มุ่งหน้าสู่ Echigo-Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art KINARE เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่เก๋มากๆ แต่ละโซนมีคอนเซปน่าทึ่ง ประมาณว่า “คิดได้เนอะ”
วันนี้เราจะเป็นเด็กอาร์ตกันแบบเต็มๆ ไปสัมผัสเรื่องราวเกี่ยวกับงาน Echigo-Tsumari Art Triennale กัน!!

เช้าเราก็เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม Atema Highland Resort Belnatio แล้วมุ่งหน้าสู่ Echigo-Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art KINARE เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่เก๋มากๆ แต่ละโซนมีคอนเซปน่าทึ่ง ประมาณว่า “คิดได้เนอะ” ที่เราประทับใจมากๆ ก็คือการนำดินแต่ละที่ของจังหวัดนี้มาใส่ขวด และจัดเป็นโทนสีขึ้นมา (ดินของแต่ละที่สีไม่เหมือนกันไงจ้ะ) แล้วก็การนำสิ่งของเหลือใช้มาจินตนาการสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะขึ้นมา










ในหมู่อาคารเดียวกันนี้ยังมีจุดแช่น้ำร้อนรวมแบบสาธารณะไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยล่ะ ชื่อว่า Akashi-no-yu ใครมาจังหวัดแถบนี้แล้วยังแช่น้ำร้อนรวมสไตล์ญี่ปุ่นได้ยังไม่จุใจ เชิญมาต่อที่นี่กันได้เลยค่าาาาา
Echigo-Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art KINARE
เปิดตั้งแต่ 10.00 – 17.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 800 เยน (เด็กครึ่งราคาจ้า)
Akashi-no-yu
เปิดตั้งแต่ 10.00 – 22.00 น. (ปิดทุกวันพุธ แต่เปิดทุกวันในเดือนส.ค. และธ.ค. ล่ะ)
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 600 เยน (เด็กครึ่งราคาจ้า) …แต่ถ้าผู้ใหญ่เข้าหลัง 17.00 น. จ่ายแค่ 500 เยนนะจ้ะ

ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้นัก (ข้ามถนนเล็กๆ จิ๊ดเดียว) มี Echigo-Tsumari Omiyage Kanร้านขายของที่ระลึกท้องถิ่น มีของสดจากละแวกเมือง Echigo-Tsumari มาจำหน่ายแบบสดๆ แล้วก็มีจุดบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอยู่ด้วยล่ะ ก็สะดวกดีนะ




จุดหมายต่อไปคือ Echigo-Tsumari House of Light เป็นอาคารไม้ที่ดูภายนอกก็แค่อาคารเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่นธรรมดา แต่พอเข้าไปด้านใน ก็รู้เลยว่าที่นี่จัดแสงได้เหมาะเจาะ ดูกลมกลืนกับธรรมชาติมาก แม้กระทั่งห้องแช่น้ำแร่ ยังมีการจัดแสงไว้ได้อย่างสบายตา แต่ที่ประทับใจสุดๆ คือเมื่อเจ้าบ้านบอกให้เรานอนหงาย มองขึ้นไปบนเพดาน แล้วใช้จินตนาการ ตอนนั้นเรายังไม่คิดอะไร เป็นนักเรียนที่ดี ทำสมองว่างเปล่า เตรียมใช้จินตนาการล้วนๆ ขุ่นพระ! หลังคาค่อยๆ เปิดออกจ้า เปิดแบบไม่มีอะไรมาขวางกั้นเลยทีเดียว รับละอองฝนเข้าหน้าแบบสดชื่นกันเลยล่ะ (เผอิญวันนั้นฝนตก เราจังหวะดี ฝนทำท่าจะหยุดน่ะ)





พอหายตื่นเต้น ตาโตกับการเปิดหลังคาแล้ว เราก็เพิ่งเข้าใจว่าให้เรานอนใช้จินตนาการกับอะไร … ไม่ใช่การเปิดหลังคาหรอกนะ เขาให้เราใช้จินตนาการกับเมฆ เมฆที่ลอยผ่านช่องว่างบนเพดานนั่นแหล่ะ สนุกสิคะ กิจกรรมสุดฮิตของเราตั้งแต่เด็กจนโตเลยทีเดียว จินตนาการก้อนเมฆเนี่ย ^^
อ้อ! House of Light เนี่ยเปิดให้เข้าพักด้วยนะคะ ใครอ่านภาษาญี่ปุ่นในเว็บเขาออกก็จองกันไปได้เลยค่ะ

จุดหมายต่อไปเป็นอดีตโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเมือง Echigo-Tsumari…
โรงเรียนประถมเก่าในญี่ปุ่น ที่ไม่ได้ทำการเรียนการสอนแล้ว นิยมนำมาดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ เคยเจอแบบนี้ที่ฮอกไกโดเหมือนกัน สำหรับที่ Echigo-Tsumari Art Triennale แห่งนี้ มีการสร้างคอนเซปศิลปะให้กับโรงเรียนเก่าแห่งนี้โดยมีตัวละคร 3 ตัวเป็นผู้เล่าเรื่องล่ะคะ เดินชมผลงาน ตามตัวละครทั้ง 3 คนได้อย่างเพลิดเพลินทีเดียว


เรากินกลางวันกันที่นี่ด้วยหล่ะ เห็นโต๊ะอื่นๆ กินกันอยู่ก็แอบดูว่าน่าเอ็นดูไม่ได้ เหมือนย้อนวัย เขาปรุงกันเดี๋ยวนั้น เมนูวันนี้เป็นข้าวผัด (คล้ายๆ ข้าวผัดอเมริกัน) ซุป แล้วก็สลัดจ้า รอแป๊บเดียวก็ได้กิน รู้สึกเหมือนกับได้กินข้าวกลางวันของพวกเด็กๆ ประถมจริงๆ ได้อารมณ์ดีนะ

จากนั้นเราไปต่อกันที่ Matsudai Nohbutai ที่นี่มีเวลาให้เด็กอาร์ตอย่างเราเดินชมผลงานศิลปะน้อยไปหน่อย ยังไม่ค่อยได้เอาจิตวิญญาณศิลปินมาสวมร่างเลย เห็นนู่นนิด นี่หน่อยเอง เสียดายอ่ะ








แต่ที่เก๋ไก๋และจำได้แม่น เห็นจะเป็นห้องน้ำสีสด ที่พอเข้าด้านในแล้ว จะมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เห็นวิวมุมกว้างสวยงามดี (ด้านข้างของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีแม่น้ำ และภูเขา วิวเลยเจ๋งอ่ะ) ทีเด็ดอยู่ที่ พอหันหลังกลับมาจะเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ก็ถึงกับอึ้ง สำหรับห้องน้ำหญิงมีบานประตูสีเดียวกันอยู่ 4 บาน เอิ่ม! แล้วอันไหน…ประตูห้องน้ำ? ประตูทางออก? ล่ะ ขำๆ ดีค่ะ



Matsudai Nohbutai แห่งนี้เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 – 17.00 น. ปิดทุกวันพุธ มีค่าเข้าชมสำหรับคุณผู้ใหญ่อยู่ที่ 600 เยน น้องๆ หนูๆ จ่ายครึ่งราคาค่ะ

อีกอาคารไม่ไกลกันเป็นการแสดงของเก่าๆ ของชาวบ้าน สไตล์ Local …ติดใจกับวิทยุโบราณหลากหลายยี่ห้อที่นำมาแสดงมาก สงสัยจะหลายตังค์ แล้วก็ด้านบนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับข้าว มีอุปกรณ์ที่เกี่ยวพันกับข้าวมากมาย ตั้งแต่ปลูก เก็บเกี่ยว ฟัด สี ไปยันกระสอบใส่ข้าวเลย อันนี้อดีตลูกชาวนาอย่างเรา สนใจใครรู้มากเป็นพิเศษ ฮะ ฮะ






เพลิดเพลินกับงานศิลปะ Matsudai History Museum มาเกือบทั้งวัน ได้เวลาออกเดินทางสู่จังหวัดสุดท้ายของทริปนี้กันแล้ว จังหวัดไซตามะนั่นเอง ก่อนอื่น..เราก็เดินไปรอรถไฟจากสถานี Matsudai กลับไปยังสถานี Echigo-Yuzawa กัน (860 เยน) เป็นรถไฟท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง Hokuetsu Express (Hokuhoku Line) เป็น Rapid Train ที่วิ่งไวดีแท้ แต่ลอดอุโมงค์บ่อย หูดับไปหลายยก แล้วก็ต้องจอดแอบอยู่ในอุโมงค์เพื่อให้รถไฟด่วนๆ เขาไปก่อนด้วย ไม่งั้นอาจจะปลิวตกรางตอนที่สวนกันก็ได้มั้ง เพราะเป็นขบวนเล็กๆ มีแค่ 2 ตู้เองจ้า แต่พอเลยจุดที่มีอุโมงค์มาแล้ว วิวทิวเขาและท้องทุ่งยามเย็น เลิศเลอ เพอเฟ็ค บอกเลย!! บนรถไฟก็ดูใหม่ สะอาดสะอ้านเชียวล่ะ อ้อ! รถไฟขบวนนี้วิ่งผ่านสถานี Tokamachi ด้วย เห็น Echigo-Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art KINARE จากมุมบนด้วยล่ะ (รถไฟลอยฟ้า)




ทาง Hokuhoku Line เขาก็มีป้ายบอกไว้ชัดเจนด้วยว่าแต่ละสถานีให้ขึ้นลงที่ประตูไหน สังเกตกันสักนิดนะจ้ะ และที่สำคัญประตูจะไม่ได้เปิดอัตโนมัติ กดปุ่มเปิด-ปิดกันเอาเองนะคะคุณๆ
ใครอยากมาเริ่มต้นการเป็นเด็กอาร์ตที่จังหวัดนีงาตะ Echigo-Tsumari Art Field ยินดีต้อนรับ แวะเวียนมาได้ที่เมือง Echigo-Tsumari สถานีรถไฟหลักๆ ที่จะมาชมงานอาร์ตที่นี่ก็คือ สถานี Tokamachi ที่ Echigo-Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art KINARE ตั้งอยู่ (Hakutaka Limited Express หรือ Hokuhoku Line) และสถานี Matsudai (Hoku Hoku Line) มาได้ไม่ยาก
เพิ่มเติมการเดินทาง : JR EAST PASS / JR Kanto Area Pass / Echigo-Tsumari Art Field



จากนั้นเราก็จับรถไฟชิงกันเซนมุ่งหน้าสู่สถานีไซตามะกันเลยจ้า (นั่งชิงกันเซนไปลงสถานี Omiya) อันที่จริงวันนี้เราวางแผนจะไปพิพิธภัณฑ์รถไฟกันหล่ะ ที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยวขึ้นชื่อของไซตามะจ้า แต่เวลามันไม่อำนวย เนื่องจากวันนี้เราเพลินกับศิลปะกันไปหน่อย คงจะไปถึงก็มืดค่ำเกินไป งั้นติดไว้ก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยไปเก็บตกกันดีกว่า
คืนนี้ไปพักเอาแรงกันที่ Urawa Royal Pines Hotel แถบเมืองอุราวะ ของจังหวัดไซตามะ ไม่ไกลจากสถานีรถไฟอุราวะเท่าไรนัก

สำหรับ Urawa Royal Pines Hotel นั้นอยู่ไม่ไกลจากสถานี Urawa ของจังหวัดไซตามะเท่าไรนัก ถ้ามาจากสถานีอุเอโนะ (โตเกียว) ก็แค่ประมาณ 30 นาที จะนั่งสาย JR Keihin Tohoku Line หรือถ้าจะให้เร็วหน่อย นั่งสาย JR Takasaki Line/Utsunomiya Line มาก็ได้ เดินไปโรงแรมราวๆ 7 นาที แค่นั้น แต่ถ้าใครไม่อยากลากกระเป๋าให้เมื่อย นั่งแท็กซี่จากสถานีมาได้ ราคาไม่โหดร้าย…
ถ้าใครนั่งชิงกันเซนมา ก็ต้องต่อรถไฟจากสถานี Omiya มาอีกประมาณ 5 – 7 นาทีแล้วแต่สายรถไฟ จึงจะถึงสถานี Urawa เพื่อนคนไหนมีงบ จะนั่งแท็กซี่ต่อมาจากสถานี Omiya เลยก็ไม่ผิดกติกา (แต่ถ้าใครมี JR EAST PASS ก็ต่อรถไฟไปเหอะ ประหยัดดี)
เพิ่มเติมการเดินทาง : JR EAST PASS / JR Kanto Area Pass / Urawa Royal Pines Hotel
ตอนค่ำไปกินข้าวหน้าปลาไหลเมนูดังของร้านนาคามูระยะ (ติด S-Kyuugurume ของจังหวัดไซตามะล่ะ) ปลาไหลจัดเต็มล้นชามกันมาเลย รสชาติใช้ได้ทีเดียวค่า แถมยังแอบชิมเหล้าญี่ปุ่นใส่ปลาไหลด้วยล่ะ ถ้ากินหมดแล้วรับรอง กลิ้งกลับโรงแรมชัวร์ ดังนั้นจึงขอยั้งๆ ไว้ก่อน ฮะ ฮะ ก็เรากะจะไปเดินเล่นแถวๆ สถานีนี่นา จากหน้าร้านนาคามูระยะ เดินตรงไปเรื่อยๆ ไม่ไกลนักก็ถึงหน้าสถานีแล้ว มีห้างสรรพสินค้าและร้านรวงต่างๆ ให้ช้อปปิ้งเพียบจ้า




อีกสองวันจะกลับบ้านแล้ว ขอแว๊บไปช้อปปิ้งล่ะจ้า


แล้วเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ… รอติดตามชมกันนะจ้ะ (^^)/
(จังหวัดกุนมะ – จังหวัดนีงาตะ – จังหวัดไซตามะ) สามารถติดตามได้ที่
WENDY TOUR (สัมผัสซากุระและเทศกาลหิมะในคราวเดียว!)
J-PLAN HOLIDAY
JTB Thailand
JAPANiCAN
JR EAST PASS (ภาษาอังกฤษ)
JR Kanto Area Pass (ภาษาไทย)
JR Kanto Area Pass (ภาษาอังกฤษ)
สนับสนุนการเดินทางโดย :
ขอบคุณข้อมูล :
-http://www.echigo-tsumari.jp/eng/
-http://www.echigo-tsumari.jp/eng/facility/kinare/
-http://www.echigo-tsumari.jp/eng/artwork/house_of_light
-http://www12.ocn.ne.jp/˜ehon2009/new/cafe.html
-http://www.echigo-tsumari.jp/eng/facility/nohbutai
-http://www.saitama-dentousangyou.com/40/index.html/
-http://tabelog.com/saitama/A1101/A110102/11000119/dtlphotolst/P11595023
-http://goo.gl/ma5DRp
-http://www.royalpines.co.jp/urawa/english