วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (39) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): ยี่สิบเก้า การรับทั้งสาม
สวัสดีครับ ช่วงนี้ความทรงจำเรื่องอะไรที่เคยอ่านเก่าๆ มันชอบผุดขึ้นมา ไม่ว่าจะการ์ตูนหรือนิยายกำลังภายใน จนบางทีอยากจะหาเวลาไปอ่านเหมือนกันแต่จนใจว่าเดี๋ยวนี้หาร้านเช่าการ์ตูนไม่ได้แล้ว มีอยู่ตอนนึงผมบอกเพื่อนว่าอยากจะมีแบบ “ห้องกาลเวลา” เหมือนในเรื่องดรากอนบอลบ้าง เผื่อจะแบบ ฝึกหนึ่งวัน เก่งเท่ากับฝึกมาหนึ่งปี 555
แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่จำอยู่ในใจผมมากกว่าก็คือ แนวทางการฝึกของโกคูที่เขาใช้กับตัวเองและลูก นั่นคือการอยู่ในสภาพ “ซูเปอร์ไซย่า” ให้เป็น “ปกติประจำวัน” เรียกว่าตื่นมาก็ให้คงสภาวะซูเปอร์ไซย่าไปตลอดเวลาจนกว่าจะนอน
…คุ้นๆ ไหมครับ…
常の身を兵法の身とし兵法の身を常の身とする事肝要なり
ทสึเนะ โนะ มิ โวะ เฮียวโฮ โนะจิ โต๊ะ ชิ เฮียวโฮ โนะ มิ โวะ ทสึเนะ โนะ มิ โต๊ะ สุรุ โคโตะ คันโย นาริ
การทำกายปกติให้เป็นกายแห่งพิชัยสงคราม ทำกายแห่งพิชัยสงครามให้เป็นกายปกติ เป็นข้อใหญ่ใจสำคัญ
จากคัมภีร์ห้าห่วง คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของการแต่งกายแห่งพิชัยสงคราม
แม้ในการ์ตูน ยังแฝงข้อคิดอันอาจย้อนไปถึงภูมิปัญญา วิธีคิด ที่ตกทอดกันมาในสังคมญี่ปุ่นเลยครับ
ว่าแล้วเราก็มาอ่านกันต่อดีกว่าครับ (ฮา)
คำแปลข้อความต้นฉบับ
水の巻
คัมภีร์แห่งอาโป
二九 一 三ツのうけの事
ยี่สิบเก้า การรับทั้งสาม
`三ツのうけ `と云は `敵へ入込時敵打出す太刀をうくるに我太刀にて敵の目をつく様にして敵の太刀を我右の肩へ引ながして受るべし `亦 `つきうけ `と云ひて敵打太刀を敵の右の目をつく様にしてくびをはさむ心につきかけて受る所 `又敵の打時短き太刀にて入に受る太刀はさのみかまはず我左の手にて敵のつらをつく様にして入込む `是三ツのうけ也 `左の手をにぎりてこぶしにてつらをつく様に思ふべし `能々鍛錬有べきもの也
ทีเรียกว่า “การรับทั้งสาม” คือ ยามศัตรูแทรกเข้ามา รับทะจิที่ตีออก ดึงทะจิของศัตรูไหลมาทางไหล่ขวา ให้มีอาการว่าจะทะลวงตาของศัตรูด้วยทะจิของตน อนึ่ง ที่เรียกว่า “ทะลวงรับ” นั้น ให้ทะลวงค้าง รับทะจิของศัตรู โดยตั้งจิตหนีบคอ ทำอาการว่าจะทะลวงตาขวาของศัตรู หรือ ยามศัตรูตี เอาทะจิสั้นเข้าไป ทะจิรับนั้นไม่ตั้งท่าให้มากไป แทรกเข้าไปโดนทำอาการว่าจะทะลวงแสกหน้าของศัตรูด้วยมือซ้ายของตน นี้คือการรับทั้งสาม ควรนึกว่าจะกำมือซ้าย ทำอาการทะลวงแสกหน้าด้วยกำปั้น เป็นสิ่งที่สมควรฝึกฝนให้บ่อยๆ
การตีความและอภิปราย
สิ่งที่ผมอ่านแล้วติดใจมีสองอย่างคือ การ “หนีบคอ” (คุบิ โวะ ฮาซามุ くびをはさむ=首を挟む)ครับ
น่าสนใจว่ามันทำให้ผมคิดถึงคำสอนเรื่อง tuck your chin (ก้มคางเก็บคอ) ในบีเจเจมาก ซึ่งในวิชาสายยืนอย่างชกมวย (บ็อกซิ่ง) นั้น เขาก็มักจะสอนว่าให้เก็บคางไว้ที่คอ อย่า “หน้าลอย” เพราะเสี่ยงโดนต่อยหน้า การก้มคางเก็บคอนั้นในบีเจเจยังมีประโยชน์อีกอย่างคือ เป็นการเซฟตัวเองตอนล้มไม่ให้หัวฟาดพื้น
