“COVID-19 กับการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่น: วิธีการช่วยเหลือ”
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสถิติการฆ่าตัวตาย (Suicide) มากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เกิดการระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงต้นปี 2020 เป็นต้นมา มีอัตราการฆ่าตัวตายมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลญี่ปุ่นยินดีเปิดเผยข้อมูลอัตราคนที่ฆ่าตัวตายเพื่อสร้างให้ทั่วโลกเกิดการตระหนักถึงผลกระทบที่ตามมาจากโรคโควิด ที่ไม่ใช่ส่งผลเสียเฉพาะแค่ผู้ที่มีอาการติดเชื้อและเสียชีวิตเท่านั้น แต่มีผลเสียด้านอื่น ๆ อีกมากมาย
มีหลายงานวิจัยศึกษาพบว่าคนญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นจริง เช่น
. การระบาดรอบ 2 (ช่วงเดือนก.ค. ถึงต.ค. 2020) มีคนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 โดยผู้หญิงมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น 37% (เพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่าของเพศชาย) มีผู้วิเคราะห์สาเหตุว่าน่าจะเกิดจากการที่ผู้หญิงต้องอยู่บ้านเป็นเวลานาน มีความตึงเครียดในครอบครัวอย่างมาก สอดคล้องกับสถิติการเกิดความรุนแรงในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น
. ปี 2020 ที่ผ่านมามีคนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายจำนวน 17,000 คน (ข้อมูลถึงเดือนพ.ย. 2020) ในเดือนต.ค. 2020 มีคนฆ่าตัวตาย 2,513 คน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าคนที่เสียชีวิตจากโควิดทั้งปีจำนวน 2,087 คน
. ปี 2020 มีอัตราการฆ่าตัวตายของเด็กเพิ่มขึ้น 49% สัมพันธ์กับช่วงที่มีการปิดภาคเรียน
ในการระบาดระลอก3 ครั้งล่าสุดที่เพิ่งประกาศภาวะฉุกเฉินออกมาม.ค. 2021 รัฐบาลให้คำสัญญาว่าจะสร้างสมดุลระหว่างให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้ ควบคู่ไปกับการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ เนื่องจากคิดว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่มีผลต่ออัตราการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้น คือ การตกงาน, การสูญเสียรายได้, คนจำนวนมากมองไม่เห็นอนาคต
>> ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย
“การฆ่าตัวตาย” หมายถึง การกระทำใดๆ ที่ตั้งใจทำให้ตนเองเสียชีวิต เช่น กินยาเกินขนาด, กรีดตามส่วนต่างๆของร่างกาย, แขวนคอ, กระโดดจากที่สูง คนที่พยายามฆ่าตัวตายจะมีความคิดว่าการมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่ยากลำบาก ทุกข์ทรมาน หมดหวัง หนทางเดียวที่จะหลุดพ้นได้คือความตายเท่านั้น
@ สิ่งที่คนมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย
# คนที่พูดว่า “อยากตาย” จะไม่ฆ่าตัวตายจริงๆ หรอก
คนที่พยายามฆ่าตัวตายส่วนใหญ่มักจะมีพฤติกรรม / คำพูดบางอย่างที่เป็นสัญญาณเตือนก่อนที่จะลงมือทำจริง ดังนั้นคนที่เห็นสัญญาณเหล่านี้ต้องคิดไว้ก่อนว่าคนพูดอาจจะฆ่าตัวตายจริงๆ
# คนที่ฆ่าตัวตายเป็นพวกคิดสั้น /เป็นบ้า / โง่ / เห็นแก่ตัว ฯลฯ
ถ้ามีทางออกอื่นให้เลือกได้ คงไม่มีใครอยากฆ่าตัวตาย แต่คนที่พยายามฆ่าตัวตายจะคิดว่าชีวิตนี้ไม่มีทางออก หมดหวัง ไร้อนาคต ไม่มีใครช่วยได้ จมดิ่งกับความทุกข์ ไม่มีความสุข
