“พลังแห่งการรับฟังจะยับยั้งการเข้าป่าอาโอกิกาฮาระแห่งความตาย”
หากใครเคยอ่านมังงะหรือศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น น่าจะคุ้นๆ ชื่อ “ป่าอาโอกิกาฮาระ” (青木ヶ原) ป่าแห่งนี้ราวกับมีอาถรรพ์ที่ดึงดูดผู้คนที่ต้องการจบชีวิตตัวเองให้เดินทางเข้าไปในป่า หลังจากนั้นไม่มีใครได้กลับออกมาอีกเลย ในแต่ละปีมีคนจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการจบชีวิตลง จนได้รับการจัดลำดับให้เป็นสถานที่ฆ่าตัวตายอันดับ 2 ของโลก รองจากสะพานโกลเด้นเกต (Golden Gate Bridge) ประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่ละปีเจ้าหน้าที่จะพบศพของผู้เสียชีวิตอย่างน้อยปีละ 30 ร่าง มีทั้งที่ระบุตัวตนได้และไม่ได้ ทางการมีการรายงานสถิติผู้เสียชีวิตที่ป่าแห่งนี้ทุกปี แต่ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาทางการตัดสินใจหยุดการรายงานสถิติดังกล่าวเพื่อไม่ให้มีความเชื่อมโยงเรื่องป่านี้กับการฆ่าตัวตาย และมีการรณรงค์หยุดยั้งการฆ่าตัวตายตามสถานที่ต่างๆในป่า เช่น มีป้ายทั้งภาษาญี่ปุ่น/ภาษาอังกฤษบริเวณปากทางเข้าป่าเป็นข้อความ “อย่าคิดสั้น”, ติดตั้งแถบสัญลักษณ์ตามต้นไม้เพื่อแสดงเส้นทางออกจากป่าสำหรับคนที่เปลี่ยนใจ, มีอาสาสมัครที่ได้รับการฝึกให้มีทักษะการรับฟัง (Active Listening) และการพูดคุยเพื่อช่วยคนที่หมดหวังและต้องการจบชีวิต ให้รู้สึกว่าอย่างน้อยยังมีคนที่รับฟังและพยายามที่จะให้ความช่วยเหลือ ตัวเขานั้นไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง โดยมีเบอร์ติดต่ออาสาสมัครที่โทรหาได้สะดวก
หากอธิบายในแง่ของความเชื่อทางคติชนของผู้คนแถวนี้ เชื่อกันว่าป่าแห่งนี้เป็นที่สิงสถิตย์ของเหล่าภูตผี “โคดามะ” (木魂) ซึ่งภูตผีจะดูดเอาพลังชีวิตของผู้ตายกลับคืนไปเป็นพลังของป่า ส่วนคำอธิบายในแง่วิทยาศาสตร์เนื่องจากการที่ผืนแผ่นดินของป่าเป็นแผ่นหินภูเขาไฟที่เกิดจากการเย็นตัวของลาวาที่ปะทุจากภูเขาไฟฟูจิ หินเหล่านี้มีสนามแม่เหล็กที่รุนแรงจนทำให้เข็มทิศใช้การไม่ได้ ทำให้เกิดภาพแปลกๆในการถ่ายภาพ/วีดีโอ บางคนเห็นภาพหลอนหรือรู้สึกว่ามีสภาพจิตใจที่ไม่ปกติเวลาที่เข้ามาในป่านี้
สิ่งที่น่าสนใจเรื่องระบบการช่วยเหลือคนที่ตั้งใจจะมาจบชีวิตที่นี่ให้มีการเปลี่ยนใจ คือ การฝึกทักษะการรับฟังที่พยายามทำความเข้าใจและเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำ (Active Listening) ให้กับอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่
บางคนอาจสงสัยว่าแค่การรับฟังมันจะช่วยเปลี่ยนใจคนได้ขนาดนั้นเลยหรือ ?