น่าเสียดาย ในตอนนี้ของคัมภีร์ ผมแกะและ “แปลงสาร” ให้เป็นเรื่องของยูยิตสู ได้เพียงเท่านี้เองครับ แต่สิ่งหนึ่งที่คิดได้ก็คือ
เราไม่ได้รับเพื่อรับ เรารับเพื่อรุกต่อ
มาถึงตอนนี้ขณะที่ผมกำลังเขียนล่าสุด ใกล้ถึงวันที่ 1 ตุลาคมไปแล้ว ผมยังคอยดูอยู่ว่า ถึงในทาง “ตัวอักษร” เขาจะบอกว่า “ปลดล็อค” อะไรหลายอย่างที่เคยจำกัดบังคับจะเป็นจะตาย (ผมเคยโดนยามที่แม็คโครลำพูนไล่ บอกไม่ใส่แมสไม่ให้เข้า ก็ไม่ปะไรครับ งั้นกูก็ไม่ซื้อของมึงแค่นั้น) ก็จะเลิกจำกัดบังคับ แล้วมันจะเป็นประโยชน์อะไร ในเมื่อเขาปลูกฝังความกลัวเข้าไปในหัวผู้คนเรียบร้อยแล้ว?
ทุกวันนี้โจทย์ชีวิตของผม (ซึ่งก็ควรจะเป็นโจทย์ชีวิตของเราทุกคนด้วย) คือ “การต่อสู้กับความกลัว” เรื่องนี้ ผมเคยเขียนไว้แล้วใน เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (10) “พลังลมปราณ” 気 (คิ) กับการจัดการกับความกลัว ถ้าท่านผู้อ่านท่านไหนไม่เคยอ่านมาก่อนก็ลองอ่านกันได้นะครับ แต่ถ้าจะสรุปสั้นๆ ตรงนี้ ผมอยากจะบอกว่า
ที่เรากลัว เพราะว่าเราโง่ (ไมมีความรู้ ไม่หาความรู้ ไม่รู้จักใช้ความคิดไตร่ตรอง)
ถ้าเราฉลาด เราจะไม่กลัว
ผมเองก็กำลังต่อสู้กับความกลัวอย่างหนึ่งในตัวเอง “กลัวแก่” หรือพูดอีกอย่างคือ กลัวการที่ร่างกายจะเสื่อมถอยเพราะความแก่
การต่อสู้กับมันก็ต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ ต้องศึกษาและลงมือปฏิบัติหลายอยาง จริงอยู่ มันหยุดไว้ไม่ได้ แต่มันประคับประคองได้ (คือมีทางจะประคับประคองน่ะนะ) ได้แค่ไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะครับ พอพูดถึงตรงนี้แล้ว (ที่ว่าทำไงจะรักษาสภาพร่างกายให้ดีให้เหมาะ ให้เล่นบีเจเจได้นานๆ) นั้น พอดีผมไปเจอเนื้อหาเรื่อง Gracie Diet เข้า มันเป็นแนวทางการกินอาหารที่คิดขึ้นโดย Carlos Gracie หนึ่งในปรมาจารย์ของ Gracie Jiu Jitsu ซึ่งต่อมาคลี่คลายกลายเป็น BJJ นี่แหละครับ ว่าแล้วเพื่อความรวบรัดผมขอลงภาพให้ดูนะครับ
ที่มา graciebarra.com
เขาบอกว่า หลักการของไดเอทแบบนี้คือ พยายามรักษา pH ของเลือดให้เป็นกลางครับ เพราะถ้าเลือดเป็นกรดหรือเป็นด่างมากไป มันจะไม่สบายเนื้อสบายตัว ฉะนั้นก็เลยมีกฎเรื่องที่ว่า อาหารอะไรไม่ควรกินคู่กับอาหารอะไร (คือถ้ากินแล้วมันจะไปตีกัน ทำให้ไม่สบายท้องไม่สบายตัว) เช่น อย่ากินนมพร้อมกับอโวคาโด หรืออย่ากินข้าวพร้อมกับมักกะโรนี หรืออย่ากินมะม่วงรวมกับอาหารอย่างอื่น เพราะมะม่วงมีฤทธิ์เป็นกรด (อ้าว แบบนี้ก็กินข้าวเหนียวมะม่วงไม่ได้อ่ะดิ 55) แถมผมไปอ่านไปเอกสารอีกอัน บอกว่า อย่ากินเนื้อหมู ด้วย และแน่นอน พวกของหวาน อาหารกระป๋อง น้ำส้มสายชู มัสตาร์ด เป็นของที่ “พึงหลีกเลี่ยง” ขนมปังพยายามกินที่ค่อนข้างเป็นแป้งล้วน (พวกขนมปังอุตสาหกรรมใส่ยีสต์มากๆ คงกินไม่ได้) และแน่นอน ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ เรียกว่าตื่นเช้าและก่อนเข้านอนให้กินน้ำเปล่าสักแก้ว
