ภูมิภาคชูบุ เสน่ห์ภาคกลางของญี่ปุ่น มีอะไรให้ค้นพบไม่รู้จบ ใครจะเชื่อว่าปลายฤดูใบไม้ร่วง เข้าฤดูใบไม้ผลิ จะมีทั้งใบไม้เปลี่ยนสี Illumination และซากุระ!! ไปติดตามความน่าสนใจของการท่องเที่ยวภูมิภาคกันเลยค่ะ
กลับมาอีกครั้งแล้วค่ะ รีวิวทริปลั้ลลาในครานี้ … เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวในช่วงที่อากาศเย็นๆ (+++หนาว) กันที่ทางใต้ของภูมิภาคชูบุ (Chubu) หรือภาคกลางของญี่ปุ่น ซึ่งคนญี่ปุ่นเขาเรียกกันอีกชื่อว่าเส้นทางโชริวโด (Shoryudo) ที่แปลว่าเส้นทางสายมังกรด้วย เพราะหากนำแผนที่ในภูมิภาคนี่มาต่อเชื่อมร่วมกันทุกจังหวัดจะมีรูปร่างคล้ายมังกรนั่นเอง
และทริปนี้มีความหลากหลายที่น่าประหลาดใจ รอเราอยู่ … จะช้าอยู่ไย ไปกันเลย!!!

วันแรกเรามุ่งหน้าจากสนามบินสุวรรณภูมิของเรา สู่ประตูแห่งภูมิภาคชูบุ นั่นก็คือท่าอากาศยานนานาชาติเซ็นแทร (Central Japan International Airport) บอกเลยว่ามากี่ครั้งก็ประทับใจสำหรับสนามบินนี้ มีความสะอาดตา สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใกล้ห้างอีออน (เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน แต่ใหญ่โตมาก โดยเฉพาะโซนอาหาร)




และคราวนี้เรามากันในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเขาก็เตรียมการประดับตกแต่งไฟ (Illumination) เอาไว้ที่บริเวณจุดชมวิวของสนามบินด้วย เอาเป็นว่าขากลับ น่าจะมีเวลา และคงจะได้เห็น


Central Japan International Airport
(Chubu Centrair International Airport)
ที่ตั้ง : Aichi Prefecture (Nagoya)
เว็บไซต์ : http://www.centrair.jp/en/
ไปเที่ยวกันก่อนดีกว่า …
นี่ๆ รู้ไหมๆ สนามบินเซ็นแทรเนี่ยนะ มีท่าจอดเรือเฟอรี่ด้วยนะ … ครั้งนี้เราจะย่นระยะเวลา ไม่นั่งรถอ้อมอ่าว อ้อมทะเลกันล่ะ เราจะไปเที่ยวทางใต้ของจังหวัดมิเอะ งั้นก็ขอนั่งเฟอรี่ลัดไปอีกฟากของอ่าวเลยล่ะกัน เรียกว่ากระโดดข้ามจากจังหวัดนาโงย่า ไปยังจังหวัดมิเอะ ที่หลายคนคิดว่าเดินทางย๊ากกก ยาก … กันในเวลาแค่ 45 นาที วิ้วววว (คนละ 2,470 เยน จัดไป คุ้มค่า คุ้มเวลา)
จากท่าเรือสนามบินเซ็นแทร เราขึ้นจากเรือกันที่ท่าทสึ นากิสะมาจิ (Tsu Nagisamachi Ferry Terminal)
Tsu Airport Line High-Speed Boat
ราคา : เริ่มต้นที่ 1,500 เยน/เที่ยว (High-Speed Boat 2,470 เยน)
เว็บไซต์ : http://www.tsu-airportline.co.jp
http://www.tsu-airportline.co.jp/wordpress/wp-content/uploads/2017/10/img-X10174433.pdf
จากนั้นเดินทางต่อไปยังศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu) ศาลเจ้าอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ที่สถิตแห่งเทพีอามะเทระสึ (Amaterasu Omikami) หรือเทพีแห่งดวงอาทิตย์ ใครเป็นลูกพระอาทิตย์ก็ต้องรู้จักศาลเจ้าแห่งนี้กันทั้งนั้นแหล่ะ ถือว่าเป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์มาก กว้างใหญ่มาก มีศาสนพิธีเยอะมาก และเราก็ชอบความมีเสน่ห์ของศาลเจ้าแห่งนี้มากเป็นการส่วนตัว มากี่ครั้งก็ประทับใจ แม้ครั้งนี้คนจะเยอะไปหน่อย แต่ก็ยังฟินกับใบไม้สวยๆ ที่เปลี่ยนสีไวกว่าที่อื่นๆ อยู่ไม่น้อย
ที่ศาลเจ้าอิเสะนี้ แบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คือศาลเจ้าส่วนในกับศาลเจ้าส่วนนอก (ตั้งอยู่ห่างกัน เรียกได้ว่าคนละมุมเมืองทีเดียว) นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมากันที่ศาลเจ้าส่วนใน (Naiku) อาจจะเป็นเพราะสวนญี่ปุ่นที่กว้างใหญ่ และแหล่งช้อปปิ้งที่อยู่ด้านหน้าทางเข้านี่แหล่ะ แม้ตัววิหารของศาลเจ้าก็ไม่ได้ใหญ่มาก และมองเห็นแต่หลังคาจากด้านนอกเท่านั้น (ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้านใน) ซึ่งครั้งนี้เราก็มากันที่ศาลเจ้าส่วนในเช่นกัน
ในส่วนของใบไม้เปลี่ยนสีที่ศาลเจ้าอิเสะนั้น … ก็มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
ผู้คนจะเดินไหลกันเข้าไปในส่วนที่ตั้งของตัววิหาร (ตัววิหารไม่ใหญ๋ แต่พื้นที่โดยรอบ กว้างใหญ่ไพศาลมาก) …


ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลกันเป็นที่เรียบร้อย เราก็ย้อนกลับมาที่ประตูใหญ่หน้าทางเข้าศาลเจ้าส่วนใน เพราะที่ตั้งอยู่เยื้องๆ กันเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ที่รวมเอาร้านอาหาร ร้านขายของฝาก ไว้เพียบ!! ชื่อว่า Okage Yokocho เราฝากท้องสำหรับมื้อกลางวันไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า No Asobi Tana เป็นร้านอาหารที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว แยกออกมาจากตรอก Okage Yokocho นิดหน่อย เป็นร้านที่ใหญ่โต ดูเก่าแก่ดีนะ รสชาติอาหารก็ดีเลยล่ะ






ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu)
ที่ตั้ง :
Ise Jingu Naiku – 1 Ujitachi-cho, Ise city, Mie Prefecture
Ise Jingu Geku – 279 Toyokawa-cho, Ise city, Mie Prefecture
วัน/เวลา :
05.00 – 18.00 น. (ม.ค.-มี.ค. และ ก.ย.)
05.00 – 19.00 น. (พ.ค.-ส.ค.)
05.00 – 17.00 น. (ต.ค.-ธ.ค.)
ราคา : ฟรี
การเดินทาง : ศาลเจ้าส่วนนอก (Geku) อยู่ใกล้สถานี Ise-shi เดินประมาณ 5 นาที และศาลเจ้าส่วนใน (Naiku) เดิน/รถเมล์ 15 นาที และสามารถเช่าจักรยานเที่ยวในเมืองอิเสะได้
เว็บไซต์ : https://www.isejingu.or.jp/en/
และเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการเดินทาง แถมฝนก็ตกปรอยๆ เราก็เลยต้องเข้าที่พักกันเร็วหน่อย ไม่งั้นจะไม่เหลือสภาพสำหรับการเดินทางในวันต่อๆ ไป … เราพักกันที่ Quintessa Hotel Ise Shima โดยบริเวณติ่งด้านล่างของจังหวัดมิเอะ (Mie Prefecture) นี้ มีชื่อเรียกรวมๆ ว่า Ise Shima ล่ะ
เข้าที่พักแล้ว เราก็สลบไสล ได้แต่ฝากท้องไว้ที่ห้องอาหารของโรงแรม ก็โอเค จัดมาเป็นเซ็ต จบในตอนกันไป อร่อยไม่ยืดเยื้อ และนี่คือ… บางส่วนของเซ็ตนี้
Quintessa Hotel Ise Shima
ที่ตั้ง : 1210-1, Ugata, Ago-cho, Shima-shi, Mie, 517-0501
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://goo.gl/LMCMih
วันที่สองของการเดินทาง เราก็ไปยังจุดชมวิวของ Ise Shima เนื่องจากทริปนี้เรามีรถ เราก็เลยชิลๆ ไปกันสองที่เลยคือที่ Yokoyama Observatory กับที่ Ise Shima Skyline
ที่แรกคือ Yokoyama Observatory ไปถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว ก็มีกึ่งๆ พิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวของแถบนี้ ภาพสวยๆ เยอะเชียว จากนั้นก็ออกกำลังขาเดินขึ้นเขาไปชมวิวกัน



