เริ่มสตาร์ทของกินที่แรกด้วย ทาโกะยากิ ในถนนโตดงบุริค่ะ เป็นความผิดพลาดของผู้เขียนที่ไม่สามารถจำชื่อร้านได้ค่ะ T T อาจจะลำบากหน่อยในการเลือกร้านทาโกะยากิในโตดงบุริ เพราะมีหลายร้านมาก
โอซาก้า เมืองที่ได้ชื่อว่าของกินอุดมสมบูรณ์ ถึงขนาดที่มีคำจำกัดความเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า 食い倒れ (คุอิดะโอะเระ) ซึ่งหมายความว่า “กินจนล้ม (ลุกไม่ขึ้น)” เรียกได้ว่าคำๆ นี้ปลุกสัญชาตญาณนักล่าขึ้นมาเลยทีเดียว ประกอบกับกระเพาะของตัวเองที่มีความจุมาก เลยตัดสินใจตอบรับคำท้า….


ออกจากหอพักตั้งแต่เช้า ไปถึงชินไซบาชิตั้งแต่ร้านรวงยังไม่เปิด เรียกได้ว่าวันนี้มาลุยกินอย่างเดียวจริงๆ ชินไซบาชิเป็นถนนที่ทอดยาว (ยาวมาก) สองข้างทางเป็นร้านค้าต่างๆ ทั้ง ของกิน เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า มากมายจริงๆ ค่ะ ราคามีตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพง เลือกสรรกันได้ตามใจชอบ ในชินไซบาชิจะมี ถนนโดตงบุริ ซึ่งรวมของกินไว้เยอะแยะมากมายทีเดียวเชียวค่ะ เยอะจนเลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินร้านไหน หากใครอยากเที่ยวแบบได้ครบทั้งช้อป และกิน แนะนำว่า ชินไซบาชิ เป็นอีกหนึ่งที่ที่ไม่ควรพลาด

เริ่มสตาร์ทของกินที่แรกด้วย ทาโกะยากิ ในถนนโตดงบุริค่ะ เป็นความผิดพลาดของผู้เขียนที่ไม่สามารถจำชื่อร้านได้ค่ะ T T อาจจะลำบากหน่อยในการเลือกร้านทาโกะยากิในโตดงบุริ เพราะมีหลายร้านมาก แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปค่ะ แค่เชื่อมั่นในเชฟก็พอ (ส่วนตัวคิดว่า ทาโกะยากิในโอซาก้าอร่อยแทบทุกร้านเลยนะ)

เดินรับลมชมร้านค้าต่างๆ ไปเรื่อย จนมาเจอะกับสิ่งนี้ “โอโมชิโร่ย โคอิบิโตะ” แทบจะหลุดหัวเราะก๊ากออกมากลางร้าน หากใครติดใจกับรสชาติของ “ชิโร่ย โคอิบิโตะ” ของฝากอันดับหนึ่งจากฮอกไกโด อย่าลืมมาลิ้มลอง “โอโมชิโร่ย โคอิบิโตะ” ของโอซาก้านะคะ ผู้เขียนไม่ได้ซื้อมาลอง แต่โดนใจกับชื่อมาก


จากนั้นก็มาหยุดตรง ร้านที่มีปูยักษ์หน้าร้านนี่แหละค่ะ ข้างในร้านบริการแบบนั่งทาน ส่วนข้างนอกก็ขายแบบเอากลับบ้าน ซุ้มปูย่างเล็กๆ หน้าร้านส่งกลิ่นหอมจนยั้งใจไม่ได้ เลยเข้าไปจัดมาหนึ่งแพ็ค ก้ามปูสองก้ามเอง สนนราคา 800 เยน (ปาดเหงื่อ) แต่ขอบอกว่ารสชาติ อร่อยหนัก จริงๆ ค่ะ ปูเนื้อแน่น และหวานมาก


