คั่นรายการ โดย Lordofwar Nick
บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (5) ว่าด้วย ความเมตตากรุณา (จิน 仁)
โอ้ สวัสดีปีใหม่ Happy New Year 2024 ครับท่านผู้อ่าน
พบกันอีกครั้งแล้วนะครับ เอาจริงๆ “บูชิโด” นี่ การแกะเนื้อหาเอามาเล่าสู่กันฟังนี่ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะครับ ดีไม่ดี ซี่รี่ส์นี้ไปได้หลายตอนอยู่นะ จะหาอะไรเขียนดีว๊า ถึงจะลบสถิติซีรี่ส์ที่เขียนกันยาวๆ ที่สุดอย่าง “คัมภีร์ห้าห่วง” ได้เนี่ย อิอิ ไม่พูดเยอะละครับไปอ่านกันต่อดีกว่า
ความเมตตากรุณา ความรู้สึกถึงความทุกข์ยาก
ความเมตตากรุณา (Benevolence) ถือเป็นคุณธรรมของเจ้าครองนครในความหมายสองทบ เป็นเจ้าครองนครในบรรดาคุณลักษณะที่หลากหลายของวิญญาณอันสูงส่ง เป็นเจ้าครองนครเนื่องเพราะมันเหมาะสมอย่างยิ่งกับอาชีพเจ้าผู้ครองนคร เราไม่จำเป็นต้องให้เช็คสเปียร์รู้สึก แม้ว่าบางทีก็เหมือนกับคนอื่นๆ ในโลก เราต้องการให้เขาแสดงออก ว่าความเมตตากลายเป็นกษัตริย์ที่ดีกว่ามงกุฎของเขา ว่ามันอยู่เหนือคทาที่แกว่งไกวของเขา บ่อยแค่ไหนที่ทั้งขงจื๊อและเม่งจื๊อ กล่าวย้ำข้อกำหนดสูงสุดของผู้ปกครองของคนทั้งหลายว่าต้องกอปรด้วยความเมตตากรุณา ขงจื๊อจะพูดว่า “จงให้เจ้าครองนครปลูกฝังคุณธรรม ผู้คนจะแห่กันมาหาเขา เมื่อผู้คนจะมาหาเขาในดินแดน ดินแดนจะนำความมั่งคั่งมาให้เขา ทรัพย์สมบัติจะทำให้เขาได้รับประโยชน์จากการใช้อันชอบ คุณธรรมเป็นราก และความมั่งคั่งเป็นผล” อนึ่ง “ไม่เคยมีกรณีที่ว่าองค์อธิปัตย์รักความเมตตากรุณา แล้วผู้คนไม่รักความชอบธรรม”
เม่งจื๊อเดินตามเขามาติดๆ โดยกล่าวว่า“มีบันทึกเหตุการณ์ที่บุคคลได้รับอำนาจสูงสุดในรัฐเดียว โดยปราศจากความเมตตากรุณา แต่ ข้าฯ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าอาณาจักรทั้งอาณาจักรตกอยู่ในมือของผู้ขาดคุณธรรมนี้” ยังมี “เป็นไปไม่ได้ที่ใครก็ตามจะกลายเป็นผู้ปกครองของผู้คนที่พวกเขาไม่ยอมอยู่ใต้บังคับด้วยหัวใจ” ทั้งสองได้กำหนดข้อกำหนดที่ขาดไม่ได้นี้ไว้ในผู้ปกครองโดยกล่าวว่า “ความเมตตากรุณา ความเมตตากรุณาคือมนุษย์”
ภายใต้ระบอบศักดินา ซึ่งอาจออกนอกลู่นอกทางไปสู่ลัทธิทหารได้ง่าย เราเป็นหนี้บุญคุณความเมตตากรุณาในการปลดปล่อยพวกเราจากลัทธิกดขี่ (despotism) ชนิดที่เลวที่สุด การยอมจำนนอย่างที่สุดซึ่ง “ชีวิตและแขนขา” ของผู้ถูกปกครองจะไม่เหลือสิ่งใดไว้ให้กับผู้ปกครองนอกจากการถือทิฐิ และสิ่งนี้ส่งผลตามธรรมชาติต่อการเติบโตของลัทธิสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (absolutism) ที่บ่อยครั้งถูกเรียกว่า “ลัทธิกดขี่แบบตะวันออก” (oriental despotism) ประหนึ่งว่าไม่มีผู้กดขี่ในประวัติศาสตร์ตะวันตก!