Ise-Shima National Park Yokoyama Visitor Center
(Yokoyama View Point)
ที่ตั้ง : 875-24 Ugata, Ago-cho, Shima City, Mie Prefecture, 517-0501
วัน/เวลา : 09.00 – 16.30 น. (ปิดวันอังคาร แต่ถ้าวันอังคารเป็นหยุดนักขัตฤกษ์จะปิดวันพุธแทน, ปิด 29 ธ.ค. – 3 ม.ค.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : ใกล้สถานี Shima Yokoyama (Kintetsu Local Line) เดินไปศูนย์ฯ นักท่องเที่ยวประมาณ 30 นาที จุดชมวิวเดินจาก Yokoyama Visitor Center ไปอีกประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์ : http://chubu.env.go.jp/nature/yokoyama/english_home/
จุดที่สองคือ Ise Shima Skyline เป็นเส้นทางเฉพาะสำหรับขึ้นไปยังจุดชมวิว จะเห็นเกาะแก่งต่างๆ ในบริเวณ Ise Shima อีกมุมหนึ่งที่ต่างออกไปจากที่ Yokoyama Observatory จุดนี้จะโล่งๆ กว่า แต่เราชอบตรงที่มีที่ให้นั่งแช่ออนเซ็นเท้าด้วย (Foot Spa หรือ Ashi no Yu) แช่ไปก็ชมวิวไป ลมเย็นๆ ก็พัดบาดหน้าไป ก็ฟินอยู่ …




Ise Shima Skyline
ที่ตั้ง : 三重県伊勢市宇治館町岩井田山 677-1
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่จากสถานี Toba (JR หรือ Kintetsu) หรือสถานี Isuzugawa (Kintetsu)
เว็บไซต์ : https://www.iseshima-kanko.jp/en/see-and-do/1310
มื้อกลางวันเราไปกินอุด้งกัน ละแวกนี้เขามีอุด้งที่มีเอกลักษณ์แบบท้องถิ่น ซึ่งปกติเราไม่ค่อยชอบกินเส้นๆ เท่าไร แต่ถ้ามาละแวกนี้กินได้ ก็แปลกอยู่ … มันอร่อยดีนะ ซุปก็ดีอ่ะ วันนี้เราจัดกันที่ร้าน Nagato Kan ใกล้ๆ กับ Mikimoto Pearl Island




ถึงจะมาช่วงบ่ายแล้ว แต่วันนี้เราก็ไม่พลาดการชมโชว์ของสาวๆ Ama Diver (อามะ เป็นสาวดำน้ำด้วยวิธีการโบราณของญี่ปุ่น โดยไม่ใช้ถังออกซิเจน) สำหรับที่นี่สาวๆ อามะ จะงมหอยมุกโชว์ เพราะที่ Mikimoto นั้น เขาเป็นบริษัทที่บุกเบิกเรื่องการทำฟาร์มหอยมุก จนโด่งดังไปทั่วโลก ถึงขนาดสร้างเกาะส่วนตัว Mikimoto Pearl Island ไว้เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ โชว์รูม ร้านจำหน่าย และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ในย่านนี้ไปอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว



Mikimoto Pearl Island
ที่ตั้ง : 1-7-1 Toba city, Mie prefecture, 517-8511, Japan
วัน/เวลา :
08.30 – 17.00 น. (ม.ค. – พ.ย.)
09.00 – 16.30 น. (ธ.ค.)
ปิดวันอังคารที่สอง / พุธและพฤหัสในเดือนธันวาคม
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็ก 750 เยน
การเดินทาง : เดิน 5 นาทีจากสถานี Toba (JR หรือ Kintetsu)
เว็บไซต์ : http://www.mikimoto-pearl-museum.co.jp/eng/
ดูโชว์จบ เดินเล่นเบาๆ เราก็ออกเดินทางสู่ Hachiman Kamado เป็นซุ้มสาวดำน้ำ หรือ ama นั่นเอง มาที่นี่เราจะได้ใกล้ชิดกับพวกเธอมากขึ้น ได้กินอาหารทะเลกันไป คุยไต่ถามเรื่องราวเกี่ยวกับอามะกันไป





