ไม่ว่าชาติไหน ไทย จีน ญี่ปุ่น ดินแดง…เรื่องปากท้องสำคัญเสมอ คนญี่ปุ่นที่มาเมืองไทย เขาก็มีข้อสังเกต ข้อสงสัยน่ารักๆ หรือคำถามชวนอมยิ้ม จนคนโดนถามอย่างดิฉัน ก็งงๆ ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน เช่น…
สัปดาห์ก่อนดิฉันเจอคนญี่ปุ่นเยอะมาก ทั้งอาจารย์ญี่ปุ่น ทั้งเพื่อนที่มาประชุมที่ไทย และเพื่อนญี่ปุ่นที่อยู่ในไทย หัวข้อที่หนีไม่พ้นการเม้าท์มอยของพวกเราก็คือ…..เรื่องกินนี่แหละค่ะ
ไม่ว่าชาติไหน ไทย จีน ญี่ปุ่น ดินแดง…เรื่องปากท้องสำคัญเสมอ คนญี่ปุ่นที่มาเมืองไทย เขาก็มีข้อสังเกต ข้อสงสัยน่ารักๆ หรือคำถามชวนอมยิ้ม จนคนโดนถามอย่างดิฉัน ก็งงๆ ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน เช่น
1. อาหารตามสั่ง … สั่งอะไร
เมื่อเพื่อนญี่ปุ่นรีเควสท์ว่า “พาไปทานร้านอาหารที่ local หน่อย” เจ๊เกตุชวนชิมจึงจัดร้านอาหารสไตล์ outdoor ใต้ร่มเงาเต๊นท์ซาวน่าข้างๆ ออฟฟิศให้ พอนั่งเก้าอี้พลาสติกสีแดงแปร๊ดปุ๊บ ดิฉันก็จัดแจงอธิบายว่า ร้านนี้นะ คือ ร้านอาหารตามสั่ง … แบบ Made-to-order น่ะยู อยากกินอะไรก็สั่งเลย สบายมาก อะไรที่ไม่มีในเมนูเขาก็ทำให้ได้นะ (ภูมิใจนำเสนอการ improvise ของครัวไทยเต็มที่)
คุณเพื่อนก็ตื่นตาตื่นใจ และบอกว่า “ขอต้มข่าไก่ ไอชอบมาก”
เจ้าบ้านอย่างดิฉัน….ผู้ฝอยไปแล้วว่าร้านนี้ทำได้หมด ก็เริ่มหน้าซีดๆ และหันไปถามคุณป้าที่ผัดกระเพราอยู่หน้าเตาว่า “มีต้มข่าไก่ไหมคะป้า” คุณป้าปาดเหงื่อและบอกว่า “ไม่มีจ้ะ สั่งอย่างอื่นนะลูก”
ดิฉันก็เริ่มปาดเหงื่อตามคุณป้า และบอกคุณเพื่อนไปว่า “ไม่มี” นางเลยบอกต่อว่า “งั้น…ส้มตำละกัน เอาข้าวเหนียวด้วย ไอชอบ” อันนี้ไม่ต้องคอนเฟิร์มคุณป้าก็รู้ ไม่มีจ้ะ…เสียหน้ามาก จำใจต้องตอบคุณเพื่อนไปเลยว่า ส้มตำน่ะ ต้องไปร้านอาหารอีสาน ที่นี่ไม่มี
นางมองดิฉันด้วยสายตาผิดหวัง….ประมาณว่า ไหนหล่อนบอก Made-to-order ไง ฉันก็เสนอเมนูอาหารไทยสุดโปรดไปสองอย่าง ทำไมไม่มี อะไรคือมาตรฐานของอาหารตามสั่ง อะไรมี อะไรไม่มี