สิ่งสำคัญที่ต้องนึกไว้เสมอ คือ อย่าเอาไม้บรรทัดความรู้สึกของเราไปตัดสินใคร เพราะคนที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับคนที่ฆ่าตัวตายจะไม่เข้าใจและรู้สึกถึงความทุกข์ที่เขาแบกรับอยู่
# คนที่พยายามจะฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะห้ามอย่างไรเขาก็ทำอยู่ดี
คนที่พยายามฆ่าตัวตายส่วนใหญ่มีความลังเลใจว่าจะทำหรือไม่ทำดี เมื่อถึงจุดที่ทนต่อความเจ็บปวดทางใจ (Emotional pain) ไม่ไหวจริงๆ ทำให้ตัดสินใจลงมือทำตามแผนที่คิดไว้ หากมีคนช่วยได้ก่อนที่จะถึงจุดนั้น จะเป็นการลดโอกาสการฆ่าตัวตายได้
# คนที่ฆ่าตัวตายเป็นคนที่ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากใคร
คนส่วนใหญ่ที่ฆ่าตัวตายจะขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ซึ่งบางอย่างอาจไม่ตรงไปตรงมา
# การที่ไปพูดเรื่องฆ่าตัวตายจะยิ่งไปกระตุ้นให้คนนั้นทำจริงๆ
การพูดถามเรื่องฆ่าตัวตายไม่ได้เป็นการไปกระตุ้น แต่จะเป็นการช่วยให้คนที่คิดจะฆ่าตัวตายได้พูดระบายออกมา การพูดคุยเรื่องนี้ (ด้วยวิธีที่ถูกต้อง) จะเป็นการช่วยคนที่คิดจะฆ่าตัวตายไม่ให้ลงมือทำ
@ สัญญาณเตือนของการฆ่าตัวตาย (warning signs)
คนที่ฆ่าตัวตายจะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง (Cry for help) ก่อนที่จะลงมือทำจริงๆ
หนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดในการป้องกันการฆ่าตัวตาย คือ ต้องจับสัญญาณเหล่านี้ให้ได้แต่แรก แล้วรีบให้การช่วยเหลือ
คนรอบข้างต้องรับฟังและพยายามที่จะเข้าใจ ไม่ใช้คำพูดที่ตัดสินความคิดของคนที่คิดฆ่าตัวตาย, ช่วยคิดวิธีแก้ปัญหาสิ่งที่เขากำลังเป็นทุกข์อยู่ และแนะนำให้ไปพบผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์, นักจิตวิทยา เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป
# พูดถึงเรื่องการฆ่าตัวตาย / ทำร้ายตัวเอง / ความตาย
เช่น “เราไม่น่าเกิดมาเลย” “อยากตายๆ ให้พ้นๆไป”
# พยายามหาอาวุธที่จะใช้ฆ่าตัวตาย
เช่น สะสมยาต่างๆ หาซื้อปืน / เชือก / มีด
# หมกมุ่นอยู่กับเรื่องความตาย
เช่น แสดงออกทางคำพูด, ภาพวาด, ไดอะรี่, โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย
# ไม่สามารถคิดถึงเรื่องในอนาคตได้
คิดว่าไม่มีใครสามารถช่วยได้ (Helplessness), ไม่มีความหวัง (Hopelessness), ไม่มีทางออก (Being trapped) ไม่มีทางที่ชีวิตจะดีขึ้น
# เกลียด / โทษตัวเอง
คิดว่าตัวเองไร้ค่า, รู้สึกผิด, โทษตัวเอง, เกลียดตัวเองเพราะแย่มาก, เป็นภาระของคนอื่น
# จัดการสิ่งต่างๆ ให้เรียบร้อย / กล่าวคำลา
เช่น เขียนพินัยกรรม, ยกสิ่งของที่มีอยู่ให้คนอื่น, เคลียร์งาน / สิ่งที่เป็นภาระผูกพัน, โทร / พิมพ์ข้อความอำลากับคนใกล้ชิด / คนรู้จัก
# แยกตัว
ไม่คุยกับใคร, เก็บตัว, แยกไปอยู่คนเดียว
# มีพฤติกรรมที่เป็นผลเสียต่อตัวเอง
เช่น ใช้สารเสพติดมากขึ้น, ขับรถเร็ว เพราะคาดหวังว่าสิ่งที่ทำไปจะทำให้ตายได้ (Death wish)
>> วิธีการช่วยเหลือเบื้องต้นเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย
@ บอกถึงความเป็นห่วงของเรา
