ฮอกไกโดหน้าร้อนในต้นเดือนมิถุนายนนี้อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงกลางวันไม่เกิน 25 องศานับว่ากำลังเย็นสบาย ไม่หนาวไม่ร้อนเหมาะกับการเดินเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะทริปนี้จะเน้นไปในเรื่องธรรมชาติ ภูเขา ป่าไม้ และพลาดไม่ได้ก็คือสวนดอกไม้ที่กำลังทะยอยบานสะพรั่ง
ขอขอบคุณ : การบินไทย Hokkaido Tourism Organization และองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่สนับสนุนการเดินทาง
ต้นเดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสร่วมคณะสื่อมวลชนเดินทางไปยังเกาะฮอกไกโด โดยคำชักชวนจากทางสายการบินไทยและองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (JNTO) ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดคณะพิเศษ ให้ได้ไปเปิดหูเปิดตาและได้ลองนั่งเที่ยวบินบินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่สนามบินนิวชิโทเซ่ ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนตุลาคม 2012 ที่ผ่านมานี่เอง

ที่เซอร์ไพรส์และถือว่าเป็นบุญก้นน้อยๆ นี้ที่ทางสายการบินไทยได้จัดที่นั่งชั้นธุรกิจให้ได้ลองสัมผัสประสบการณ์แบบ Executive บนเครื่อง Airbus 330



ฮอกไกโด เกาะใหญ่ทางเหนือของประเทศญี่ปุ่นและยังเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ที่ๆ มีช่วงเวลาแห่งความหนาวเย็นมากกว่าอบอุ่น การเดินทางครั้งนี้เรามาเที่ยวฮอกไกโดในช่วงฤดูร้อน ซึ่งอากาศในฤดูร้อนของฮอกไกโดนั้นสูงสุดก็อยู่ที่ประมาณ 30 องศาเท่านั้น ถ้าเทียบกับบ้านเราแล้วถือว่าอบอุ่นสบาย แต่ฮอกไกโดหน้าร้อนในต้นเดือนมิถุนายนนี้อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงกลางวันไม่เกิน 25 องศานับว่ากำลังเย็นสบาย ไม่หนาวไม่ร้อนเหมาะกับการเดินเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะทริปนี้จะเน้นไปในเรื่องธรรมชาติ ภูเขา ป่าไม้ และพลาดไม่ได้ก็คือสวนดอกไม้ที่กำลังทะยอยบานสะพรั่ง

เครื่อง Airbus A-330 ของสายการบินไทยก็ได้นำเราบินตรงลงจอดยังสนามบินนิวชิโทเซ่ (New Chitose Airport) ไม่ต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องให้เสียอารมณ์ เสียเวลา
อากาศภายนอกสบายๆ เสื้อแจ็คเกตที่ใส่มาจากบนเครื่องก็ขอถอดออกเพื่อให้ร่างกายได้สัมผัสอากาศที่สดชื่น เท่าที่เช็คสภาพอากาศมาทริปนี้น่าจะเที่ยวได้อย่างสนุกสนาน เพราะอากาศเปิดแทบทุกวัน โอกาสที่จะเจอฝนน้อยเต็มที่ ยังไงก็ขอไว้ใจให้กับการพยากรณ์อากาศของญี่ปุ่น ที่มีโอกาสคลาดเคลื่อนน้อยเต็มที่
ลงจากเครื่องได้ยืดเส้นยืดสายกันพอควร ก็เริ่มออกเดินทางไปยังเมืองอาซาฮิคาวา เมืองใหญ่อันดับ 2 ของเกาะฮอกไกโด จุดหมายปลายทางแรกคือ “Asahiyama Zoo” สำหรับคนชอบเที่ยวสวนสัตว์แล้ว Asahiyama Zoo เป็นสวนสัตว์ที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงที่ต้องมาเที่ยวชมให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ออกแบบด้วยคิด Interactive Animal Viewing ทำให้แต่ละส่วนได้ถูกออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติที่สัตว์ชนิดนั้นๆ อาศัยอยู่ ซึ่งจะส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่ดีและได้แสดงพฤติกรรมต่างๆ ตามธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เราซึ่งไปเที่ยวชมก็ได้รับความสุขอย่างเบียดเบียนสรรพสัตว์ให้น้อยที่สุด