ขอให้ห่างไกลจากข้าพเจ้าที่จะเชิดชูลัทธิกดขี่ทุกรูปแบบ แต่เป็นความผิดพลาดที่จะบ่งชี้ระบอบศักดินาด้วยมัน (ลัทธิกดขี่) เมื่อพระเจ้าเฟรเดอริกมหาราชเขียนว่า “กษัตริย์เป็นผู้รับใช้คนแรกของรัฐ” นักกฎหมายคิดอย่างถูกต้องว่าการพัฒนาเสรีภาพได้มาถึงศักราชใหม่แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันอย่างน่าประหลาด ในแดนชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น โยซันแห่งโยเนซาวะ (หมายถึง อุเอสุงิ ฮารุโนริ 上杉治憲 ไดเมียวรุ่นที่เก้าแห่งแคว้นโยเนซาวะ มีฉายานามว่า โยซัน 鷹山 “ภูเขาเหยี่ยว”) ได้ประกาศเช่นเดียวกันทุกประการ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบศักดินาไม่ใช่เผด็จการและกดขี่ไปเสียทั้งหมด
เจ้าครองแคว้นศักดินา แม้จะไม่สนใจต่อภาระหน้าที่อันต่างตอบแทนซึ่งควรจะมีให้ต่อข้ารับใช้ของตน แต่ก็รู้สึกถึงความรับผิดชอบที่สูงกว่าต่อบรรพบุรุษและต่อสวรรค์ เขาเป็นบิดาของไพร่ฟ้าของเขาซึ่งสวรรค์มอบหมายให้เขาดูแล ในความหมายที่ปกติจะไม่ถูกกำหนดแก่คำนี้ บูชิโดยอมรับและสนับสนุนรัฐบาลพ่อปกครองลูก (paternal government) พ่อปกครองลูก ซึ่งตรงข้ามกับรัฐบาลลุงปกครองหลาน (avuncular government) ซึ่งเป็นที่สนใจน้อยกว่า (อย่างเช่น รัฐบาลลุงแซมไง!) ด้วย
ความแตกต่างระหว่างรัฐบาลกดขี่กับรัฐบาลพ่อปกครองลูกอยู่ที่ตรงนี้ ว่าอันหนึงประชาชนเชื่อฟังอย่างอิดออด ในขณะที่อีกอันหนึ่งพวกเขาทำเช่นนั้นด้วย “การยอมจำนนอย่างภาคภูมิ การเชื่อฟังอย่างมีศักดิ์ศรี การอยู่ใต้บังคับบัญชาของหัวใจที่ยังมีชีวิต แม้จะตกเป็นทาสก็ตาม จิตวิญญาณแห่งเสรีภาพอันสูงส่ง” สุภาษิตโบราณไม่ได้ผิดอย่างสิ้นเชิง ที่เรียกกษัตริย์แห่งอังกฤษว่า “ราชาแห่งปีศาจ เพราะราษฎรมักกบฏต่อและปลดเจ้าครองแคว้นของพวกเขา” และทำให้กษัตริย์ฝรั่งเศสเป็น “ราชาแห่งฝูงลา เนื่องจากภาษีและการเก็บภาษีกับพวกมันที่ไม่มีที่สิ้นสุด” แต่ซึ่งทำให้องค์อธิปัตย์แห่งสเปนได้รับตำแหน่ง “กษัตริย์แห่งมนุษย์” “เพราะความเต็มใจเชื่อฟังของราษฎร” แต่พอแค่นี้ก่อน!
อ่านแล้ว ขอพักหายใจแป๊บครับ แหม่ แต่มันเป็นการดีเบทที่น่าตกใจจริงๆ ในการยกว่า ด้วยศีลข้อนี้ จะบอกว่า ผู้ปกครองของญี่ปุ่นดีกว่าผู้ปกครองของฝรั่งหรืออย่างไร?
ภาพ อุเอสุงิ ฮารุโนริ (ที่มา wikipedia)
พอพูดถึงเรื่องคำคมของ อุเอสุงิ ฮารุโนริ แล้ว เท่าที่ผมไปเจอมามีที่เข้าเค้าดังนี้
人民は国家に属したる人民にして我私すべき物にはこれ無く候
ประชนชนนั้น ควรถือเอาเป็นประชาชนที่สังกัดประเทศชาติ มิใช่ของควรเอาเป็นส่วนตน
国家人民の為に立たる君にて君の為に立たる国家人民にはこれ無く候
เจ้าตั้งอยู่เพื่อประเทศชาติประชาชน มิใช่ประเทศชาติประชาชนตั้งอยู่เพื่อเจ้า
หืม?