แนวทางนี้เราศึกษาไว้เพื่ออ้างอิงได้ครับ แต่แค่อ้างอิงนะ เพราะเราเป็นคนไทยเราก็กินอาหารไทยๆ น่ะเนาะ เพราะฉะนั้น การศึกษาและลองสังเกตชีวิตประจำวันและปรับใช้ดู น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด BJJ เป็นกีฬาต่อสู้ที่ใช้ร่างกายแบบรีดเค้นมาก ฉะนั้นการทำให้กายพร้อมผมก็เห็นด้วยว่าสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ฝึกฝนต่อเนื่องจนถึงการเตรียมตัวเพื่อการแข่งขัน
ที่มา graciediet.com
จากภาพข้างบนนี้ ถ้าจะเอาตรงนี้มาเป็นวัตรปฏิบัติล่ะก็ ผมในฐานะสายน้ำเงิน ก็ต้องพยายามงดเว้นจากของหวานและน้ำตาล (ไม่อยากจะบอกว่า ช่วงที่พักจากการซ้อม เผลอแดร๊กเข้าไปแล้ว 555 ส่วนตัวผมชอบรูทเบียร์ A&W นะ) นี่ถ้าผมเป็นสายม่วงล่ะก็ เตรียมตัวเลิกกินหมูได้เลย 555
ถามว่า มันควรทำให้เป็นนิสัยไหม ดี ดีมาก ถ้าทำได้ตลอด ปัญหาอย่างเดียวคือ ผมทำแบบนี้ให้ตลอดไม่ได้ 555 ขนาดมีช่วงนึง ผมหันมาทางวีแกน พยายามกินมังสวิรัติให้มาก เสร็จแล้วสุดท้ายกลับแบบ คลั่งการกินเนื้อวัว 555 การฝึกอะไรต่างๆ จุดที่ยากสุดคือเรื่องของใจนี่แหละ บางทีเราก็ยังอยากโน่นอยากนี่ อยากได้อยากกินอะไรที่ยังไม่เหมาะสมอยู่ แต่เราก็ต้องเบรกๆ ยั้งๆ บ้าง นี่หละครับ ชีวิต
เพราะฉะนั้น การทำกายปกติให้เป็นกายแห่งพิชัยสงคราม ทำกายแห่งพิชัยสงครามให้เป็นกายปกติ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เช่นกัน แต่เราก็ต้องฝึกฝนกันไป
วันนี้ก็ขอจบเพียงเท่านี้ก่อน อาทิตย์หน้ามาคุยกันใหม่นะครับสวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (38) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): ยี่สิบแปด สิ่งที่เรียกว่าการกระทบถูกของกาย
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (37) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): ยี่สิบเจ็ด สิ่งที่เรียกว่าการป้ายกาวเหนียว
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (36) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): ยี่สิบหก สิ่งที่เรียกว่า การเปรียบส่วนสูง
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (35) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): ยี่สิบห้า สิ่งที่เรียกว่ากายแห่งเคลือบเงาและกาวหนังสัตว์
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (34) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): ยี่สิบสี่ สิ่งที่เรียกว่ากายแห่งวานรสารทฤดู
#มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (39) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): ยี่สิบเก้า การรับทั้งสาม