คั่นรายการ โดย Lordofwar Nick
บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (4) ว่าด้วย ความกล้าหาญ (ยู 勇)
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน มาอ่านกันต่อนะครับ
ความกล้าหาญ จิตวิญญาณแห่งความอาจหาญและความอดทน
ความกล้าหาญ (Courage) แทบจะไม่ถือว่าสมควรที่จะนับเป็นหนึ่งในคุณธรรม เว้นแต่จะใช้เพื่อความชอบธรรม (Righteousness) ใน “ปกิณกคดี” (หลุนอวี่ 論語) ขงจื๊อนิยามความกล้าหาญโดยการอธิบาย อย่างที่เขาเคยชิน ว่านิเสธของมันคือ “รู้ว่าอะไรถูก” เขากล่าว “แล้วไม่ทำเช่นนั้น แสดงให้เห็นว่าขาดความกล้าหาญ” เอาคำคมนี้มาทำเป็นประโยคบอกเล่า จะได้เป็น “ความกล้าหาญคือการทำสิ่งที่ถูกต้อง” การวิ่งเข้าอันตรายทุกรูปแบบ การเอาตัวเองไปเสี่ยงภัย การพุ่งเข้าหาขากรรไกรแห่งความตาย สิ่งเหล่านี้มักถูกบ่งชี้บ่อยเหลือเกินว่าเป็นความองอาจ (Valor) และในอาชีพการใช้อาวุธ ความประพฤติที่หุนหันพลันแล่น สิ่งที่เช็คสเปียร์เรียกว่า “ไอ้ลูกเมียน้อยผู้องอาจ” นั้น ได้รับการปรบมืออย่างไม่เป็นธรรม แต่ไม่เป็นเช่นนั้น
ในศีลของอัศวิน การตายเพื่อเหตุอันไม่มีค่าควรแก่การตาย เรียกว่า “ตายอย่างหมา”
“รีบเร่งเข้าสู่การต่อสู้อันดุเดือดและถูกสังหารในนั้น” เจ้าชายแห่งมิโตะกล่าว “นั้นง่ายพอ และคนชั้นต่ำที่สุดก็สมน้ำสมเนื้อกับการนั้น แต่” เขากล่าวต่อ “มันคือความกล้าหาญอย่างแท้จริงที่จะมีชีวิตอยู่เมื่อสมควรที่จะมีชีวิตอยู่ และตายเฉพาะเมื่อสมควรตายเท่านั้น” แต่ทว่าเจ้าชายไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อของเพลโต ผู้ให้คำนิยามความกล้าหาญว่าคือ “ความรู้ในสิ่งที่มนุษย์ควรกลัวและไม่ควรกลัว” การแยกแยะที่เกิดขึ้นในโลกตะวันตกระหว่างความกล้าหาญทางศีลธรรมและทางกายภาพเป็นที่รับรู้ในหมู่พวกเรามานานแล้ว มี ซามูไรรุ่นเยาว์คนไหนไม่เคยได้ยินเรื่อง “ผู้กล้าผู้ยิ่งใหญ่” และ “ผู้กล้าชาวนาทาส” บ้าง?