อันนี้เป็นคำถามที่ตอบยากมาก ผัดกะเพรา….มีแน่ๆ พวกก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวผัดๆ ก็มีแน่ๆ สุกี้ … บางร้านก็มี บางร้านก็ไม่มี ยำ … ส่วนใหญ่มี แต่…อะไรคือ “นิยาม” ของอาหารตามสั่งกันแน่เนอะ มันเหมือนเป็นสามัญสำนึกของพวกเราไปแล้ว มันเป็นเมนูที่อยู่ในหัวพวกเราแต่ละคนมาตั้งแต่เกิดว่า เวลาไปร้านอาหารตามสั่ง อะไรควรไม่ควรสั่ง ซึ่งเป็น know-how ที่ถ่ายทอดให้คนญี่ปุ่นฟังเข้าใจยากมาก
สุดท้ายดิฉันรีบตัดบท จับคุณเพื่อนมัดมือชก สั่งผัดซีอิ๊วกับผัดกะเพราให้นางไปเลย จบนะ
2. ทำไมมีคนตลอดเวลา
อันนี้เป็นคำถาม….ไม่สิ คำท้าทายจากนากาอิซัง ผู้มาอยู่เมืองไทยได้ 2 ปี
“เกตุวดีซัง ถ้าผมให้ดูรูปร้านอาหารไทย 2 รูป คุณจะรู้ไหมว่าอันไหนเป็นร้านที่ญี่ปุ่น อันไหนเป็นร้านที่ไทย”
อะไรคะ…งง …. ร้านอาหารสองประเทศนี้ ต่างกันตรงไหนเหรอ
นากาอิซังตอบอย่างผู้มีชัยชนะว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นจะมีลูกค้าเป็นช่วงเวลา ส่วนใหญ่จะพีคช่วง 12.00-13.00 น. และหลัง 18.00 น. แต่ถ้าเป็นร้านอาหารในไทย ฮีบอกว่าเดินผ่านร้านกี่ที ช่วงเวลาไหนๆ ก็เห็นมีคนตลอด บ่ายสาม บ่ายสี่ ไม่เชื่อลองไปเดินห้างไทยดู บ่ายสองก็ยังเห็นคนนั่งปิ้งๆ หมูย่างในบาร์บีคิวพลาซ่า สี่โมงเย็น ก็มีคนตักซูชิในร้าน Shabushi แม้แต่รถเข็นไก่ทอดหาดใหญ่หน้าบริษัท ก็เห็นมีคนซื้อเรื่อยๆ นิ
นากาอิซังตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะอาหารไทยให้ปริมาณน้อย คนไทยจึงหิวบ่อย และต้องแวะไปนั่งทานยามบ่าย ยามเย็น o_O!!! คุณผู้อ่านขา ฮีกำลังกล่าวหาว่าคนไทยกินจุบจิบ ไม่ม้างงงง…. เราอาจจะมีเวลาที่ยืดหยุ่นกว่าพนักงานบริษัทญี่ปุ่นแค่นั้นเอง
3. ร้านอาหาร…..ไทย…?
เมื่อยามาดะซัง… เพื่อนคนญี่ปุ่นมาเที่ยวเมืองไทย ดิฉันเลยถามว่าอยากทานอะไร เธอบอกว่าแน่นอน… ต้องอาหารไทยอยู่แล้ว แต่ขอแบบ local ๆ นะ (local อีกแล้ว!) นางบอกว่า เอาแบบร้านโปรดของดิฉัน ร้านที่ดิฉันชอบไปทาน นางพร้อมติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ
ด้วยความที่เข็ดกับร้านอาหารตามสั่งที่คนญี่ปุ่นไม่สามารถได้อาหารที่ตัวเองอยากสั่ง ดิฉันเลยตัดสินใจพาไปร้านอาหารร้านโปรด …. Coffee beans by Dao

