Bonseki: สุขปนขมขื่นบนความงามที่ไม่จีรัง
บอนเซคิ (Bonseki 盆石) เป็นชื่อศิลปะโบราณของญี่ปุ่น รูปแบบ คือ การนำก้อนหินและก้อนกรวดจัดเรียงในถาดลงรักสีดำ พื้นที่ที่ใช้จัดโรยด้วยทรายสีขาวที่มีน้ำอยู่เต็ม การรังสรรค์ผลงานทำโดยการนำเครื่องมือที่มีความบอบบาง เช่น ขนนก, ก้านดอกหญ้า แต่งแต้มขีดเขียนลวดลายลงบนก้อนหินและพื้นทราย รูปที่วาดมักเป็นวิวทิวทัศน์ตามธรรมชาติ เช่น ทิวเขา, ชายฝั่ง, เกาะกลางทะเลที่มีคลื่นมากระทบ หรือเป็นวิหาร, บ้านเรือน ความงามเกิดจากความสอดคล้องของความสัมพันธ์ระหว่างที่ว่าง เวลา และมิติในการมอง โดยใช้ระบบประสาทสัมผัสหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สี รูปทรง เส้นสาย ผิวสัมผัสของหิน
ความพิเศษของศิลปะนี้ คือ เมื่อเราสร้างความงามให้เกิดขึ้นมา แต่สิ่งนั้นจะไม่อยู่กับเราตลอดไป เนื่องจากความบอบบางไม่คงทนของวัสดุที่ใช้ ทำให้ความงามนั้นคงอยู่ไม่นาน แค่เพียงลมพัดภาพนั้นจะหายวับไปในทันที
สิ่งที่ผู้ทำจะได้จากการทำบอนเซคิ คือ ความสุขสงบในชั่วขณะที่ลงมือทำ และดื่มด่ำกับความความงามที่เหมือนจะเป็นนิรันดร์แต่แท้ที่จริงแล้วอยู่ได้แค่เพียงชั่วพริบตา
องค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของศิลปะบอนเซคิ คือการคัดเลือกหินที่จะนำมาใช้เป็นองค์ประกอบในน้ำ เรียกว่าซูอิเซกิ (Suiseki 水石) ชาวญี่ปุ่นบางคนนิยมเก็บก้อนหินจากในแม่น้ำเพื่อนำมาจัดแสดงคู่กับสิ่งต่างๆ หินแต่ละก้อนมีความต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง, สี, รอยแตก ช่วงเวลาที่ผ่านไปหินจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เช่น เมื่อรดน้ำไปช่วงเวลาหนึ่งจะมีมอสขึ้น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ความงดงามเกิดขึ้นเพราะความไม่สมบูรณ์แบบตามแนวคิดแบบวิถีวะบิ-ซาบิ (侘寂) ซึ่งเป็นการทำความเข้าใจและยอมรับในความจริงแท้ของวัฏจักรธรรมชาติที่เมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ ไม่มีอะไรที่คงอยู่ได้ตลอดไป
บางคนจมอยู่กับอดีตไม่มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน โหยหาสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแต่ไม่มีวันได้สิ่งเหล่านั้นกลับคืนมา เรียกว่า นอสตาลเจีย (nostalgia) ลักษณะอาการ คือ อยากไปอยู่ในอดีตที่อบอุ่นใจ อาลัยอาวรณ์กับความสุขที่ครั้งหนึ่งเคยมี เป็นความรู้สึกที่สุขปนเศร้า มักเกิดเมื่อมีสิ่งที่กระตุ้นให้นึกถึงอดีตผ่านระบบประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น รสชาติอาหารเหมือนกับที่แม่เคยทำให้กิน, เสียงเพลงเก่าๆ ที่พ่อเคยเปิดเป็นประจำ สมองจะถูกกระตุ้นให้ดึงข้อมูลความทรงจำด้านบวกในอดีตขึ้นมา
อาการนี้จะเป็นมากขึ้นเวลาที่เราอ้างว้างโดดเดี่ยว รู้สึกไม่สามารถเข้าถึงใครได้ ไร้ค่าไม่มีตัวตน มีการศึกษาวิจัยพบว่าคนทั้งโลกมีอาการนี้เหมือนกัน โดยจะพบอาการนี้มากที่สุดช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (ตอนนี้ คือ คนที่อยู่ใน Gen Y และ Z) หลังจากนั้นค่อยๆ ลดลงในวัยกลางคน แต่เมื่อเป็นผู้สูงอายุอาการนี้จะกลับมาเป็นเพิ่มขึ้น
แม้จะเหมือนเป็นความสุขที่ขมขื่นแต่นอสตาลเจียมีข้อดีด้วยเหมือนกัน เช่น
_ ทำให้กลุ่มคนเกิดความรู้สึกเป็นพวกเดียวกันเพราะผ่านประสบการณ์คล้ายๆกันมา เป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยยืนยันการมีตัวตนอยู่จริงของเรา
_ ทำให้เราทำความเข้าใจที่มาที่ไปของตัวเอง เกิดความเข้าใจในตัวเอง และมองเห็นเส้นทางในอนาคตว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
_ ทำให้เรากระตือรือร้น เพราะเราจำความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ ทำให้เรามีความหวังกับอนาคตว่า “บางทีอะไรๆ อาจดีขึ้นเหมือนที่มันเคยเกิด”
_ ในช่วงเวลาที่เราต้องมีการปรับตัวในสิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์ใหม่ บางคนที่กังวลกับการเปลี่ยนแปลง นอสตาลเจียจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้เรายังมีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ “อย่างน้อยเคยมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น” แม้เราจะไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
เมื่อเทียบกับเรื่องของนอสตาลเจียดูมีความคล้ายกับข้อคิดที่ได้จากบอนเซคิ คือ ทุกสิ่งในโลกไม่มีอะไรที่คงอยู่ถาวร ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา หากความงามเทียบเป็นความสุข ชั่วขณะหนึ่งที่ภาพอันสวยงามปรากฎขึ้น เราสัมผัสได้ถึงความงามและความสุขนั้นจริงๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างล้วนแต่แปรผัน เมื่อภาพแห่งความงามจางหายไป ความสุขที่เกิดจากการครอบครองความงามนั้นจะหมดไปด้วย แต่ถ้าเรายอมรับถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นว่าทุกอย่างมีเวลาของมัน เราจะทำใจและทุกข์น้อยลงจากการที่ไปคาดหวังว่า “ทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิม” เพราะมนุษย์ไม่สามารถเอาชนะกาลเวลาด้วยการหยุดชั่วขณะที่ปิติสุขไว้หรือถอยหลังย้อนกลับไปอยู่ในช่วงเวลาที่เราคิดว่าดีที่สุดได้
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– Kintsugi: ซ่อมแซมอาการอกหักใจสลาย
– โตเกียวโอลิมปิก 2020 ที่ยังไม่ได้จัด: วิธีการรับมือกับเรื่องที่ไม่คาดคิด
– ยูโด: ไม่ใช่แค่การเล่นกีฬาแต่เป็นการฝึกพลังใจ
– ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวแบบวิถีซามูไร
– “ไกจิน: ความเป็นอื่นเพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา?”
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#Bonseki: สุขปนขมขื่นบนความงามที่ไม่จีรัง