ทางสองแพร่ง (Dilemma) ระหว่าง พันธุกรรม VS ความพยายาม ในมังงะและอนิเมของญี่ปุ่น
การ์ตูนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการ์ตูนแบบมังงะหรือเป็นอนิเมออกอากาศทางโทรทัศน์ จะมีประเภทที่ฮิตคือโชเน็นมังงะ (少年漫画: การ์ตูนสำหรับวัยรุ่นผู้ชาย) และ โชโจะมังงะ (少女漫画: การ์ตูนสำหรับวัยรุ่นผู้หญิง) แต่ทั้ง 2 ประเภทนั้นมีจุดคล้ายกันคือมีหลายเรื่องมากที่มีประเด็นเกี่ยวกับ Dilemma (การปะทะกันของความคิดความเชื่อ 2 ขั้ว) ระหว่าง “พันธุกรรมและความพยายาม” ของตัวละคร เพราะตัวละครในหลายเรื่องจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อเอาชนะอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในเนื้อเรื่อง
วันนี้จะขอยกตัวอย่างการ์ตูนมหาชน 3 เรื่องที่มีแฟนคลับทุกเพศทุกวัยให้ความนิยมคือ Dragon Ball, My Hero Academia, และ Demon Slayer แต่ก่อนอื่นขอเล่าองค์ประกอบของการ์ตูนทั้ง 2 ประเภทก่อน
องค์ประกอบของของโชเน็นมังงะคือต้องมีหัวใจสำคัญ 3 ประการดังนี้
- Yū-jō (友情): ต้องแสดงให้เห็น “มิตรภาพของตัวละคร”
- Do-ryo-ku (努力): ต้องแสดงให้เห็น “ความวิริยะอุตสาหะของตัวละคร”
- Shō-ri (勝利): ต้องแสดงให้เห็น “ชัยชนะ” ที่ได้มาจากความวิริยะอุตสาหะ
ส่วนองค์ประกอบของโชโจะมังงะก็จะต้องมีหัวใจสำคัญ 3 ประการที่ต่างออกไปเล็กน้อยคือ
- Ren-ai (恋愛): ต้องแสดงให้เห็นเกี่ยวกับ “ความรัก”
- Kat-tō (葛藤): ต้องแสดงให้เห็น “อุปสรรคหรือความขัดแย้ง” ของตัวละคร
- Jō-ju (成就): ต้องแสดงให้เห็น “การเติบโตของตัวละคร” หลังจากผ่านอุปสรรคหรือความขัดแย้งนั้น
Dragon Ball นั้นมีประเด็น พันธุกรรม VS ความพยายาม ที่ชัดเจนมากหลังจากเฉลยว่าโกคูไม่ใช่มนุษย์โลก เพราะตอนที่ราดิชมาที่โลกก็เชื่อว่าตัวเองแข็งแกร่งเพราะพันธุกรรม จึงเหยียดชาวโลกมาก ราดิชเหยียดว่ามนุษย์โลกปกติที่มีพลังแค่ 5 ว่าเป็นไอ้สวะ และราดิชยังมีบทสนทนาในเชิงเหยียดเผ่าพันธุ์อยู่เต็มไปหมดตลอดช่วงที่ราดิชมีชีวิตอยู่ เพียงแต่เวอร์ชันภาษาไทยไม่ได้แปล sense ของภาษาตรงนี้เอาไว้เลย
ส่วนในศึกที่ดาวนาเม็กนั้น เราจะเห็นว่ามีตัวละครที่แข็งแกร่งกว่าชาวไซย่าอีกมากมาย เช่น ฟรีเซอร์, หน่วยรบกีนิวทั้ง 5 คน, โดโดเรียและซาร์บอน กลุ่มผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าชาวไซย่าเหล่านี้ จริง ๆ มีเฉลยไว้ในเรื่องอยู่แล้วว่า ‘เกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์’ โดยในต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น กีนิวอธิบายความเชื่อของตัวเองให้จีสฟังว่าทำไมโกคูถึงแข็งแกร่ง ด้วยภาษาญี่ปุ่นว่า 「われわれとおなじく突然変異で生まれた超天才戦士なんだろう・・・」 ซึ่งในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษก็แปลแบบเก็บใจความของภาษาญี่ปุ่นได้ครบถ้วนว่า “He must be a mutation like us…born as a gifted fighter” (Toriyama, 2018 ฉบับตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา) เพียงแต่ภาษาไทยไม่ได้แปลความหมายในเชิงลึกนี้เอาไว้ คือกีนิวเชื่อว่าโกคูก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีการผ่าเหล่าคือกลายพันธุ์จนเข้มแข็งขึ้นผิดกระบวนการธรรมชาติเหมือนกับ ‘พวกเรา’ ซึ่ง ‘พวกเรา’ ในที่นี้หมายความถึงฟรีเซอร์, หน่วยรบกีนิวทั้ง 5 คน, โดโดเรียและซาร์บอน นั่นเอง คือสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์เดียวกันเองกับพวกนี้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพวกนี้ เพราะพวกนี้คือสิ่งมีชีวิตพิเศษที่มีการกลายพันธุ์เกิดขึ้น กินิวจึงพยายามขโมยร่างของโกคูเพราะเชื่อว่าพันธุกรรมทำให้มีพลังมาก แต่ก็ถูกโกคูสอนมวยว่า “ความแข็งแกร่งไม่ได้เกิดจากกายหยาบ แต่เกิดจากการฝึกฝนอย่างหนักจนประสานกายและจิตเข้าด้วยกันต่างหาก” เรื่อง Dragon Ball ถ่ายทอดสารที่ชัดเจนมากว่า “ความพยายามนั้นอยู่เหนือกว่าพันธุกรรมหรือชาติกำเนิดอย่างแน่นอน”
แต่พอมาดูเรื่อง My Hero Academia นั้น สารที่ถ่ายทอดออกมาไม่ได้เลือกข้างใดข้างหนึ่งระหว่างพันธุกรรมและความพยายาม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการกลายพันธุ์อยู่แล้ว จึงยอมรับอยู่กลาย ๆ ว่าพันธุกรรมก็สำคัญมากต่อชีวิตมนุษย์เช่นกัน ดังที่เราจะเห็นได้จากตัวละครหลายตัวที่มีปมว่าอัตลักษณ์ของตัวเองนั้นไม่เท่ หรือไม่เด่นพอจะทำให้ตัวเองสร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้ และที่พระเอกของเรื่องกล่าวตั้งแต่ตอนเปิดเรื่องแล้วว่า “มนุษย์นั้นเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน นี่คือความจริงของสังคมที่ตัวผมได้รู้ตั้งแต่ตอนประมาณ 4 ขวบ” เพียงแต่ว่า อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ไม่ได้เลือกข้างว่าพันธุกรรมเท่านั้นที่สำคัญ เพราะก็ยังให้เครดิตในด้านความพยายามไว้อีกด้วยตามแบบฉบับของโชเน็นมังงะหรือโชโจะมังงะที่ดี ดังนั้นแม้ว่าตัวละครหลายตัวจะมีอัตลักษณ์ที่ทรงพลังเช่นไร เราก็ยังคงเห็นความพยายามอย่างหนักหนาสาหัสของตัวละครทุกตัวทั้งฝ่ายตัวเอกและฝ่ายตัวร้าย อย่างเดะขุที่เป็นพระเอกของเรื่องก็เช่นกัน แม้จะได้รับอัตลักษณ์ที่ทรงพลังมา แต่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการฝึกฝนด้วย ไม่อย่างนั้นร่างกายก็จะรับพลังของอัตลักษณ์ที่มีไม่ไหวและบาดเจ็บสาหัสหรือถึงตายอยู่ดี
