การเล่นตลกแบบญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งก็คือ “มันไซ” (漫才)ซึ่งเป็นการเล่นตลกแบบเป็นคู่หู โดยแต่ละคนจะมีบทบาทที่ต่างกัน มี 2 บทบาทคือ โบเคะ และสึคโคมิ
ไม่ว่าสังคมไหนๆ ก็ต้องการเสียงหัวเราะ วันนี้ AME.dama จะมาขอเล่าถึงการเล่นตลกคู่แบบญี่ปุ่นหน่อยค่ะ ^0^
ถ้าพูดถึงเจ้าแห่งความตลกก็ต้องยกให้ ชาวคันไซ โดยเฉพาะคนโอซาก้าซึ่งมีภาพลักษณ์ว่าเป็นคนตลก มีอารมณ์ขัน พูดจาใจๆ (อันนี้มีคนโอซาก้าเขานิยามตัวเองไว้อย่างนี้จริงๆ นะ)

การเล่นตลกแบบญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งก็คือ “มันไซ” (漫才)ซึ่งเป็นการเล่นตลกแบบเป็นคู่หู โดยแต่ละคนจะมีบทบาทที่ต่างกัน มี 2 บทบาทคือ
1. โบเคะ (ボケ)
เป็นคนปล่อยมุขโดยการทำตัวให้เหมือนตัวตลกพูดเรื่องอะไรเปิ่นๆ พูดล้อเล่น หรือพูดอะไรที่มันผิดจากความเป็นจริงที่คนทั่วไปเขารู้กัน
2. สึคโคมิ (ツッコミ)
เป็นคนตบมุขที่โบเคะพูดออกมา เพื่อเป็นการชี้ให้คนดูสังเกตว่าสิ่งที่เจ้าโบเคะพูดออกมานี่มันแปลกๆ ผิดนะ เป็นการเน้นมุขให้ชัดเจน โดยจะใช้ท่าตบหัว หรือใช้มือตบป้าบเข้าให้ที่อกของเจ้าโบเคะ

“จะบ้าเหรอ!” Aho ka!(アホか!)
“อะไรกันล่ะนั่น!” Nande yane! (なんでやねん!)
“ใช่ซะที่ไหนเล่า!” Chau yaro! (ちゃうやろ!)
“พอซักทีได้ไหม!” Yamen kai!(やめんかい!)
และอื่นๆ อีกมากมาย….

คนญี่ปุ่นถึงจะเป็นชาติเดียวกันแต่เมื่อเป็นคนละท้องที่กันแล้ว รสนิยมความชอบลักษณะนิสัยไปจนถึงภาษาถิ่นก็แทบจะเป็นคนละอย่างเลยทีเดียว อย่างเด่นๆ เลยก็คือคนฝั่งคันโต (ฝั่งที่โตเกียวเป็นจุดศูนย์กลาง) กับ คันไซ (ฝั่งที่โอซาก้าเป็นจุดศูนย์กลาง) จะมีลักษณะไม่เหมือนกัน
อิมเมจคนคันโตจะเป็นแบบเรียบร้อย พูดจาแบบผู้ดี อารมณ์คนกรุง ไม่สุงสิงเรื่องคนอื่น
อิมเมจคนฝั่งคันไซจะเป็นแบบพูดจาเปิดเผยกันเอง ชอบล้อเล่น พูดตลก น้ำเสียงการพูดก็จะมีพลัง บางทีอาจถูกมองว่าพูดจาเสียงดังน่ากลัว
เนื่องด้วยลักษณะที่ต่างกันนี้ทำให้รสนิยมความชอบ “มันไซ” ของคนคันโตกับคันไซก็ต่างกันไปด้วย คนคันโตมักจะหัวเราะช่วงที่โบเคะปล่อยมุข ในขณะที่คนคันไซจะหัวเราะชอบใจกับการตบมุขของสึคโคมิ ดังนั้นคู่มันไซที่จะได้รับความนิยมในแถบคันโตจะเป็นคู่ที่โบเคะตลกหรือมี คาแรคเตอร์โดดเด่น ส่วนในคันไซคู่ที่สึคโคมิเล่นตบมุขได้เก่งก็จะขายดี

