การตั้งคำถามกับ “ครอบครัวร่วมสายเลือด” และ “ครอบครัวต่างสายเลือด” ในการ์ตูนญี่ปุ่น
ในช่วงนี้จากสื่อต่าง ๆ เราอาจเคยได้ยินคำว่า Toxic Family (ครอบครัวที่เป็นพิษ) มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น พ่อหรือแม่ทำร้ายลูกไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกายหรือจิตใจ, พ่อหรือแม่ใช้ผลการเรียนของลูกในการสนองปมด้อยบางอย่างของตัวเอง, พ่อหรือแม่บังคับลูกราวกับลูกเป็นสิ่งของ ฯลฯ จนบางครั้งพวกเราที่เป็นคนในสังคมปัจจุบันก็อาจต้องตั้งคำถามว่า “ครอบครัวคืออะไรกันแน่” เช่นกัน
น่าสังเกตได้ว่า การ์ตูนญี่ปุ่นนั้นได้ตั้งคำถามกับนิยามของ “ครอบครัว” มานานมากแล้ว อาจจะเกี่ยวกับแนวโน้มที่ญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาตลอดตั้งแต่ปี ค. ศ. 1970 จนในที่สุดปัจจุบันญี่ปุ่นก็เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบเป็นชาติแรกของโลก คือมีผู้สูงอายุเกิน 65 ปีประมาณ 36 ล้านคน (จากประชากรทั้งหมดประมาณ 120 ล้านคน) และมีอัตราแรกเกิดน้อยลงคือในปี ค. ศ. 2020 มีอัตราเด็กเกิดเพียง 1.34% เท่านั้น อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ผลิตสื่อการ์ตูน (ทั้ง Manga และ Anime) หลายคนก็ตั้งคำถามเดียวกันนี้ในเรื่องนิยามความเป็นครอบครัวมาตลอดในผลงานหลายเรื่อง เพราะครอบครัวแบบร่วมสายเลือดนั้นมีแนวโน้มจะมีจำนวนน้อยลงไปทุกทีในประเทศญี่ปุ่น
ในทางมานุษยวิทยาและชาติพันธุ์วรรณานั้น สังคมเอเชียหลาย ๆ ประเทศมีลักษณะเด่นคือ มีการนับเครือญาติแบบ ครอบครัวขยาย คือไม่ได้สืบสายเลือดอะไรกันมาเลย ไม่ได้เกี่ยวดองกันเป็นเครือญาติแต่อย่างใด หรือต่อให้เกี่ยวเป็นญาติก็เป็นญาติแบบห่างมาก ๆ (ประเทศไทยก็เช่นกัน นับคนแปลกหน้าเป็นพี่ ป้า น้า อา กันเป็นปกติ) ซึ่งถ้าลองพิจารณาการ์ตูนญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่งานที่โด่งดังที่สุดอย่าง Dragon Ball ที่เราจะเห็นได้ว่า โกคูและบุลม่าสนิทกันราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน, ผู้เฒ่าเต่าก็เป็นปูชนียบุคคลที่ตัวละครหลักทุกตัวเคารพรักดุจญาติผู้ใหญ่, พิคโกโล่รักโกฮังยิ่งกว่าพ่อแท้ ๆ ของโกฮังเสียอีก, มิสเตอร์ซาตานและบูก็เป็นสัมพันธภาพเชิงครอบครัวเช่นกัน จะเห็นได้ว่าบางครั้ง “ครอบครัวร่วมสายเลือด (Immediate Family)” กลับจะไม่สำคัญเท่า “ครอบครัวขยาย (Extended Family) ที่ต่างสายเลือด” ในหลายสถานการณ์ หรืออีกเรื่องที่โด่งดังอย่าง Demon Slayer ก็เห็นชัดมาก ว่าพวกอสูรที่ร่วมสายเลือดโดยตรงจากคิบุทสึจิ มุซัน กลับจะไม่สามารถเป็นครอบครัวเดียวกันได้ ในขณะที่ครอบครัวที่ต่างสายเลือดอย่างกลุ่มนักล่าอสูรด้วยกันกลับจะรักและห่วงใยกันมากกว่า
