ในสมัยราชวงศ์เป่ยฉีของแผ่นดินจีน ยังมีขุนพลนามว่าหลานหลิงหวัง เป็นผู้มากความสามารถทั้งทางบุ๋นและทางบู๊เขาเชี่ยวชาญทั้งการอักษรและการดนตรี แต่การรบทัพจับศึกก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร จุดด้อยจุดเดียวที่กลายมาเป็นจุดเด่นของเขาก็คือ…หน้าตา…
ในสมัยราชวงศ์เป่ยฉีของแผ่นดินจีน ยังมีขุนพลนามว่าหลานหลิงหวัง เป็นผู้มากความสามารถทั้งทางบุ๋นและทางบู๊เขาเชี่ยวชาญทั้งการอักษรและการดนตรี แต่การรบทัพจับศึกก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร จุดด้อยจุดเดียวที่กลายมาเป็นจุดเด่นของเขาก็คือ…หน้าตา…
หลานหลิงหวังเกิดมาพร้อมความสามารถและดวงหน้าอันงดงาม งามขนาดที่ว่ายามออกรบ เมื่อศัตรูฝ่ายตรงข้ามได้เห็นหน้าก็ต้องตกตะลึงในความงาม ซึ่งความงามนั้นเองที่ทำให้เขามีจุดอ่อน เพราะเมื่อข้าศึกได้เห็นหน้าเขา ความหวาดกลัวที่มีต่อเขาก็หมดไปในทันที ซ้ำร้ายบางคนยังดูถูกเขาว่าอ่อนหัด ฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
หลานหลิงหวังรู้สึกท้อแท้กับชีวิต เพราะใบหน้าเป็นสิ่งที่บิดามารดาให้มาแต่กำเนิด เขาจะทำอะไรกับใบหน้านี้ได้ คงไม่สามารถเฉือนปากเชือดจมูกให้แหว่งเว้าเพียงเพราะต้องทำให้ข้าศึกกลัวตนเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม แต่แล้วเขาก็พบกับทางออก…
หลานหลิงหวังคิดขึ้นได้ว่า ในเมื่อตนไม่สามารถทำอะไรกับใบหน้าได้ ถ้าเช่นนั้นก็ทำใบหน้าอีกดวงซ้อนขึ้นมาแทนเสียเลย เขาให้คนไปหาไม้มาชิ้นหนึ่ง เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง รอจนกระทั่งวันออกศึก เขาก็ขี่ม้านำทัพออกไปพร้อมของชิ้นหนึ่ง
ทันทีที่ข้าศึกได้เห็นหลานหลิงหวังขี่ม้าอยู่หน้ากองทัพ ต่างก็ต้องตัวสั่นงันงก เพราะหลันหลิงหวังตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่ชายหนุ่มหน้าหวานอีกต่อไป แต่เป็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้าดุดันราวยักษ์ผีปีศาจ เพราะหลานหลิงหวังได้นำไม้ชิ้นนั้นมาสลักเป็นหน้ากาก นับแต่นั้นมาเขาก็ชนะศึกทุกครั้งด้วยการสวมหน้ากากออกนำทัพ

ในครั้งหนึ่งหลังการเสร็จศึก หลานหลิงหวังนำทัพกลับสู่มาตุภูมิ กษัตริย์เป่ยฉีได้สั่งให้มีการจัดฉลองชัยชนะด้วยการแสดงระบำ เกิดเป็นท่วงทำนองดนตรี “หลานหลิงหวังออกศึก” และนักแสดงทุกคนในครั้งนั้นก็สวมหน้ากากเหมือนกับหลานหลิงหวัง แสดงท่าทางสู้รบแทนการเล่าเรื่องราวชัยชนะในการศึก
ระบำชุดนี้ได้รับการสืบทอดเรื่อยมาจนสมัยราชวงศ์ถัง โดยก่อนหน้านั้นการแสดงชุดนี้ได้ถูกดัดแปลงจนท่าทางการต่อสู้ลดทอนลง กลายเป็นการร่ายรำอ่อนช้อย ฮ่องเต้ถังเสวียนจงไม่โปรดการแสดงชุดนี้และสั่งห้ามแสดงในราชสำนัก ทำให้การแสดงชุดนี้ค่อยๆ สูญหายไป
แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า ในสมัยราชวงศ์ถังของจีนมีการเจริญสัมพันธไมตรีแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับประเทศต่างๆ ในครั้งหนึ่งราชทูตของจีนก็ได้นำท่วงทำนองของหลานหลิงหวังติดไปเผยแพร่ยังประเทศญี่ปุ่น จักรพรรดินีในสมัยนั้นโปรดเป็นที่สุด จึงจัดให้การแสดงชุดนี้เป็นการแสดงชุดแรกในเทศกาลสำคัญอย่างเทศกาลชมโคมไฟหรือ 15 ค่ำเดือนอ้าย

การใส่หน้ากากร่ายรำเดิมทีเคยเป็นที่นิยมในสมัยราชวงศ์ถังของจีน โดยต่อมาการแสดงงิ้วก็ได้รับเอารูปแบบการใส่หน้ากากไปไว้ในการแสดงงิ้วด้วย และพัฒนาต่อมาเป็นการวาดลวดลายลงบนใบหน้าแทน ซึ่งปัจจุบันในบางบทบาทของงิ้วก็ยังคงรักษาธรรมเนียมการใส่หน้ากากเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ส่วนของญี่ปุ่นได้รับเอาอิทธิพลการแสดงชุดนี้มาไว้ในการแสดงละครโน ซึ่งจะเห็นได้ว่าการแสดงทั้งสองประเภทจะใช้หน้ากากเป็นอุปกรณ์สำคัญในการแสดง เครื่องดนตรีที่ใช้ก็มีน้อยชิ้นตามแบบการแสดงโบราณ ไม่มีฉากด้านหลังเหมือนอย่างการแสดงในยุคหลัง และการแสดงหลานหลิงหวังออกศึกชุดนี้ก็กลายมาเป็นการแสดงชุดสำคัญหนึ่งในการแสดงของราชสำนักญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน
เรื่องแนะนำ :
– เรือมหาสมบัติ
– ถ้วยชาตุ๋น
– เหมียวๆๆ กวัก
– รักคือฝันไป
– เจ้าหญิงไม้ไผ่
ขอบคุณคลิปและภาพประกอบจาก:
-https://zhuanlan.zhihu.com/p/27095239
-https://zh.m.wikipedia.org/wiki/兰陵王入阵曲