกนางคงไม่กลัวดิฉันเสียตังค์ฟรีๆ)

อีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันรู้สึกว่า คนญี่ปุ่นมีช่องว่างในการสนิทกับคนต่างชาติจัง คือ การที่คนประเทศนี้ไม่มีวัฒนธรรมการจิกกัดและแซวค่ะ (ยกเว้นแถบคันไซ) สมมติว่า คุณจิกกัดเพื่อนสาวญี่ปุ่นว่า “แหม่ ชุดลูกไม้วันนี้อย่างกับเอาผ้าม่านโรงแรมมาตัดนะยะ” นางอาจเอามือปิดหน้าแล้ววิ่งร้องไห้ออกไป … โอเค…ดิฉันอาจบรรยายเว่อร์ไปนิด แต่นางจะคิดเป็นจริงเป็นจัง และไม่เข้าใจว่าคุณกำลังจิกกัดแซวนางอยู่ค่ะ ตรงนี้ต้องเตือนคนไทยไว้นิดนึง ถ้ายังไม่สนิทกันจริง อย่าริกระชับช่องว่างระหว่างเราด้วยการแซวเด็ดขาด แม้แต่สรรพนามยกระดับความสนิท เช่น “อี..” “ไอ้…” “นัง….” “อีนี่” “นังนี่” คนญี่ปุ่นยังไม่มีคำเรียกเลยค่ะ เป็นประเทศผู้ดีมากๆ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณผู้อ่านอย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ เราจะไม่มีทางสนิทกับคนญี่ปุ่นเลยเหรอ คำตอบคือ มีค่ะ แต่คุณต้องใช้เวลาและความอดทน ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพราะกว่าคนญี่ปุ่นจะเปิดใจ พูดอะไรตรงๆ กับเรา เขาจะใช้เวลานานมาก
ดิฉันคงไม่มีวิธีที่จะทำให้เราสนิทกับคนญี่ปุ่นได้เลย มีแต่วิธีที่จะช่วยย่นระยะเวลาเปิดใจของพวกเขา เช่น ชวนไปดื่ม (เหล้า) แอลกอฮอล์จะช่วยละลายความเหนียมอายของคนญี่ปุ่นให้หายไป แม้ว่าวันถัดมา เขาจะกลับมาเป็นมนุษย์สุภาพเช่นเดิม แต่ถ้าคุณชวนเขาไปดื่มบ่อยๆ เขาก็จะสนิทกับคุณเองค่ะ

อีกวิธีหนึ่งคือการชวนไปทำงานอดิเรกที่สนใจร่วมกัน ชวนไปทำอาหาร ชวนไปเที่ยว เราก็จะมีเรื่องให้คุยอีกเยอะ วิธีหนึ่งที่ดิฉันใช้บ่อยๆ คือ ไปอาบออนเซ็นกับเพื่อนคนญี่ปุ่น ตอนที่เรานอนเหยียดแข้งเหยียดขาอย่างรีแล็กซ์ มันจะทำให้เรากล้าพูดกล้าคุยกับเพื่อนมากขึ้น เปิดใจกันมากขึ้น (ข้อเสียของวิธีนี้ คือ เปลืองเงินและใช้ได้แค่กับเพศเดียวกันค่ะ)
ใครคิดจะเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนญี่ปุ่น ลองเปิดใจคุณให้กว้างมากๆ ใช้ความพยายามและความอดทนอีกนิด พร้อมเข้าใจคนญี่ปุ่นให้มากๆ นะคะ ☺
ป.ล. บทความนี้มีเจตนาเพื่อแนะนำคนที่อยากเป็นเพื่อนกับคนญี่ปุ่น ส่วนคนที่อยากก้าวข้ามเกินคำว่าเพื่อน ไปถึงแฟนนั้น เราจะใช้เทคนิคลูกไม้อื่นๆ กรุณาอย่าอ่านบทความนี้อย่างจริงจังค่ะ
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura