จะพาไปกินของอร่อยๆ ในราคาประหยัด ของภูมิภาคคันไซกันต่อ จากนั้นก็ไปย่อยอาหารในสถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์โลกน่ารัก แต่ก็ยังไม่วายมีเรื่องกินเข้ามาเอี่ยวด้วยอยู่ดีล่ะคร้าาาาา หุ หุ
สำหรับในตอนที่ 3 รายการผจญภัยไร้พรมแดนจะพาไปกินของอร่อยๆ ในราคาประหยัด ของภูมิภาคคันไซกันต่อ จากนั้นก็ไปย่อยอาหารในสถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์โลกน่ารัก แต่ก็ยังไม่วายมีเรื่องกินเข้ามาเอี่ยวด้วยอยู่ดีล่ะคร้าาาาา หุ หุ
ในครั้งที่แล้ว ทางรายการผจญภัยไร้พรมแดนได้พาไปดูสถาบันวิจัยเพื่อการเพาะพันธุ์ปลาของมหาวิทยาลัยคิงคิ (Fisheries Laboratory of Kinki University) ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดวาคายะมะ (Wakayama Prefecture) ไปศูนย์ฯ หนึ่งแล้ว ที่นั่นกำลังส่งเสริมการเพาะพันธุ์ปลาคุเอะ หรือปลาเก๋าญี่ปุ่นเพื่อการจำหน่าย
แต่ที่สถาบันวิจัยเพื่อการเพาะพันธุ์ปลาของมหาวิทยาลัยคิงคินั้น มีศูนย์วิจัยปลาทะเลอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะที่จังหวัดวาคายะมะแห่งนี้
และในบรรดาศูนย์วิจัยเหล่านี้ หนึ่งในนั้นมีการเพาะพันธุ์ปลาราคาแพงอีกชนิดหนึ่งเพื่อการจำหน่าย ซึ่งจะไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ เพราะมันเป็นสุดยอดแห่งปลาทะเลที่นำมาขึ้นโต๊ะ ทำเมนูยอดนิยมของญี่ปุ่นคือ “ซูชิ” และ “ซาซิมิ” ได้เลอค่ามากที่สุดเลยนั่นเอง จะเป็นอะไรไปได้เล่า! ปลามากุโระ … น่ะเซ่!! (ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน)
อันที่จริงแล้วปลามากุโระนั้น มีหลายชนิด แต่ถ้าเป็นมากุโระระดับพรีเมี่ยม ที่มีแต่คนไฝ่ฝันอยากจะรับประทานกัน ก็จะเป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงิน (Blue Fin Tuna) และหากเป็นบลูฟินที่ตัวใหญ่ยักษ์ หนักราว 200 – 300 กิโลกรัมขึ้นไป รสชาติดี มีเนื้อท้องซึ่งมีไขมันแทรกอยู่เยอะ (เนื้อส่วนโอโทโร่) คุณภาพยอดเยี่ยม คออาหารญี่ปุ่นจะรู้จักกันดีในชื่อว่าฮอนมากุโระ (Hon Makuro) ….แต่ปลาทูน่าที่จับกันได้มาก ราคาไม่แพงจนเอื้อมไม่ถึง และเราบริโภคกันเยอะสุดนั้นกลับเป็น Yellow Fin Tuna หรือทูน่าครีบเหลือง
เนื่องจากปัจจุบันความต้องการบริโภคเนื้อปลามากุโระมีเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งสวนทางกับปริมาณปลาในธรรมชาติ สถาบันวิจัยเพื่อการเพาะพันธุ์ปลาของมหาวิทยาลัยคิงคิแห่งนี้ จึงมีแนวคิดที่จะเพาะพันธุ์ปลามากุโระครีบน้ำเงิน เพื่อการจำหน่ายขึ้น เป็นการแสดงให้เห็นว่ามากุโระเลี้ยงได้ เป็นปลาเศรษฐกิจได้ และจะมีให้เรากินอย่างยั่งยืนตลอดไปได้ด้วยนั่นเอง
ที่สำคัญปลาต่างๆ ที่สถาบันวิจัยแห่งนี้ใช้ความอุตสาหะและระยะเวลาหลายสิบปี หาวิธีเพาะเลี้ยงขึ้นมานั้น สามารถจำหน่ายได้จริง ชาวประมงสามารถมาเรียนรู้กันได้ แถมการประคบประงมก็ยังทำให้ปลาพวกนี้โตเร็ว มีรสชาติดีเยี่ยม ที่สำคัญราคาถูกกว่าปลาธรรมชาติมากเลย รวมทั้งปลามากุโระด้วยนะ
ทางสถาบันฯ เคยส่งออกมากุโระที่เลี้ยงในศูนย์วิจัยไปยังร้านอาหารในต่างประเทศด้วย แต่ตอนนี้…ของดชั่วคราว เนื่องจากทางมหาวิทยาลัย มีร้านเป็นของตนเอง แล้วมันก็…ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าซะด้วย (เราว่าเหตุผลหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมันราคาถูกกว่าที่อื่นๆ แต่ปัจจัยสำคัญอาจจะเป็นเพราะมันเป็นปลาที่ทางมหาวิทยาลัยคิงคิเป็นผู้เพาะพันธุ์ ผ่านการ QC คุณภาพจึงน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่งด้วยกระมัง)
ดังนั้นนอกจากเราจะไปศึกษาแนวคิดการวิจัยพันธุ์ปลามากุโระที่สถาบันฯ และลุยไปถึงกระชังปลากลางทะเลแล้ว … เราจึงได้ไปดูบรรยากาศที่ร้านอาหารของมหาวิทยาลัยคิงคิที่สถานี JR Osaka (สถานี Hankyu Umeda) ด้วย (Grand Front Osaka North) และเมื่อไปถึงก็เป็นเวลามื้อกลางวันพอดี … แน่นอนจ้า โต๊ะเต็ม และคิวยาวเหยียดดดดด
ด้านหน้าร้านมีมอนิเตอร์ให้เรากดดูเรื่องราวเกี่ยวกับปลาที่สถาบันฯ เลี้ยง ถ้าอ่านภาษาญี่ปุ่นออกก็จะดี …ที่แน่ๆ เป็นจุดที่น่าไปกดเล่น ดูรูปเพลินๆ กัน แต่ถ้าอยากจะลองลิ้มชิมปลาสดๆ จากสถาบันฯ แห่งนี้ อย่ามัวแต่กด ไปต่อคิวไว้ดีกว่านะจ้ะ เพราะมันอาจจะนาน 20 นาที ถึงหลายชั่วโมงเลยก็เป็นได้ (และที่น่าเศร้า…ปลามากุโระวันนั้นอาจจะหมดได้ หุ หุ)
เซ็ตนี้เป็นเซ็ตที่ทาง “รายการผจญภัยไร้พรมแดน” ได้ลิ้มลอง เพื่อเอาความอร่อยมายั่วเพื่อนๆ ทางจอทีวีช่อง 5 ในเวลาสองทุ่มยี่สิบ (เวลาดี..กำลังหิวทีเดียว) เป็นซาซิมิรวม แน่นอนว่ามีมากุโระมาด้วย มีทั้งส่วนโทโร่ (Toro) ที่มีมัน แล้วก็มีส่วนเนื้อแดง (Akami) ของมากุโระมาด้วย พระเจ้า! ละลายยยยยยยย มันไม่สามารถบรรยายได้ คำว่า “เหนือคำบรรยาย” เป็นอย่างนี้นี่เอง
สำหรับเจ้าโอโทโร่นะ … มันเป็นความหวาน มัน เข้มข้น ที่เมื่อแตะลิ้น มันก็ละลาย ไหลลงลำคอไปเอง โดยไม่ต้องมีกสนบังคับบัญชาการใดๆ แค่ลิ้นสัมผัสก็เริ่มฟินแล้ว… แต่พอได้รับรู้รสนะ เคลิ้มฝันกันเลยทีเดียว เอาเป็นว่า…มาลองกันเหอะ!! มันคุ้มค่ากับการรอคิวจริงๆ นะ ทั้งรสชาติและราคา คิดดูสิ จานพิเศษสุดรสชาติเยี่ยมจานนี้ มีทั้งมากุโระ ราคาแค่ 2,700 เยน!!!
ในตอนนี้ทางรายการผจญภัยไร้พรมแดน ก็จะนำเสนอเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kinosaki Marine World แห่งเมืองคิโนซากิ จังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo Prefecture) ที่ซึ่งมีสัตว์น้ำน่ารักๆ มากมายให้เราได้ชมกันด้วยล่ะค่ะ ระหว่างการถ่ายทำนั้น มีฝนตกโปรยปรายลงมาตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำให้การเดินเล่น เที่ยวชม เก็บภาพมาฝากเพื่อนๆ และคุณผู้ชมของทางรายการกร่อยไปแต่อย่างใด
เราได้ไปเก็บภาพการโชว์ของสิงโตทะเลตัวบิ๊กเบิ่ม น่าเกรงขาม แต่ก็ดูน่ารักน่าเข้าใกล้ (ตราบใดที่ยังมีกระจกกั้นอยู่นะ อิ อิ) มันว่ายน้ำสวนกันไปมา ระหว่างทางก็มีการแวะทักทายกันด้วย น่ารักชะมัด ขนาดมันมีเขี้ยว (เรียก “งา” น่าจะเข้าท่ากว่า) แต่กลับไม่ดูน่ากลัวเอาซะเลย น่ารักและดูมีเสน่ห์ซะมากกว่า
จากนั้นเราก็ไปเก็บภาพกันต่อในโซนของแมวน้ำ แล้วก็เพนกวิน ขอบอกเลย…ทุกตัวขี้อวดมว้ากกกก ขยันโชว์ออฟกันสุดๆ เห็นนักท่องเที่ยวเป็นไม่ได้ ไม่ยืนแอ็คติ้ง ก็ว่ายน้ำโชว์บ้าง กระโดดน้ำโชว์บ้าง น่าฟัดมั่กๆ
แล้วคุณเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ด้านหลัง (อ้อมโขดหิน ลอดถ้ำ ด้านข้างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำออกไป) ซึ่งอยู่ติดกับชายทะเลเลยนั้น เป็นส่วนของร้านอาหาร ที่เรียกว่า “SeaLand” และด้านหน้าร้านอาหารก็จะมีโซนกิจกรรมอยู่ เป็นโซนกิจกรรม “ตกปลา” นั่นเองจ้า บอกเลยว่านี่เป็นกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหนึ่งที่คนญี่ปุ่นเขานำเสนอให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ได้สัมผัสด้วยประสบการณ์จริงของตนเอง ถ้ามาที่นี่ก็ต้องลองตกปลากินเองกันดูล่ะค่ะ
เมื่อตกได้พอสมควรแล้ว เราก็เอาไปให้เขาทอดกรอบได้เลย … ตกเอง กินเอง กันมื้อนั้น อร่อยแล้วก็ได้ประสบการณ์จริงๆ (ไม่ใช่แค่เด็กๆ หรอก …ผู้ใหญ่ก็ได้เรียนรู้เหมือนกันนะ) ปลาสดๆ ที่นำมาทำอาหารใหม่ๆ แล้วกินเลยเนี่ย อร่อยมากค่ะ แล้วทางร้านก็มีสารพัดเกลือให้โรยกินกับปลาทอดด้วย มีเกลือรสชาเขียว เกลือรสผงกระหรี่ เกลือรสบ้วย กินกับเกลือรสไหน ก็ดีทุกอันเลยล่ะ ได้หลากรสชาติดี
และถ้าใคร ทำใจไม่ลงจริงๆ กับการตกปลามาเป็นอาหาร … แนะนำว่าเดินเข้าไปนั่งในร้าน แล้วสั่งอาหารอร่อยๆ จากเมนูของทางร้านที่มีอยู่หลากหลายมาลิ้มลองกันดูเลยก็ได้ แหม่… กินอาหารทะเล + นั่งชมวิวทะเลเนี่ย เพลินดีนะ (^^)
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ Kinosaki Marine World ก็เข้าไปดูได้ที่ …
เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. (ช่วงหน้าร้อน เปิดถึง 18.00 น.)
ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 2,470 เยน เด็กก็ 1,230 เยนเท่านั้นจ้า
เป็นอย่างไรบ้างค่ะ ได้ทั้งเที่ยว เรียนรู้วัฒนธรรม แถมยังปิดท้ายด้วยของกินหายาก แสนอร่อย ในตอนต่อไป คุณติ๊กจะพาไปกินของอร่อย หรือทำอะไรสนุกๆ กันต่อในภูมิภาคคันไซของประเทศญี่ปุ่น … ก็อย่าพลาด ติดตามชมกันนะจ้ะ 😉
ติดตามรายการผจญภัยไร้พรมแดนได้ทาง ททบ. 5
ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.20 น.
หรือติดตามความเคลื่อนไหวของทางรายการได้ทาง…
เฟซบุ๊ค แฟนเพจ:-ผจญภัยไร้พรมแดน
เว็บไซต์:-www.panorama-discovery.com
ยูทูป:-http://www.youtube.com/channel/UCaRoqlkjKQpiv9g1SxT0n4Q