เอิ่ม อ่านต่อดีกว่าครับ
เรารู้ว่าความเมตตากรุณา (Benevolence) เป็นคุณธรรมที่อ่อนโยนเหมือนแม่ ถ้าความเที่ยงธรรม (Rectitude) อันซื่อตรงและความยุติธรรม (Justice) อันเข้มงวดมีลักษณะเพศชาย ความเมตตา (Mercy) ก็มีความอ่อนโยนและโน้มน้าวใจในลักษณะเพศหญิง เราได้รับคำเตือนไม่ให้ปล่อยใจไปกับการกุศลโดยไม่เลือก โดยไม่ปรุงรสมันด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม มาซามุเนะ (ก็ ดาเตะ มาซามุเนะ “มังกรตาเดียว” ผู้โด่งดังนั่นไงจะใครล่ะ) แสดงออกมาได้ดีในคำพังเพยที่ถูกยกมาอ้างบ่อยๆ ว่า “ความเที่ยงธรรมหากมากไปจะกลายเป็นแข็งทื่อ ความเมตตากรุณาหากมากไปจะกลายเป็นอ่อนแอ
โชคดีที่ความเมตตา (Mercy) ไม่ได้หายากนักเพราะมันสวยงาม เพราะมันเป็นจริงอย่างสากลที่ว่า “ผู้กล้าหาญที่สุดคือผู้อ่อนโยนที่สุด ผู้มีรักจึงอาจหาญ” “Bushi no nasaké” (武士の情け) ความอ่อนโยนของนักรบ มีเสียงที่ดึงดูดบางสิ่งที่สูงส่งในตัวเราทันใด ไม่ใช่ว่าความเมตตาของซามูไรจะแตกต่างไปจากความเมตตาของผู้อื่น แต่เพราะมันบอกเป็นนัยถึงความเมตตา ที่ซึ่งความเมตตาไม่ใช่แรงกระตุ้นอันมืดบอด แต่เป็นการตระหนักถึงความยุติธรรม และความเมตตาไม่ได้คงอยู่เพียงแค่สถานะหนึ่งของใจ แต่มันถูกหนุนหลังด้วยพลังอำนาจที่จะช่วยให้รอดหรือฆ่าได้…
อื้อหือ ผมลองไปหาคำคมของดาเตะ มาซามุเนะ มาได้ดังนี้ครับ
仁に過ぐれば弱くなる。
義に過ぐれば固くなる。
礼に過ぐれば諂(へつらい)となる。
智に過ぐれば嘘を吐く。
信に過ぐれば損をする。
ความเมตตากรุณาหากมากไปจะกลายเป็นอ่อนแอ
ความเที่ยงธรรมหากมากไปจะกลายเป็นแข็งทื่อ
ความนอบน้อมหากมากไปจะกลายเป็นประจบประแจง
ไหวพริบหากมากไปจะกลายเป็นโป้ปด
ศรัทธาหากมากไปจะกลายเป็นขาดทุน
หวังว่าผมคงแปลถูกนะ 555
ส่วนคำว่า “บูชิ โนะ นาซาเกะ” เนี่ย หมายถึงการที่นักรบ (บูชิ) นั้น จักต้องมีเมตตากรุณาต่อผู้ที่ด้อยกว่า (อ่อนแอกว่า) ให้ตายสิ นี่มันคุณธรรมของพระเอกการ์ตูนโชเน็นชัดๆ (ฮา) ประมาณว่าต้องช่วยคนอ่อนแอกว่า ปราบคนพาล อภิบาลคนดี อะไรประมาณนี้ (ฮา)
อ่ะเอารูป ดาเตะ มาซามุเนะ “มังกรตาเดียว” แบบเท่ๆ ไปชมกันเล้ย
ที่มา.badassoftheweek.com
อนุสาวรีย์ของ ดาเตะ มาซามุเนะ ที่เซ็นได (ที่มา wikipedia)
ส่วนอันนี้เป็นภาพวาดในยุคศตวรรตที่ 18 อาจจะไม่ได้เท่เหมือนในรูปวาดในวัฒนธรรมสมัยนิยมน๊ะ (ที่มา wikipedia)
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับการนำเสนอเนื้อหาของหนังสือ “บูชิโด” ในตอนนี้ ยังครับ ยังอีกยาว นี่ว่ามาแค่ศีลสามในเจ็ดข้อเองนะ และยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกมากมาย (รึเปล่า) อยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องตามอ่านกันต่อนะครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะครับ สวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (4) ว่าด้วย ความกล้าหาญ (ยู 勇)
– บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (3) ว่าด้วยความเที่ยงธรรม (กิ 義)
– บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (2) รากเหง้าเค้ามูลของ “บูชิโด”
– บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (1) เมื่อ “คนญี่ปุ่น” เอาวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเขียนขาย “ฝรั่ง”
– Siam Cup BJJ 2023 สักวันหนึ่ง ผมจะเป็น “ซาซากิ โคจิโร่” ให้ได้เลยนะ!!
#บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (5) ว่าด้วย ความเมตตากรุณา (จิน 仁)