แต่ละส่วนนั้นได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงธรรมชาติของสัตว์แต่ละชนิดว่ามีวิถีความเป็นอยู่ตามธรรมชาติอย่างไร การจัดแสดงเพื่อให้คนได้เข้ามาเที่ยวยังไงไม่ให้เป็นการรบกวนสัตว์ต่างๆ จนมากเกินไป บางส่วนที่ได้เข้าไปชมยังถึงกับงงว่าส่วนนี้ให้คนมาดูสัตว์ หรือจัดที่ให้สำหรับสัตว์มาดูคนกันแน่ ใน Asahiyama Zoo นี้ มีส่วนต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย จนต้องขออนุญาตไว้เขียนแนะนำสถานที่แห่งนี้แยกต่างหากเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้งในโอกาสอันใกล้นี้



ใช้เวลาวันแรกบนเกาะฮอกไกโดมาครึ่งวัน ท้องไส้เริ่มหิวอาหารมื้อแรกของทริปนี้เป็น “ราเมง” อาหารจานที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติญี่ปุ่นไปอีกหนึ่งชนิดแล้ว เรียกว่าใครไปใครมาญี่ปุ่นคงต้องหาโอกาสได้แวะชิมสักชาม
และหากมาที่อาซาฮิกาวา เมื่อนึกถึงราเมงแล้วก็คงไม่พ้นที่จะต้องหาโอกาสมาที่ “Asahikawa Ramen Village” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้แวะมาที่หมู่บ้านราเมงแห่งนี้แต่ละร้านหน้าตารสชาติเป็นยังไงยังไม่เคยได้ลิ้มลอง
“อายะซัง” ไกด์สาวชาวญี่ปุ่นคนสวยเอาโบว์ชัวร์มาแจกให้รถ ให้แต่ละคนได้ลองดูตัวเลือกในใจกันก่อน ใน Asahikawa Ramen Village นี้มีร้านราเมง 8 ร้านให้เลือก ในแผ่นพับทุกร้านก็บรรยายสรรพคุณร้านของตัวเองว่ามีจุดเด่นจุดดังตรงไหนน่าเลือกไปเสียทั้งหมด แต่ท้องมีแค่ท้องเดียวปากก็มีแค่ปากเดียวยังไงก็ต้องเลือกให้ได้สักร้าน สุดท้ายในเมื่อคำโฆษณาไม่อาจตัดสิน จึงต้องใช้การตัดสินด้วยภาพ




สุดท้ายต้องใช้รูปถ่ายตัดสิน ตกลงใจเลือกร้าน Asahikawa Ramen Ittetsu-an Matsudaเพราะถ่ายรูปไข่ออนเซนมาได้ยั่วยวนน่ากินเป็นที่สุด จึงชนะไปอย่างเฉียดฉิว
แต่แล้วก็ต้องไปกินเหงาๆ คนเดียวในร้าน เพราะเพื่อนร่วมคณะคนอื่นๆ เทใจให้กับร้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นร้าน Asahikawa Ramen Aoba ที่ภูมิใจในความเป็นราเมงเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในอาซาฮิกาวา หรือจะเป็นร้าน Ramen Shop Tenkin ที่เชื่อมั่นในน้ำซุปของตัวเองว่าเป็นหนึ่งไม่แพ้ใคร
บางครั้งการตัดสินใจอะไรบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลอะไรมากมาย บางครั้งก็ใช้แค่ความรู้สึก (และรูปถ่าย 5555)
“Ittetsu Ramen” ชามนี้รสชาติไม่เลวทีเดียว น้ำซุปเป็นน้ำซุปซีอิ๊วติดที่น้ำซุปเค็มไปนิด แต่รสชาติไข่ออนเซนถูกใจไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ บวกกับหมูชิ้นโตๆ ที่ทางร้านบอกว่าต้องใช้เวลาในการเตรียมถึง 2 วันถึงจะนำมาเสิร์ฟได้ก็หนานุ่มอร่อยเป็นอย่างยิ่ง
เสียดายที่พื้นที่ในท้องและเวลามีจำกัด เลยมีโอกาสได้ชิมแค่ร้านเดียว เท่าที่ฟังเสียงจากเพื่อนร่วมคณะที่ได้ทานร้านอื่นก็ไม่มีใครผิดหวังสักคน ไว้รอบหน้าถ้ามาอาซาฮิคาวาอีกจะต้องหาเรื่องมาลองชิมอีก 7 ร้านที่เหลือให้ได้