ในทางตรงข้าม กลับจะมีอีกหลายเรื่องที่มีลักษณะของการ “ถูกทำร้ายโดยคนในครอบครัวร่วมสายเลือด” ที่มีลักษณะของ Toxic Family อย่างชัดเจน เช่น พ่อของรันม่าที่ซ้อมรันม่าตั้งแต่เด็กและทำให้รันม่ากลายเป็นโรคกลัวแมวไปตลอดชีวิต (จากเรื่อง Ranma1/2), โช ทัคเกอร์ที่จับลูกสาวตัวเองไปทดลองทางวิทยาศาสตร์ (จากเรื่อง Fullmetal Alchemist), Mitsumasa Kido ที่ส่งลูกนอกสมรสทั้ง 100 คนของตัวเองไปฝึกเป็นเซนต์จนตายไป 90 คน เหลือรอดชีวิตกลับมาแค่ 10 คน (จากเรื่อง Saint Seiya), หรือจักรพรรดิชาร์ลส์ ซี บริทาเนียที่ทำกับลูก ๆ อย่างสุดเลวเหลือรับ (จากเรื่อง Code Geass) เป็นต้น
นอกจาก Dragon Ball และ Demon Slayer แล้ว ก็ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่พูดถึงครอบครัวต่างสายเลือดว่าเป็นครอบครัวที่แท้จริงได้ และอาจเป็นได้ดีกว่าครอบครัวร่วมสายเลือดด้วยซ้ำ อย่างเรื่องที่กำลังโด่งดังตอนนี้เช่น Spy Family ที่พ่อแม่ลูกไม่ได้เกี่ยวดองทางสายเลือดแต่กลับจะห่วงหาอาทรกันราวกับเป็นครอบครัวจริง ๆ, โดราเอมอนที่เป็นแค่หุ่นยนต์แต่ผูกพันกับโนบิตะเหมือนพี่น้องกันแท้ ๆ, ในเรื่อง Dr. Stone ก็มีตัวละครอิชิงะมิ เบียคุยะที่เป็นแค่พ่อบุญธรรมของเซ็นคูแต่กลับเข้าอกเข้าใจกันข้ามสหัสวรรษยิ่งกว่าพ่อลูกแท้ ๆ คู่ไหน ๆ, หรืออย่างการ์ตูนเรื่อง We Married as a Job ที่ถูกนำไปสร้างเป็นซีรีส์อันโด่งดัง (ที่พระเอกนางเอกพระกาศแต่งงานกันหลังแสดงเรื่องนี้แหละ) ก็มีการกล่าวถึงสามีภรรยาหลอก ๆ ที่กลับกลายเป็นรักกันและเข้าใจกันมากกว่าสามีภรรยาที่แต่งงานด้วยความรักกันจริง ๆ อีกหลายคู่
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่า การ์ตูนญี่ปุ่น “บอก” ว่าครอบครัวร่วมสายเลือดจะต้องแย่นะ แต่หมายถึงว่า นิยามของคำว่าครอบครัวมันไม่ควรจะเอาเรื่องสายเลือดมาเป็นตัวตั้ง แต่ครอบครัวที่แท้จริงควรจะใช้ “ความเข้าใจ ความปรารถดีต่อกัน ความเห็นอกเห็นใจกัน” มาเป็นตัวตั้งมากกว่า ไม่ว่าจะร่วมสายเลือดกันหรือไม่ ตราบใดที่มีความเข้าใจ ความปรารถนาดี และความเห็นอกเห็นใจกัน ตราบนั้นเราก็ย่อมเป็นครอบครัวเดียวกันได้ น่าจะเป็นนิยามครอบครัวแบบใหม่ที่เหมาะกับยุคที่โลกทั้งโลกเชื่อมต่อกันตลอดเวลา, เด็กเกิดน้อยลง, และมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นไม่หยุด อย่างสังคมญี่ปุ่นและสังคมไทยที่กำลังจะตามญี่ปุ่นไปในไม่นานนี้ ก็เป็นได้
เรื่องแนะนำ :
– ประวัติศาสตร์สงคราม 3+1 ชาติที่อยู่เบื้องหลัง “บะหมี่ถ้วยนิสชิน”
– ทำไมพระโพธิสัตว์กวนอิมในประเทศญี่ปุ่นถึงมีทั้งปางบุรุษและปางสตรี?
– องค์กรญี่ปุ่นชั้นนำหลายแห่งเริ่มผละออกจาก PDCA แล้วหันไปใช้ O-PDCA และ R-PDCA แทน
– อี้โทะโกะโดะริ (好いとこ取り): การเอาสิ่งที่ดีของชาติอื่นมาพัฒนาต่อจนกลายเป็นของญี่ปุ่น
– วะคง-โยไซ (和魂洋才): การผสมผสานจิตวิญญาณญี่ปุ่นและวิทยาการแบบตะวันตก
#การตั้งคำถามกับ “ครอบครัวร่วมสายเลือด” และ “ครอบครัวต่างสายเลือด” ในการ์ตูนญี่ปุ่น