ความองอาจ (Valor) ความทรหดอดทน (Fortitude) วีรอาจหาญ (Bravery) ความไม่เกรงกลัว (Fearlessness) ความมีใจกล้าหาญ (Courage) เป็นคุณสมบัติของจิตวิญญาณที่ดึงดูดใจเยาวชนได้ง่ายที่สุด และสามารถฝึกฝนได้ด้วยการฝึกหัดและการยกตัวอย่าง นั้น กล่าวคือ เป็นคุณธรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งเลียนแบบเป็นอย่างแรกๆ ในหมู่เยาวชน เรื่องราวการหาประโยชน์ทางทหารเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกเกือบก่อนที่เด็กผู้ชายจะละทิ้งอกแม่ เจ้าทึ่มตัวน้อยร้องไห้เพราะเจ็บปวดหรือไม่? ผู้เป็นแม่ดุเขาแบบนี้ “ช่างขี้ขลาดจริงๆ ที่ร้องไห้เพราะความเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ! เจ้าจะทำอย่างไรเมื่อแขนของเจ้าถูกตัดออกในการต่อสู้? จะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าถูกเรียกให้ทำฮาราคีรี?” เราทุกคนต่างรู้ดีถึงความทรหดอดทนอยางน่าเวทนาของเจ้าชายน้อยแห่งเซนไดผู้หิวโหย ซึ่งในละครนั้นแต่งให้พูดกับมหาดเล็กตัวน้อยของเขาว่า
“เจ้าจงมองนกกระจอกตัวเล็กๆ เหล่านั้นในรัง ดูสิ ปากเหลืองของพวกมันถ่างกว้างอะไรเช่นนี้ บัดนี้จงดูเถิด ! นั่นแม่ของพวกมันมาพร้อมกับหนอนมาให้อาหารพวกมัน เด็กน้อยกินอย่างกระตือรือร้นและมีความสุขอะไรเช่นนี้! แต่สำหรับซามูไร เมื่อท้องว่าง มันเป็นเรื่องน่าอดสูที่จะรู้สึกหิว”
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของความทรหดอดทนและวีรอาจหาญมีอยู่มากมายในนิทานกล่อมเด็ก แม้ว่าเรื่องเล่าๆ ประเภทนี้จะไม่ใช่วิธีเดียวในการซึมซับจิตวิญญาณตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยความอาจหาญและความไม่เกรงกลัว พ่อแม่ ซึ่งบางครั้งก็เข้มงวดจะแทบจะโหดร้าย จึงมอบหมายให้ลูกทำภารกิจที่ต้องปลุกความกล้าทั้งหมดที่มี “หมีโยนลูกของมันลงไปในช่องเขา” พวกเขากล่าว
บุตรชายของซามูไรถูกปล่อยลงสู่หุบเขาสูงชันแห่งความยากลำบาก และกระตุ้นให้ทำภารกิจเหมือนซิซีฟัส (กษัตริย์ในเทพปกรณัมกรีกกรีกผู้โกงความตายแต่สุดท้ายถูกเทพเจ้าลงโทษให้กลิ้งหินขึ้นยอดเขาทุกวัน แล้วก็โดนหินกลิ้งทับ แล้วก็กลิ้งขึ้นไปใหม่วนไปเรื่อยๆ) การอดอาหารหรือสัมผัสความหนาวเป็นครั้งคราวถือเป็นการทดสอบที่มีประสิทธิภาพสูงในการทำให้พวกเขามีความอดทน เด็กในวัยเยาว์ถูกส่งไปท่ามกลางคนแปลกหน้าพร้อมสาส์นที่จะส่ง ถูกให้ลุกขึ้นก่อนดวงอาทิตย์ และก่อนอาหารเช้าให้เข้าร่วมแบบฝึกหัดการอ่าน เดินไปหาครูด้วยเท้าเปล่าท่ามกลางความหนาวเย็นของฤดูหนาว พวกเขามักจะมารวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ เดือนละครั้งหรือสองครั้ง ราวกับเทศกาลเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ และผลัดกันอ่านออกเสียงตลอดทั้งคืนโดยไม่นอน