>> การฆ่าตัวตาย
“การฆ่าตัวตาย” หมายถึง การกระทำใดๆ ที่ตั้งใจทำให้ตนเองเสียชีวิต เช่น กินยาเกินขนาด, กรีดตามส่วนต่างๆของร่างกาย, แขวนคอ, กระโดดจากที่สูง คนที่พยายามฆ่าตัวตายจะมีความคิดว่าการมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่ยากลำบาก ทุกข์ทรมาน หมดหวัง หนทางเดียวที่จะหลุดพ้นได้คือความตายเท่านั้น
เรื่องความคิดอยากตาย/การทำร้ายตัวเองเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การป่วยเป็นโรคซึมเศร้า, การที่มีความเครียดอย่างมากจนมองไม่เห็นอนาคตหรือทางออก
หนึ่งในวิธีการช่วยเหลือที่สำคัญ คือ การรับฟังด้วยหัวใจ (Active Listening) เพราะคนที่มีความคิดอยากตาย ใจหนึ่งอยากจะจบชีวิต แต่อีกใจยังเฝ้าหวังลึกๆว่าจะมีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แค่เพียงมีคนรับฟังด้วยความเข้าใจ แม้ปัญหาจะไม่ได้รับการก้ไข แต่อย่างน้อยได้เป็นการระบายออก, ได้ทบทวนความคิดของตัวเองผ่านการพูดออกมา หรือได้ฉุกคิดอะไรบางอย่างผ่านบทสนทนา ทักษะ Active Listening เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการฝึกซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับประชาชนคนทั่วไปที่ไม่ใช่บุคลากรที่ทำงานด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะก็สามารถฝึกได้
เพียงแค่คุณรับฟัง…พลังใจที่ส่งไปจะเป็นส่วนหนึ่งที่เหนี่ยวรั้งไม่ให้คนทำร้ายตัวเอง/ฆ่าตัวตายได้
>> วิธีฝึกการรับฟังด้วยหัวใจ (Active Listening)
ในปัจจุบันด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบและการที่มีเทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามา ทำให้คนเรามีเวลาพูดคุยและรับฟังคนอื่นที่ลดลงอย่างมาก แม้จะเหมือนมีคนรอบตัวมากมาย หรือมีเพื่อนหลายคนทางออนไลน์แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง ไม่มีคนเข้าใจ การมีทักษะการรับฟังที่ดีสามารถช่วยเรื่องต่างๆได้หลายเรื่อง เช่น การสร้างสัมพันธภาพที่ดี, การจัดการความขัดแย้ง
1 มองหน้าสบตาให้ความสนใจคู่สนทนา
_ เวลาที่เราคุยกับคนอื่น การให้เกียรติและแสดงความใส่ใจคู่สนทนา คือ การมองหน้าสบตา, มีการสื่อสารด้วยคำพูดและภาษากายว่าเรากำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังสื่อสารอยู่, พยายามไม่ทำสิ่งอื่นระหว่างที่ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังสื่อสาร
2 มีสมาธิจดจ่อแต่ต้องดูผ่อนคลาย
_ หากจ้องตาคู่สนทนาไม่ควรจดจ้องนานไป เพราะอาจทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดได้ เช่น เรากำลังจับผิดหาเรื่อง
_ การให้ความใส่ใจ (Attention) คือการที่เราจดจ่อ อยู่กับปัจจุบัน พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาสื่อสารออกมา (ดูทั้งภาษาพูดและภาษากาย) ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรคุยกันในสิ่งแวดล้อมที่สงบ มีสิ่งที่ทำให้วอกแวกได้น้อย
3 เปิดใจรับฟัง ลดอคติในใจ
_ พยายามฟังด้วยการทำความเข้าใจโดยไม่ตัดสิน/วิจารณ์ เช่น ไม่ด่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดในใจ (หากอดไม่ได้ให้พยายามมีสติรู้ตัวแล้วดึงตัวเองกลับมา)