แว้บแรกที่ยามาดะซังเปิดเมนู นางก็ดูอย่างเพลิดเพลินใจ ยำส้มโอ … ยำวุ้นเส้น … พล่ากุ้ง พลิกๆ ไป นางเริ่มเห็นซีซ่าร์สลัด … ผักโขมอบชีส … ก๋วยเตี๋ยวหลอด … ราดหน้า … จนนางเงยหน้ามาถามดิฉันว่า “ตกลงนี่ร้านอาหารอะไรนะ” ดิฉันก็ตอบไม่ถูก … อืม Coffee beans เป็นร้านอาหารอะไรหนอ จุดเริ่มต้นน่าจะเป็นอาหารไทย แต่ก็มีฝรั่งและจีนผสม หากจะบอกฟิวชั่นก็ไม่ใช่ เพราะเมนูแต่ละชาติก็เป็นเมนูดั้งเดิม ไม่ได้ดัดแปลงอะไรขึ้นมาใหม่ แค่เอาอาหารหลายๆ ชาติมาอยู่ในร้านเดียวกันแค่นั้นเอง … สรุปเลยตอบไปว่าร้านอาหารอินเตอร์ฯ 555
พอนั่งคิดๆ ดู ร้านอาหารที่พวกเรา (วัยรุ่น) ชอบไปก็เป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Greyhound (ที่มีทั้งขนมจีน ข้าวเหนียว และพาสต้า) หรือบ้านหญิง café (ข้าวซอยก็มี สปาเก้ตตี้ก็มี) ขนาดไปร้านสมบูรณ์ก็ยังมีความเป็นไทยผสมกับจีน จนแยกยากเหมือนกันว่าตกลงร้านนี้เป็นร้านอะไร
(ตัดภาพมาที่ญี่ปุ่น อันนี้จะแบ่งเป็น category ชัดเจน จนบางครั้งชัดเจนจนแตกย่อยเฉพาะมากๆ เช่น ร้านซูชิก็มีแต่ซูชิ ร้านแกงกะหรี่ก็ขายแต่แกงกะหรี่ ร้านข้าวหน้าเนื้อก็แทบจะมีแต่ข้าวหน้าเนื้อ ไม่ค่อยยอมให้เราเลือกประเภทอาหารได้หลายๆ แบบสักเท่าไร)
4. นี่อะไรนะ!
อาหารที่เราคุ้นๆ ตา คุ้นๆ ปาก พอคนญี่ปุ่นมาเห็นเขาก็อาจจะงงๆ อึ้งๆ ดังเช่นเมื่อตอนดิฉันพาคนญี่ปุ่นแวะซื้อผลไม้รถเข็นกลับไปทานที่ออฟฟิศ พี่คนขายเฉาะสับปะรดอย่างเชี่ยวชาญ (ญี่ปุ่นตื่นตาตื่นใจมาก โดยเฉพาะตอนเทผลไม้จากกรวยเข้าถุงอย่างสวยงาม… ฟรื้ดดดด ฟินาเล่) จากนั้นคุณพี่ก็ใส่ถุงพริกกับเกลือเล็กๆ ในถุงด้วย
“นั่นอะไรน่ะ” เอมิซังผู้ตาไวถาม
“พริกกับเกลือ เอาไว้จิ้มสับปะรด”
นางหน้าตื่นอยู่พักใหญ่ เกลือนี่ยังพอเข้าใจ เพราะคนญี่ปุ่นเอามาเหยาะแตงโมทานบ้าง แต่พริก…พริก…ไม่ได้เอาไว้ใส่ของคาวเหรอ ดิฉันพยายามอธิบายว่า พริกจะช่วยเพิ่มความ….เอ่อ….ซู่ซ่า…ให้ผลไม้ เวลาทานสับปะรดจิ้มพริกกับเกลือ มันจะมีทั้งรสหวาน เปรี้ยว อมเค็ม เผ็ดในปาก เป็นการผสมผสานที่ลงตัว นางคงกำลังนึกภาพการเอาสตรอเบอร์รี่ไปจิ้มวาซาบิทาน อะไรทำนองนั้นอยู่ นางบอกเลยว่าไม่เก๊ทจริงๆ (ไม่ยอมลองด้วย…แน้)
