ขนมที่จะนำเสนอในวันนี้มีชื่อเรียกว่า “Baumkuchen” ค่ะ ที่มาของชื่อเรียกนี้มาจากลักษณะของเนื้อเค้กที่เมื่อผ่าออกมาแล้วจะมองเห็น เป็นวงแหวนซ้อนกันหลายๆ ชั้นคล้ายกับวงปีในเนื้อไม้ค่ะ
นับตั้งแต่ครั้งโบราณกาลมาแล้วที่อาหารหรือขนมดั้งเดิมของชาติหนึ่งได้รับความ นิยมเป็นอย่างมาก..ในอีกชาติหนึ่ง ที่ญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกันค่ะ (ผู้อ่านหลายคนคงทราบว่าบรรดาขนมไทยต่างๆ เช่น ลูกชุบ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ฯลฯ เองก็มีที่มาดั้งเดิมจากประเทศโปรตุเกส)

วันนี้ผู้เขียนก็เลยจะขอนำเสนอขนมชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นขนมดั้งเดิมของประเทศในแถบยุโรป แต่ปัจจุบันนี้เป็นหนึ่งในขนมที่ได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่นค่ะ
ขนมที่จะนำเสนอในวันนี้มีชื่อเรียกว่า “Baumkuchen” ค่ะ อ่านว่า บา-อุม-คู-เคิ่น (ตรง “เคิ่น” ออกเสียงต่างจาก ค ในภาษาไทยตรงที่จะเปล่งเสียงออกมาจากตรงเพดานอ่อนและมีเสียง ฮ เสียดแทรกเล็กน้อย) สะกดเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า バウムクーヘン (Ba-um-kuu-hen) คำว่า Baumkuchen เกิดจากการประสมคำศัพท์สองคำในภาษาเยอรมัน โดยมีคำว่า Baum แปลว่า ต้นไม้ และ Kuchen แปลว่า ขนมอบ หรือเค้ก ที่มาของชื่อเรียกนี้มาจากลักษณะของเนื้อเค้กที่เมื่อผ่าออกมาแล้วจะมองเห็น เป็นวงแหวนซ้อนกันหลายๆ ชั้นคล้ายกับวงปีในเนื้อไม้ค่ะ
ปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบที่มาของ Baumkuchen แน่ชัดว่ามาจากประเทศใดในยุโรป แต่ทฤษฎีหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเชื่อว่ามีการทำเค้กชนิดนี้ ขึ้นที่เมือง Salzwedel ในประเทศเยอรมันเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 อีกทฤษฎีหนึ่งสันนิษฐานว่าถือกำเนิดมาจากเค้กงานแต่งงานในประเทศฮังการีที่ ดัดแปลงมาจากเค้กเก่าแก่ที่มีชื่อว่า Kürtőskalács (เค้กปล่องไฟ)

สำหรับประวัติของ Baumkuchen ในประเทศญี่ปุ่นนั้น ชาวเยอรมันนามว่า Karl Joseph Wilhelm Juchheim อาศัยอยู่ที่เมืองชิงเต่าทางตอนใต้ของมณฑลซานตง ประเทศจีนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาเมื่ออังกฤษและญี่ปุ่นเข้ายึดครองเมือง Juchheim และภรรยาได้ถูกส่งตัวมาอยู่ที่เกาะโอกินาว่า หลังจากนั้นในปี 1919 Juchheim เริ่มทำ Baumkuchen ออกวางขายที่งานเทศกาลประเทศเยอรมนีที่เมืองฮิโรชิม่า หลังสงครามสิ้นสุดลง Juchheim ตัดสินใจพำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่นต่อ และด้วยความที่ Baumkuchen ที่วางขายประสบสำเร็จมาก จึงได้ย้ายไปที่เมืองโยโกฮาม่าและเปิดร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเอง แต่ต่อมาเมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่แถบคันโต ในปี 1923 และร้านเบเกอรี่ถูกทำลายจนเสียหายหมด จึงได้ย้ายกิจการไปที่เมืองโกเบแทนและ Juchheim อาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายปีต่อมาภรรยาของเขาได้กลับมาช่วยบริษัทหนึ่งในญี่ปุ่นเปิดสาขากิจการ ร้านเบเกอรี่ภายใต้ชื่อของ Juchheim อีกครั้งหนึ่งซึ่งทำให้ Baumkuchen ในประเทศญี่ปุ่นยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก และยังคงดำเนินกิจการอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนผสมของ Baumkuchen ประกอบไปด้วยเนยเหลว ไข่ น้ำตาล วนิลลา เกลือ และแป้ง และยังสามารถประยุกต์เพิ่มส่วนผสมอื่นๆ ลงไปได้อีก เช่น ถั่วบด น้ำผึ้ง มาร์ซิแพน เหล้ารัม บรั่นดี ช็อกโกแลต หรือแม้กระทั่งชาเขียวก็มีค่ะ การทำ Baumkuchen ไม่ได้ใช้เตาอบเบเกอรี่แบบธรรมดาทั่วไป แต่จะใช้เตาที่มีท่อนเป็นแกนกลาง นำเอาส่วนผสมของเค้กเทลงไปบนแกนและหมุนจนกว่าชั้นเค้กที่เทลงไปสุกเป็นสี น้ำตาลได้ที่แล้วจึงเทส่วนผสมเค้กทับลงไปอีกชั้นหนึ่ง จำนวนชั้นของ Baumkuchen โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 15 – 20 ชั้น แต่จริงๆ แล้วยังสามารถเพิ่มจำนวนชั้นต่อไปได้อีก เชฟที่ฝีมือชำนาญๆ อาจสามารถเพิ่มจำนวนชั้นได้ถึง 25 ชั้นและน้ำหนักของตัวเค้กสูงถึง 100 ปอนด์ ปกติแล้วความยาวของ Baumkuchen ที่ทำออกมาได้อาจยาวถึง 3 – 4 ฟุตทีเดียวค่ะ

ในประเทศญี่ปุ่น สามารถหาซื้อ Baumkuchen ได้ตามร้านเบเกอรี่หรือร้านเค้กไปจนถึงตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปค่ะ (ราคาในซุปเปอร์มาร์เก็ตจะถูกลงมาแต่คุณภาพและรสชาติก็จะตกลงด้วยเช่นกันค่ะ ผู้เขียนเคยซื้อมาลอง ชิ้นใหญ่มาก แต่ปรากฏว่าเนื้อเค้กฝืดคอมากจนกินไปไม่กี่คำก็ต้องเลิกค่ะ) สำหรับผู้อ่านท่านใดที่อยู่ในประเทศไทยก็ไม่ต้องเสียใจนะคะ ปัจจุบันนี้ในประเทศไทยก็มีร้านเบเกอรี่และเค้กบางร้านทำ Baumkuchen ออกมาจำหน่ายค่ะ และในบางครั้งซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้น 5 ที่อิเซตัน เซ็นทรัลเวิล์ดก็มีการนำ Baumkuchen จากร้านเบเกอรี่มาจัดรายการเช่นเดียวกันค่ะ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ
http://en.wikipedia.org/wiki/Baumkuchen
http://ja.wikipedia.org/wiki/
http://re-moto.com
http://ondaaablog.files.wordpress.com/2012/12/baumkuchen.jpg
http://1.bp.blogspot.com
http://bananamondaes.files.wordpress.com/2012/08/baumkuchen.jpg