เมื่อสังเกตเห็นสัญญาณแปลกๆ (Warning signs) ให้คุยกับเขาในจังหวะที่เหมาะสม เริ่มต้นคุยโดยบอกถึงความรู้สึกห่วงใยที่เรามี (I message) ถามเรื่องความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตาย และเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ
@ สิ่งที่ไม่ควรทำเพราะจะทำให้คนที่คิดฆ่าตัวตายยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้น
พูดโต้แย้งความคิดของเค้า, พูดสั่งสอน, สัญญาว่าจะไม่เล่าเรื่องที่เขาจะฆ่าตัวตายให้ใครฟัง เพราะยังไงเราต้องบอกคนอื่นที่จะให้ความช่วยเหลือเขาได้ เช่น แจ้งแพทย์ผู้รักษา
@ ประเมินความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายเบื้องต้น
ถามเรื่องแผนการฆ่าตัวตายว่าตั้งใจแค่ไหน, ใช้วิธีอะไร / เมื่อไร, ได้เตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ฆ่าตัวตายไว้แล้วหรือยัง / อยู่ที่ไหน ในไทยกรมสุขภาพจิตมีแบบประเมินคัดกรองความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
https://www.dmh.go.th
@ กรณีมีความเสี่ยงสูงมาก
เช่น เริ่มทำร้ายตัวเอง, มีความคิดที่จะทำทันทีโดยมีแผนและอุปกรณ์พร้อมทำ ถ้าเป็นไปได้ควรพาไปโรงพยาบาลในวันนั้น หรือถ้ายังไปโรงพบาลไม่ได้ ต้องให้มีคนเฝ้าดูแลใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง, เก็บอาวุธที่จะทำร้ายตัวเองได้ออกให้หมด แล้วพาไปพบผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด
@ การบริการให้ความช่วยเหลือคนที่จะฆ่าตัวตายในไทย
_ โทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
_ โทรปรึกษาสะมาริตันส์ 02-713-6793 เวลา 12.00-22.00 น.
_ แอพพลิเคชั่นสบายใจ (Sabaijai)
_ #ThereIsHelp เป็นบริการแจ้งเตือนบนทวิตเตอร์ที่มีบริการผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิตให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงหรือผู้ที่มีปัญหา สุขภาพจิต และพยายามทำให้กลุ่มคนเหล่านี้กล้าที่จะบอกเล่าปัญหาและขอความช่วยเหลือในยามต้องการ เมื่อมีการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “ฆ่าตัวตาย” หรือ “ทำร้ายตนเอง” บนทวิตเตอร์ในประเทศไทย จะมีการแจ้งเตือนจะมีเบอร์ติดต่อ ของสมาคมสะมาริตันส์แห่งประเทศไทย (@Samaritans_Thai) และเบอร์ติดต่อสายด่วนของกรมสุขภาพจิต (@PR_dmh)
_ แนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์, นักจิตวิทยา เพื่อให้การวินิจฉัยโรคและการรักษา
หมอคิดว่าวิกฤติ COVID-19 ครั้งนี้ส่งผลเสียหลายด้านกับทุกๆ คน มีหลายอย่างที่ต้องทำเพื่อความอยู่รอด ซึ่งเป็นความเครียดยาวนานที่ไม่รู้จะจบเมื่อไร ดังนั้นอย่าลืมดูแลจิตใจของตัวเองและคนรอบข้างนะคะ
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– จางจอมโหดกระทะเหล็ก : ต้องเฆี่ยนตีเด็กถึงจะดีหรือไม่?
– วิกฤติการณ์ COVID-19 ที่ญี่ปุ่น: เมื่อเราต้องเจอกับความเครียด
– ตุ๊กตาดารุมะ: ล้มแล้วลุกได้ตราบใดที่เรายังมีหวัง
– ความรักมันยากจังอยู่แบบโสดๆ จะดีกว่ามั้ย: เวอร์ชั่นคนญี่ปุ่น
– Sumikko Gurashi: ฉันรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในซอกมุม
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#COVID-19 กับการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่น: วิธีการช่วยเหลือ