_ ฟังให้ได้รายละเอียดมากพอใจในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังเผชิญอยู่ ไม่ด่วนตัดสินโดยที่ข้อมูลยังไม่มากพอ
_ ฟังไปโดยนึกภาพตามไปด้วยจะเข้าใจได้มากขึ้น
4 พยายามอย่าขัดจังหวะระหว่างอีกฝ่ายพูดโดยไม่จำเป็น ไม่เสนอทางแก้ของเราหรือให้การสั่งสอนไปก่อน
_ แต่ละคนมีจังหวะในการคิดและการพูด (pacing) ที่ไม่เท่ากัน ให้เราทำใจยอมรับความแตกต่าง พยายามปรับให้ตามจังหวะคนพูด
_ ให้ฟังความเห็นเรื่องวิธีการแก้ปัญหาของผู้พูดก่อนที่เราจะเสนอความเห็นไป ให้คำแนะนำในจังหวะที่เหมาะสม
_ ทำใจว่าบางครั้งการที่มีคนมาพูดบ่นระบาย เขาอาจรู้คำตอบและสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการทบทวนสิ่งที่คิดผ่านทางการพูดและอยากได้การเห็นด้วยจากคนอื่นในสิ่งที่เขาเลือก เป็นการเพิ่มความมั่นใจ (reassure) ดังนั้นเขาอาจไม่ได้ต้องการคำสั่งสอนชี้แนะ แต่แค่อยากพูด ดังนั้นเราต้องประเมินสถานการณ์ว่าเขาแค่ต้องการบ่น/ได้รับการ Reassure หรือต้องการวิธีแก้ปัญหา
5 หากต้องการถามคำถามเพิ่มให้รออีกฝ่ายหยุดพูดก่อนหรือรอจังหวะที่ไม่ได้ดูเป็นการไปขัด
_ หากเราไม่เคลียร์กับข้อมูลที่เขาเล่า เราสามารถถามหาความกระจ่าง (clarifying questions) เพื่อที่จะได้มีข้อมูลมาพอในการทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาเล่า
6 นำข้อมูลที่ได้จากผู้พูดมาลองคิดในแง่มุมของเรา
_ หากเราลองคิดว่าตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เราจะคิดและรู้สึกอย่างไร (empathy) และตัวเราจะมีการตัดสินแก้ปัญหาด้วยวิธีใด
7 มีการตอบสนองกลับเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจและพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพูด
_ มีการสรุปในสิ่งที่ผู้พูดพูดออกมาเป็นระยะ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราใส่ใจตั้งใจฟังเขา และเป็นการ feedback ด้วยว่าสิ่งที่เราเข้าใจ เป็นสิ่งเดียวกับที่เขาต้องการสื่อสารหรือไม่
_ มีการสะท้อนความรู้สึก (reflect feelings) ที่น่าจะเกิดขึ้นกับผู้พูด เช่น “ถ้าผมเป็นคุณแล้วต้องเจอเรื่องแบบนี้ ผมคงเสียใจมากเหมือนกัน” เป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจ
สถานการณ์ในปัจจุบันดูอุดมไปด้วเรื่องดราม่า หลายคนอึดอัดใจต้องการการรับฟังที่ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้ต่อสู้กับสิ่งต่างๆตามลำพัง ดังนั้นการที่เราพยายามรับฟังคนอื่นด้วยหัวใจ จะเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดความทุกข์ของผู้คนได้
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– “ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง”
– “แนนโน๊ะ x โทมิเอะ: ความแค้นและการให้อภัย” (เรต18+)
– Rilakkuma: เหนื่อยนักก็นอนพักก่อน
– หน้ากากที่คนญี่ปุ่นใส่ใช้ป้องกันภัยและปกป้องใจด้วย
– เมื่อเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นติดโควิดและคำขอโทษ
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#พลังแห่งการรับฟังจะยับยั้งการเข้าป่าอาโอกิกาฮาระแห่งความตาย