การจาริกไปยังสถานที่น่าขนลุกทุกประเภท ไปยังลานประหาร ไปยังสุสาน ไปยังบ้านที่ขึ้นชื่อว่ามีผีสิง ถือเป็นการฆ่าเวลายอดนิยมของเด็กๆ ในยุคที่การตัดหัวยังทำในที่สาธารณะ ไม่เพียงแต่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ จะถูกส่งไปเป็นพยานในฉากอันน่าสยองเท่านั้น แต่พวกเขายังถูกสั่งให้ไปเยี่ยมเยียนสถานที่ดังกล่าวเพียงลำพังในความมืดมิดยามค่ำคืนและทิ้งร่องรอยการมาเยือนไว้บนศีรษะที่ไร้ลำตัว
อ่านถึงตรงนี้แล้ว เอาจริงๆ นะ มันจริงเหรอ? มันเป็นประเพณีในยุคสมัยไหนกัน? อดคิดไม่ได้ว่า ผู้เขียน “ใส่สีตีไข่” ให้เกินจริงไปหรือเปล่า? เรื่องบางอย่างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแต่ถูกทำให้มีสีสันเกินจริงไปหรือเปล่า? แต่ก็นะ ผมเชื่อว่ามันต้องถูกจริตคนอ่านที่เป็นฝรั่งยุคร้อยกว่าปีก่อนที่ชอบอะไรที่แบบ ความเป็นตะวันออกที่มัน exotic มันแปลก มันใหม่ มันเป็นเรื่องพิสดารจากต่างแดน (ไม่งั้น “มาตา ฮารี” จะขายได้เหรอ อิอิ) อย่างแน่นอน แต่เรื่องการตั้งฝึกให้ทนหิวทนหนาวก็คงมีอยู่จริง สมัยก่อนตอนผมฝึกดาบอิไอ อาจารย์ยังพูดเลยว่าแต่ก่อนบูโดคังไม่มีฮีทเตอร์หรอกนะหนาวก็หนาว คนสมัยก่อนเทคโนโลยีไม่เจริญ ด้วยภาวะจำยอมจึงต้องอดทนกับความลำบากให้ได้ (เพราะไม่รู้จะทำไงให้มันสบายขึ้น) ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้
ด้านจิตวิญญาณของความอาจหาญเห็นได้จากความสงบของใจ (composure) การมีจิตใจที่สงบ ความสงบเงียบ (Tranquillity) คือความกล้าหาญในการพักผ่อน มันเป็นการสำแดงความกล้าหาญแบบอยู่นิ่ง (static) เนื่องจากการกระทำที่อาจหาญนั้นเป็นแบบเคลื่อนไหว (dynamic) ผู้กล้าที่แท้จริงย่อมสงบนิ่งอยู่เสมอ เขาไม่เคยหวั่นไหวเพราะตกอกตกใจ ไม่มีอะไรกระเพื่อมความมั่นคงของจิตวิญญาณ ท่ามกลางศึกอันดุเดือด เขายังคงเยือกเย็น ท่ามกลางภัยพิบัติเขารักษาจิตใจของเขาให้ราบเรียบ แผ่นดินไหวไม่ได้ทำให้เขาสั่นคลอน เขาหัวเราะเยาะพายุ เราชื่นชมว่าเขาคือผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ผู้ที่ยังครองตนอยู่ได้ในยามที่ตกอยู่ในอันตรายหรือความตาย อย่างเช่น ผู้ที่สามารถแต่งบทกวีภายใต้ภยันตรายที่ใกล้เข้ามา หรือฮัมเพลงเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย การปล่อยตัวเช่นนี้โดยไม่ให้เห็นความสั่นไหวในการเขียนหรือในน้ำเสียง ถือเป็นดัชนีอันไม่มีผิดพลาดของธรรมชาติอันกว้างใหญ่ ของสิ่งที่เราเรียกว่าจิตใจที่กว้างขวาง (โยยู 余裕) ซึ่ง จากการถูกกดดันหรือแออัด ย่อมมีที่ว่างสำหรับบางสิ่งที่มากกว่าเสมอ
อื้อหือ