กินปูกันเสร็จแล้ว ร้านคุชิคัทสึ (ของทอดเสียบไม้) ก็เปิดพอดี เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงที่เปิดร้านโต๊ะก็เกือบเต็มแล้วล่ะค่ะ ร้านนี้ชื่อ “ดารุมะ” ในชินไซบาชิ ร้านนี้ตั้งอยู่ประมาณสองจุดค่ะ พอเข้าไปก็เงอะๆ งะๆ กับระบบสั่งอาหารของที่นี่ เพราะแต่ละโต๊ะจะมีหน้าจอทัชสกรีน ให้ลูกค้ากดสั่งอาหาร ตอนเสิร์ฟก็น่ารักดีค่ะ อาหารจะมาในถาดเล็ก ไหลมาตามสายพานแล้วมาหยุดตรงโต๊ะเราพอดี หยิบมากินคำแรก โอ้โห.. อร่อย ทั้งๆ ที่หน้าตาดูธรรมดาๆ แต่ความกรอบมาวินจริงๆ ค่ะ น้ำจิ้มรสชาติเข้มข้นทานคู่กับกะหล่ำปลีแล้วลงตัวสุดๆ มีข้อควรระวังนิดนึง สำหรับน้ำจิ้ม แต่ละโต๊ะจะมีน้ำจิ้มถ้วยใหญ่หนึ่งถ้วย สำหรับไม้ที่ยังไม่ได้กินเอาจุ่มลงไปได้ ถ้ากัดไปแล้วจะจุ่มในถ้วยไม่ได้นะคะ ให้เอาใบกะหล่ำปลีตักน้ำจิ้มมาราดแทนค่ะ

ผ่านไปแล้วสามอย่างบอกเลยว่า ยังไม่อิ่ม เรามาต่อกันด้วย ไอศกรีมชิระทามะมัตฉะ ในคาเฟ่ย่านนั้นค่ะ ในถ้วยประกอบไปด้วยไอศกรีมมัตฉะรสชาติหวานพอดีๆ ตัดกับรสขมของชา ถั่วแดงกวน ซอท์ฟครีมนม และ ชิระทามะ (รสชาติเหมือนดังโงะ)

รับความหวานไปอย่างเต็มที่กับไอศกรีมเมื่อสักครู่ ผู้เขียนจึงรู้สึกอย่างกินอะไรเค็มๆ มาตัดเลี่ยนอีกซักหน่อย เลยเดียวเลี้ยวเข้าร้านซูชิสายพาน ทานแบบพอหอมปากหอมคอ

ด้วยระยะทางที่ยาวมากของชินไซบาชิ พลังงานที่ได้รับมาเมื่อสักครู่เลยค่อยๆ ถูกเผาผลาญไปเรื่อยๆ ร้านชูครีมส่งกลิ่นหอมยั่วยวนอีกแล้วค่ะ เลยจัดมาหนึ่งชิ้น แต่ไม่ใช่ชูครีมค่ะ เป็นเหมือน ขนมปังไส้คัสตาร์ดครีมแต่จุดเด่นมันอยู่ที่ กัดลงไปแล้วเจอครีมเลย แป้งบางเฉียบ เนื้อครีมหอม ละมุนมากค่ะ

ก่อนกลับเห็นคุณลุงขายมันเผา จะไม่แปลกใจเลยถ้ามันเป็นแค่มันเทศทั่วไป แต่นี่มันคือมันอะไรไม่ทราบค่ะ ถามเพื่อนญี่ปุ่น คุณเธอก็บอกไม่รู้จัก ลูกใหญ่มาก รสชาติเหมือนเกาลัด หวานอร่อยดีค่ะ
ทริปตะลอนกินหนึ่งวันของ miharu ทำสถิติไปได้ 7 อย่างค่ะ หลายๆ ร้านที่แนะนำไม่สามารถจำชื่อได้ เพราะเป็นการตะลอนแบบไม่มีการวางแผนใดๆ ล่วงหน้าเลย อยากเข้าร้านไหนก็เดินเข้า ทัวร์แบบไม่มีแผนก็จบลงด้วยความอิ่ม และ สนุกกับการได้มองคนญี่ปุ่นโต๊ะข้างๆ ซึมซับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น เพื่อนๆ คนไหนอยากลองเที่ยวแบบไม่มีแผน อย่ามัวแต่คิดนะคะ ลองทำดู แล้วจะรู้ว่า สนุกและได้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