ตบท้ายด้วยการแต่งตัวเป็นสาวอามะ (หนุ่มก็แต่งกันได้ ขำๆ สนุกมากนะ บอกเลยว่ามาที่นี่ เหมือนได้ใกล้ชิดกับคนญี่ปุ่นมากขึ้น ที่สำคัญพวกเธอไม่ธรรมดา มีอาชีพเป็นสาวอามะซะด้วย
Ama Hut Hachiman Kamado
ที่ตั้ง : 〒517-0032 三重県鳥羽市相差町1094
ราคา : เฉลี่ย 3,500 เยน (แล้วแต่คอร์ส)
การเดินทาง : นั่ง Free AMA Bus จากสถานี Toba ใช้เวลา 30 นาที (จากสถานี Toba 11.30, 13.00, 14.30 น. / จาก Ama Hut Hachiman 12.10, 13.40, 15.10, 16.40 น.)
เว็บไซต์ : http://amakoya.com/index.htm
และจุดสุดท้ายของวันนี้ก็คือสถานที่จัดตกแต่งไฟที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้เลยก็ว่าได้ Nabana no Sato White Illumination ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงใบไม้ร่วงถึงฤดูใบไม้ผลิของปีถัดไป นี่เป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสได้มา อยากมามากกกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว ในที่สุดก็ได้มา
แล้วก็ตกตะลึงพรึงเพริศค่ะ เสียดายเรามาค่ำไปหน่อย มีเวลาน้อยไปนิด แต่ไม่เป็นไร เขาจัดยาวหลายเดือน ถ้ามีโอกาสจะมาใหม่แน่ๆ โรแมนติก สวยงาม วิวจากมุมบนก็ดี (มีเครื่องเล่นให้ขึ้น เสียตังค์จ่ายไปนิดหน่อย ก็จะได้เห็นวิวของงานทั้งหมด) ลงมาเจอสวนพฤกษศาสตร์ เป็นเรือนไม้ปรับอุณหภูมิอีก ใหญ่โต จนไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิต เดินทั้งวันก็ยังไม่ทั่วเลย พอเวลาเราน้อย (ปิดประมาณสองทุ่มถึงสามทุ่มได้ แต่ละวันไม่เหมือนกัน) ชิลก็ไม่ได้ เดินก็ไม่ทัน วิ่งสิคะ เป็นการวิ่งเที่ยวที่สนุกมาก มุมนั้นก็ว้าว มุมโน้นก็ว้าว ใครไม่เคยมานะ เสียดายแย่ ต้องมา! พูดเลย!
(เหตุที่มาดูการประดับไฟช้า เพราะวันนี้รถติดมว้ากกก นั่งรถจากทางใต้มาชิลๆ พอใกล้ถึงนาโงย่าเท่านั้นแหล่ะ โอ้โห.. นึกว่ากรุงเทพฯ ตอนคนกลับจากเที่ยวสงกรานต์ น้ำตาแทบร่วง ติดเป็นชั่วโมงๆ เลยจร้า)
Nabana no Sato White Illumination
ที่ตั้ง : 333 Urayasu, Nagashima-cho, Kuwana City, Mie Prefecture, 511-1192
ระยะเวลา : 14 ต.ค. 2017 – 6 พ.ค. 2018 เปิดให้เข้าชมประมาณ 17.00 น. หรือพระอาทิตย์ตกดินเป็นต้นไป (เวลาปิดแต่ละวันต่างกัน ประมาณ 08.30 – 09.30 น.)
ราคา : 2,300 เยน
การเดินทาง : นั่งรถบัสมาจากสถานี Meitetsu Nagoya ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เว็บไซต์ :
ค่ำนี้เราเข้ามานอนในเมืองนาโงย่า (Aichi Prefecture) พักกันที่โรงแรม Meitetsu Grand Hotel ใช้เวลาเดินทางจากสถานที่จัดงาน Nabana no Sato White Illumination ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น (รถเลิกติดล่ะ ค่อยยังชั่ว) โรงแรมอยู่ไม่ไกลสถานี Nagoya (Meitesu) นัก ถ้าใครใช้บริการรถรับส่งจากสถานที่จัดงาน เขาก็จะมาจอดที่สถานีนี้แหล่ะ เดินนิดหน่อยก็ถึงโรงแรมแล้ว
โรงแรม Meitetsu Grand Hotel
ที่ตั้ง : 1-2-4 Meieki, Nakamura-ku, Nagoya-shi, Aichi
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://goo.gl/6Vy5my
โยนกระเป๋าเข้าห้องพักเสร็จ เราก็ออกเดินเท้า ตามหาร้าน Yamachan มาถึงนาโงย่า ก็ต้องกินไก่ย่างร้านดัง ประจำถิ่นกันหน่อย พนักงานน่ารักทุกคนเลยล่ะ



อิ่มท้องแล้วก็ต้องกลับไปนอนให้อิ่มอีก เพราะเช้าวันที่สาม เราจะขึ้นเหนือกันต่อ มุ่งหน้าสู่จังหวัดกิฟุ (Gifu Prefecture)
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวญี่ปุ่น : ภูมิภาคชูบุกับ ใบไม้แดง ซากุระ และ Illumination ตอนที่ 3
– เที่ยวญี่ปุ่น : ภูมิภาคชูบุกับ ใบไม้แดง ซากุระ และ Illumination ตอนที่ 2
– หลง รัก Okinawa … ขับรถเที่ยวไหนดี ขับรถ เที่ยว ช้อป รอบเกาะโอกินาว่า (2)
– หลง รัก Okinawa … ขับรถเที่ยวไหนดี ขับรถ เที่ยว ช้อป รอบเกาะโอกินาว่า (1)
– Japan จุด จุด จุดเที่ยวญี่ปุ่น ในจุดที่คุณ ไม่ควรพลาด : ขับรัวรัว ทั่วซากะ ตอนที่ 4