คราวนี้ก็เห็นชัดเจนแล้วครับว่า ท่านผู้เขียน ได้เอาสิ่งที่เป็นคุณลักษณะที่มันควรจะต้องมีอยู่แล้ว มาเขียนใส่สีตีไข่ แต่งแต้มสีสันจนสวยเกินจริงไปมาก จริงอยู่ การมีจิตใจที่สงบ ยังรักษาสติและสมาธิได้ในเวลาที่ต้องเผชิญอันตราย ประจันหน้าในการต่อสู้นั้น มีผลต่อการแพ้ชนะรอดหรือตายอยู่มาก ข้อนี้ในฐานะที่ผมหัดบีเจเจ การโรลทุกครั้งมันคือการทดสอบจิตใจพอๆ กับที่ทดสอบพลังกายหรือเทคนิค ซึ่งสิ่งนี้ การเรียนรู้ศึกษาคำสอนของเซน และการฝึกอะไรๆ อย่างอื่นเช่น ชี่กง ก็ช่วยให้เรามีความสามารถตรงนี้ได้มากขึ้นเช่นกัน (ควบคุมลมหายใจ คุมสติ สมาธิ ปรับทัศนคติ)
แต่ไอ้ขนาดว่า จะตายอยู่แล้วยังมานั่งร้องเพลง เนี่ย มันก็ออกจะ นะ (ทำเป็นเล่นไป ในหนังเรื่อง อะซูมิ มีฉากที่คาโต้ คิโยมาสะ ขณะที่มือสังหารกำลังจะขึ้นมาชั้นบนสุดได้ พี่แกนั่งร้องเพลงเฉยเลยครับ!) แต่ก็อย่างว่าแหละครับ คอนเทนต์อะไรที่ถูกสร้างเพื่อขาย มันก็ต้องเล่นใหญ่ไว้ก่อน อ่ะ อ่านต่อๆ
ความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นฉับพลันต่อแอนโทนีและออคตาเวียสเมื่อบรูตัสเสียชีวิต ถือเป็นประสบการณ์ทั่วไปของผู้กล้า เคนชิน ซึ่งต่อสู้กับชินเก็นมานานถึงสิบสี่ปี (มาแล้วๆ ตำนาน อุเอสุงิ เคนชิน ปะทะ ทาเคดะ ชินเก็น) เมื่อเขา (เคนชิน) ได้ยินเรื่องการตายของคนหลัง (ชินเก็น) เขาร้องไห้ออกมาดังๆ กับการสูญเสีย “ศัตรูที่ดีที่สุด” เป็นเคนชินคนเดียวกันนี่เองผู้สร้างตัวอย่างอันสูงส่งตลอดกาล ในการปฏิบัติของเขาที่มีต่อชินเก็น ผู้ซึ่งมีจังหวัดตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาค่อนข้างห่างจากทะเล และส่งผลให้ต้องพึ่งพาจังหวัดโฮโจแห่งโทไคโดเพื่อใหได้เกลือ เจ้าครองแคว้นของโฮโจต้องการทำให้เขา (ชินเก็น) อ่อนแอลง แม้จะไม่ได้ทำสงครามกับเขาอย่างเปิดเผย แต่ก็ได้ตัดขาดซึ่งทางสัญจรของสินค้าสำคัญนี้ออกจากชินเก็นแล้ว
เคนชิน ได้ยินถึงภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของศัตรูของเขา และสามารถได้เกลือจากชายฝั่งอาณาจักรของเขาเอง ได้เขียนถึงชินเก็นว่า ในความเห็นของเขา เจ้าแคว้นโฮโจได้กระทำสิ่งที่ต่ำทรามมาก และถึงแม้ว่าเขา (เคนชิน) กำลังทำสงครามกับเขา (ชินเก็น) เขาได้สั่งให้ข้าของเขาจัดหาเกลือให้เขาอย่างมากมาย แล้วยังเสริมว่า “ข้าไม่ได้ต่อสู้ด้วยเกลือ แต่ด้วยดาบ” ซึ่งเทียบได้กับคำพูดของคามิลลัส (Marcus Furius Camillus รัฐบุรุษแห่งยุคสาธารณรัฐโรมัน) ที่ว่า “พวกเราชาวโรมันไม่ได้ต่อสู้ด้วยทองคำ แต่ด้วยเหล็ก”
นิทเช่ได้พูดแทนใจซามูไรเมื่อเขาเขียนว่า “ท่านจงภูมิใจในศัตรูของท่าน ดังนั้น ความสำเร็จของศัตรูของท่านก็คือความสำเร็จของท่านเช่นกัน” แท้จริงแล้ว ความกล้าหาญและเกียรติยศนั้นเรียกร้องว่าเราควรได้ชื่อว่าศัตรูในสงคราม เฉพาะเมื่อพิสูจน์ได้ว่าคู่ควรที่จะเป็นเพื่อนกันยามสันติ เมื่อความอาจหาญบรรลุถึงความสูงนี้ มันก็จะคล้ายดังความรัก (love) ความมีใจกว้าง (magnanimity) ความเป็นมิตรต่อผู้อื่น (affection for others) ความเห็นอกเห็นใจและความสงสาร (sympathy and pity) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นคุณธรรมอันสูงสุด เป็นสิ่งสูงสุดในบรรดาคุณลักษณะทั้งหมดของวิญญาณมนุษย์