อีกเมนูหนึ่งที่สร้างความยากลำบากในการอธิบายให้คนญี่ปุ่นเหลือเกิน คือ มะม่วงค่ะ ในสายตาคนญี่ปุ่น มะม่วง คือ ผลไม้เมืองร้อนสีเหลือง รสชาติหวานหอม กลมกล่อม คนญี่ปุ่นจึงมักแตกตื่นเสมอเวลาดิฉันสั่งปลาทอดยำมะม่วง ยำปลาดุกฟู หรือพล่าปลาแซลม่อน (และมีมะม่วงดิบกับหอมแดงแจม) พอบอกว่าเจ้าเส้นเขียวๆ ขาวๆ นั่นน่ะ คือ มะม่วง ทุกคนจะทำหน้าแบบ … เกตุวดีหลอกตรู ไม่ยอมเชื่อสักราย
ดิฉันจึงต้องมานั่งอธิบายว่า มะม่วงน่ะนะ ก่อนจะเป็นสีเหลืองทองสุกอร่ามอย่างที่ทุกท่านเห็น มันเคยดิบมาก่อน! มันเป็นสีเขียว! และมันเปรี้ยว! เล่าไป เสิร์ช Google photo ไป เพื่อยืนยันว่ามะม่วงเหลือง มันเคยเขียวจริงๆ (จะว่าไปดิฉันยังนึกผลไม้ที่คนญี่ปุ่นทานดิบๆ เปรี้ยวๆ ไม่ออกเลย ขนาดบ๊วย ก็เอามาดองเหล้า ไม่ทานเปรี้ยวๆ)
ส่วนมะม่วงสุกก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา เวลาสั่งข้าวเหนียวมะม่วงตามร้านอาหาร คนญี่ปุ่นจะไม่เก๊ทว่าทำไมต้องทานมะม่วงกับข้าว ข้าวเป็นของหวานได้ยังไง จะอร่อยเหรอ เอาผลไม้มาคลุกข้าวทาน
ท่านใดเจอคนญี่ปุ่นแอนตี้เล็กๆ แบบนี้อย่ายอมค่ะ เราต้องมีจุดยืนเป็นของตัวเอง บอกไปว่าข้าวเหนียวหอมหวานเค็มจะตัดกับรสมะม่วงได้ดีมาก ลองเถอะ และตักใส่ช้อนป้อนปากเขาไปเลย ส่วนใหญ่จะติดใจทั้งนั้น (ยกเว้นลุงๆ ที่ยังติดกับค่านิยมเดิมว่าผลไม้คือผลไม้ และอีกเหตุผลที่ไม่ยอมกิน คือ ลุงๆ อยากดื่มเบียร์มากกว่า เลยไม่อยากกินของหวานกันเท่าไร)
+++
ปวดหัวจริงๆ เวลาพาคนญี่ปุ่นไปทานข้าว … แต่ก็สนุกจริงๆ อีกเช่นกัน กับการมองวัฒนธรรมการกินบ้านเราในมุมมองใหม่ ฤดูนี้คงมีอะไรให้ท้าทายดิฉันเพิ่มขึ้นอีก อย่างข้าวแช่ … (จะบอกไปว่า มันก็เหมือนหมี่เย็นบ้านเขา ไม่งั้นเดี๋ยวหาว่าเอาข้าวใส่น้ำเย็น แล้วพี่แกจะไม่ยอมกินกันอีก) กับมะยงชิด มะปราง (ปอกๆ แล้วให้ชิมไปเลย ไม่ต้องอธิบายละกัน)
ท่านใดเคยเจอประสบการณ์คำถามแปลกๆ ของคนญี่ปุ่นเกี่ยวกับอาหารการกิน แวะมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ อยากทราบจริงๆ ค่ะ ☺
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura
อ่าน Japan Gossip ทั้งหมด CLICK HERE
เรื่องแนะนำ :
– ทำไมคนญี่ปุ่นไม่ตกใจเวลาเกิดแผ่นดินไหว
– วิธีสังเกตสินค้าญี่ปุ่นที่ลดราคา
– Quiz ทายมารยาทสังคมญี่ปุ่น (ที่คนญี่ปุ่นเองอาจยังไม่รู้)
– การสังสรรค์ของสาวญี่ปุ่น
– Sumikko…คาแรคเตอร์สะท้อนนิสัยคนญี่ปุ่น