เนื่องจากทริปที่มานี้เป็นหน้าซัมเมอร์ของฮอกไกโด อุณหภูมิช่วงกลางวันอยู่ที่ประมาณ 20 กลางๆ แต่แดดจัดเอาเรื่องอยู่ ทางเจ้าภาพก็คงจะกลัวว่าพามาฮอกไกโดทั้งที ทำไมถึงไม่หนาวสมคำร่ำลือ ช่วงบ่ายนี้เลยพามาสัมผัสประสบการณ์ความหนาวสุดขั้ว กับอุณหภูมิ -20 c° ที่ “Hokkaido Ice Pavilion”












สำหรับวันแรกหลังจากเดินเที่ยวกันพอสมควร ก็เดินทางไปยังเมือง Sounkyo เมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องน้ำพุร้อนแห่งหนึ่งของภูมิภาคฮอกไกโด คืนนี้คณะเราเข้าพักที่ Hotel Taisetsu ซึ่งห้องพักกว้างขวางสะดวกสบาย ผิดกับโรงแรมในตัวเมืองใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นที่จะคับแคบไปนิด มื้อค่ำนี้ก็ทานอาหารค่ำในโรงแรมตามสไตล์ของโรงแรมในแหล่งที่มีน้ำพุร้อน ที่มักจะรวมมื้ออาหารค่ำ เข้าไปในค่าที่พักด้วย ในโรงแรมยังมีออนเซนบริการตลอด 24 ชม. มีส่วนทั้ง Indoor และ Outdoor ให้เลือกได้ตามความชอบ น่าเสียดายที่เผลอหลับไปซะก่อน ทำให้เสียโอกาสไม่ได้ลงไปแช่ให้สบายตัว



หลังอาหารยังมีโปรแกรมพิเศษอีกหนึ่งอย่าง คือไปชมหมู่ดาวท่ามกลางป่าเขา จุดที่ไกด์พาเราไปชมนั้นอยู่บริเวณ Ginga Falls ซึ่งเวลาที่ไปนั้นค่อนข้างมืดไม่สามารถเห็นสภาพแวดล้อมได้เลย เพิ่งเข้าใจความรู้สึกที่เขาเคยว่าไว้ว่า มืดจนมองไม่เห็นมือของตัวเองมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ท่ามกลางความมืดได้ยินแต่เสียงของน้ำตกที่คะเนว่าคงอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่สามารถเห็นได้
ด้วยความมืดนี่เองที่ทำให้เห็นดวงดาวนับหมื่นนับแสนดวงได้อย่างชัดเจน น่าเสียดายที่ไกด์บรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ เลยไม่สามารถซึบซับได้ดีว่าหมู่ดาวแต่ละดวงนั้นในภาษาไทยเราเรียกว่าอะไรบ้าง ถ้าเข้าใจความหมายคงจะอิ่มเอมได้มากกว่านี้ และก็เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเก็บภาพบรรยกาศใดๆ มาได้เลย เนื่องจากความมืดนี่เอง
จบโปรแกรมสุดท้ายของวันก็ถึงเวลาแยกย้ายกันเข้าห้องพักเตรียมตัวเพื่อลุยต่อในวันพรุ่งนี้
เรื่องที่เกี่ยวข้อง>>
– รีวิวเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ตอนที่ 4 : เหนือเมฆฮอกไกโด
– รีวิวเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ตอนที่ 3 : ปั่นจักรยานกินลม แวะร้านขนมกินของหวาน
– รีวิวเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ตอนที่ 2 : ภูเขากระรอก น้ำตกกิ้งก่า ดอกไม้ป่า แกะและเป็ด
ขอขอบคุณ : การบินไทยและ Hokkaido Tourism Organization และองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่สนับสนุนการเดินทาง