เรื่องนี้จึงให้เครดิตพอ ๆ กันระหว่างพันธุกรรมและความพยายาม สารที่สื่อก็คือ “พันธุกรรมก็สำคัญมาก แต่ความพยายามก็สำคัญไม่แพ้กัน เราทุกคนเลือกพันธุกรรมหรือชาติกำเนิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะพยายามฝึกฝนตัวเองอย่างต่อเนื่องได้” ตัวละครทุกตัวในเรื่องจึงต้องพยายามฝึกฝนการใช้อัตลักษณ์ของตัวเองให้เก่งขึ้นอีก ฝึกประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือทีมเวิร์คเข้าช่วยเพื่อเพิ่มสมรรถนะของอัตลักษณ์ให้ไปสู่ขีดสูงสุดให้ได้
เรื่องสุดท้ายที่จะกล่าวถึงคือ Demon Slayer ซึ่งเรื่องนี้ยอมรับโดยดุษฎีว่าพันธุกรรมแกร่งกว่าความพยายามแน่นอน (อย่างน้อยก็ถึงตอนล่าสุดในอนิเมะ ส่วนเนื้อเรื่องในมังงะหลังจากนั้นขอไม่สปอยล์) เพราะการขยายพันธุ์ของอสูรในเรื่องนี้ต้องอาศัยคิบุทสึจิ มุซันที่มอบเลือดให้มนุษย์เพื่อแพร่พันธุ์อสูรของตนเอง ในเรื่องนี้มีหลายครั้งที่ฝ่ายมนุษย์ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ และยอมรับว่ามนุษย์นั้นอ่อนแอ ไม่สามารถงอกแขนขาใหม่ได้เหมือนอสูร ไม่ได้แข็งแรงเหมือนอสูร เจ็บได้ ตายได้ ในขณะที่อสูรเหนือกว่าในทุกด้าน ดังนั้น สารจากเรื่องนี้จะค่อนข้างชัดเจนว่า “ความพยายามนั้นสู้พันธุกรรมไม่ได้” เพราะอสูรทุกตนแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ด้วยพันธุกรรมล้วน ๆ กันเลย เพียงแต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้บอกว่าความอ่อนแอกว่านั้นเป็นเรื่องที่ผิด เพราะได้โฟกัสไปที่เรื่องสัมพันธภาพและเรื่องของจิตใจในฐานะมนุษย์มากกว่าแค่เรื่องใครแกร่งกว่าและใครชนะเท่านั้น แม้ว่าสารที่สื่อออกมาจะชัดเจนว่า “ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็เอาชนะพันธุกรรมไม่ได้” แต่ก็สื่ออีกเช่นกันว่า “แต่มนุษย์ก็ไม่ควรหยุดพยายาม ต้องสู้ให้ถึงที่สุด” เช่นกัน
ที่จริงยังมีอีกหลายต่อหลายเรื่องที่มีการปะทะกันของความคิดความเชื่อ 2 ขั้ว) ระหว่าง “พันธุกรรมและความพยายาม” ของตัวละครในลักษณะนี้ เพราะเป็นแนวทางที่เด่นชัดของการ์ตูนทั้งแนวโชเน็นมังงะและโชโจะมังงะ ซึ่งหากลองกลับไปดูเรื่องที่เคยดูไปแล้วด้วยมุมมองระหว่าง “พันธุกรรมและความพยายาม” แบบนี้ดูบ้าง ก็ทำให้ได้เสพอรรถรสในอีกรูปแบบหนึ่ง
หนังสืออ้างอิง
– Toriyama, A. (2018). Dragon Ball (3-in-1 Edition Vol. 1-42). San Francisco, CA: VIZ Media.
เรื่องแนะนำ :
– อี้โทะโกะโดะริ (好いとこ取り): การเอาสิ่งที่ดีของชาติอื่นมาพัฒนาต่อจนกลายเป็นของญี่ปุ่น
– วะคง-โยไซ (和魂洋才): การผสมผสานจิตวิญญาณญี่ปุ่นและวิทยาการแบบตะวันตก
– ญี่ปุ่นมีมหาวิทยาลัยเฉพาะทางที่เรียกว่า “มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ” ด้วยนะ
– ที่มาของเสียงอ่านคันจิอันหลากหลายในภาษาญี่ปุ่น
– ทำไมพระโพธิสัตว์กวนอิมในประเทศญี่ปุ่นถึงมีทั้งปางบุรุษและปางสตรี?
#ทางสองแพร่ง (Dilemma) ระหว่าง พันธุกรรม VS ความพยายาม ในมังงะและอนิเมของญี่ปุ่น