เรื่อง อุเอสุงิ เคนชิน ส่งเกลือให้ ทาเคดะ ชินเก็น นั้น ถึงจะมีคนญี่ปุ่นตั้งข้อสงสัยว่า ฮอนโต เดสึก๊ะ “จริงไหมนั่น” ก็ตาม แต่มันก็ทำให้เกิดสำนวนที่ว่า “ส่งเกลือให้ศัตรู” (敵に塩を送る เทคิ นิ ชิโอะ โวะ โอคุรุ) หมายถึง ไม่ซ้ำเติมศัตรูแถมยังฉุดช่วยให้พ้นจากความลำบากนั้น ถ้าพูดอย่างฝรั่งก็คือ Fair Play เล่นกันอย่างแฟร์ๆ “น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ” นั่นเอง
ครับ วันนี้ก็ขอแบบ ให้อ่านเยอะหน่อย อภิปรายเองน้อยหน่อย นะครับผม แล้วก็ ขอตบท้ายด้วยรูปเท่ๆ อุเอสุงิ เคนชิน ปะทะ ทาเคดะ ชินเก็น หน่อยครับผม
**************
ครับ แล้วก็ เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นี้ ก็ขอสรุปทางเดินของ “ชีวิต..ยูยิตสู” ที่ผ่านมาจนถึงอัพเดทล่าสุดปี 2023 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนะครับ
อืม…
ปี 2023 เป็นปีที่เหนื่อยมากมายกับการที่ต้อง “ยกระดับ” ความคิดจิตใจตัวเองเพื่อจะ “ผ่าทางตัน” ให้ตัวเองได้เห็น “หนทางที่จะก้าวหน้าในวิชา” ต่อไป ท่ามกลางขีดจำกัดที่บีบเข้ามา (สังขารอันมีแต่จะเสื่อมลง) ซึ่งมาถึงจุดนี้แล้วผมเริ่มมองเห็น “วิถีแห่งยูยิตสู” กับ “วิถีแห่งพุทธะ” ทับซ้อนกันแล้ว ผมได้อ่านเรื่อง “โพชฌงค์ ๗” ซึ่งเขียนโดยท่าน ป.อ. ปยุตโต เห็นว่าดีมากๆ ก็ขออนุญาตนำมาแบ่งปันแก่ท่านผู้อ่าน อ่านแล้วรู้สึกว่าถ้าเอามาประยุกต์กับการเรียนยูยิตสูแล้ว หนทางจะไปข้างหน้าย่อมต้องมีแน่นอน…
(ที่มา Facebook: BJJ Thailand)
โอเคครับผมไม่พูดมากก็ได้ครับไปซ้อมแล้วครับ (ฮา)
พบกันใหม่ ปี 2024 ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ใช้เวลา รีแลกซ์ สโลว์ไลฟ์ กันเยอะๆ นะครับจะได้มาสู้ชีวิตต่อไป (ฮา) สวัสดีครับผม อย่าลืมติดตาม “บูชิโด” กันด้วยนะครับทุกคน
เรื่องแนะนำ :
– บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (3) ว่าด้วยความเที่ยงธรรม (กิ 義)
– บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (2) รากเหง้าเค้ามูลของ “บูชิโด”
– บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (1) เมื่อ “คนญี่ปุ่น” เอาวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเขียนขาย “ฝรั่ง”
– Siam Cup BJJ 2023 สักวันหนึ่ง ผมจะเป็น “ซาซากิ โคจิโร่” ให้ได้เลยนะ!!
– “ยอดยุทธ์วาตะ” การ์ตูนเชิดชูยูโดที่ดี แต่ไม่มีอะไรใหม่!?
#บูชิโด: จิตวิญญาณของญี่ปุ่น (4) ว่าด้วย ความกล้าหาญ (ยู 勇)