ความพิเศษของ “มันไซ” ก็คือ “การเล่นตลกได้อย่างไม่มีรูปแบบกฎเกณฑ์” ซึ่งต่างจากการเล่นตลกแบบดั้งเดิมซึ่งจะมีรูปแบบกำหนดไว้อยู่แล้วเช่น “ราคุโกะ” (落語) ผู้แสดงจะสวมชุดกิโมโนนั่งพูดตลกอยู่บนเวทีคนเดียวโดยมีพัดเป็นอุปกรณ์ ช่วยเพิ่มสีสันระหว่างการพูด ตอนไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น อาจารย์ในห้องเคยเปิดเทปการแสดงราคุโกะที่ว่านี้ให้ AME.dama ดู….ผลปรากฏว่าหลับกันเกินครึ่งห้อง! อิมแพคแรงจริงๆ ฮ่าๆ ในห้องเป็นนักเรียนต่างชาติหมดทุกคนเลยไม่ค่อยเก็ทมุขญี่ปุ่น เลยฟุบโต๊ะหนีไปเข้าเฝ้าพระอินทร์กันตรึม AME.dama ก็สุดแสนจะเกรงใจอาจารย์ไม่กล้านอนเลยนั่งหลับแบบเอาผมมาปรกหน้าแทน (มันก็ไม่ต่างกันหรอกน่า!!!) ←นี่แหละค่ะการตบมุข ฮ่าๆ
อ้าว….ไปไกล กลับมาก่อน อะแฮ่ม ดังนั้นด้วยการที่มันไซไม่ได้มีรูปแบบตายตัวว่าต้องเล่นในรูปแบบไหนทำให้มี คู่หูตลกหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งยังเข้ากับยุคสมัยได้ดีมากกว่าเพราะทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ก็เข้าถึงได้ ไม่ดูแข็งเป็นพิธีการเหมือนการแสดงแบบดั้งเดิม


การเล่นตลกมันไซหลายสไตล์เช่น เล่นตลกด้วยการชกมวย หรือ เล่นตลกด้วยรูปแบบทำให้ดูน่าหมั่นไส้ ของวง NON STYLE ซึ่งดังมากด้วยคาแรคเตอร์อันโดดเด่นของอิโนะอุเอะ ยูสุเกะ ผู้เล่นบทสึคโคมิแบบเป็นนาร์ซิส หลงตัวเองเก๊กได้จนคนดูทั้งขำทั้งหมั่นไส้

การ ล่นตลกแบบ “มันไซ” เป็นสิ่งที่เข้าถึงและเลียนแบบได้ง่าย ในชีวิตประจำวันก็สามารถพูดตลกเล่นในรูปแบบมันไซที่มีคนปล่อยมุขและตบมุขได้ ถึงกับมีคำกล่าวว่า “ถ้าเล่นตลกแล้วมีคนมารุมล้อมซัก 2 คนก็เป็นมันไซได้แล้ว” ในงานโรงเรียนหรืองานเลี้ยงฉลองต่างๆ บางทีก็มักจะมีคนที่จับคู่เล่นตลกแบบมันไซเช่นกัน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะพอจะรู้จัก “มันไซ” การเล่นตลกคู่หูของญี่ปุ่นกันมากขึ้นแล้วบ้างไหมคะ คู่หูมันไซที่ดังมากๆ นี่รายได้เป็นร้อยล้านมากกว่าดาราทั่วไปยังมีเลยนะคะ วงการตลกนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างที่ว่าคารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรอง อิอิ
ตามติดชีวิตการผจญภัยในคันไซของ AME.dama ทั้งหมด คลิ๊ก >>> ผจญภัยในคันไซกับ AME.dama