“สูญสิ้นความเป็นคน: รอยยิ้มที่กลบเสียงร่ำไห้”
“งานเขียนของผมไม่ได้ทำให้ชีวิตใครดีขึ้น อ่านไปก็ไม่ได้อะไร มันไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ผมจะไม่แนะนำให้คุณอ่านหรอก” – ดะไซ โอซามุ (治 太宰)
ประโยคหนึ่งของนักเขียนวรรณกรรมขึ้นหิ้งของชาวญี่ปุ่นเรื่อง “สูญสิ้นความเป็นคน (人間失格)” หากใครอ่านจะสัมผัสได้ถึงความเศร้าหมองหม่น ก่นด่าตัวเองว่าไร้ค่าไร้ประโยชน์ของนักเขียน จากข้อมูลในสมุดบันทึกต่าง ๆ และจากปากคำของคนที่เคยรู้จักกับนักเขียนท่านนี้บ่งบอกได้ว่านักเขียนน่าจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น เขาเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องความไม่มั่นคงทางอารมณ์ มีความต้องการที่จะฆ่าตัวตายซึ่งเขาพยายามทำไปถึง 4 ครั้งเพื่อหนีจากความทนทุกข์ทรมาน แต่กลับไม่มีครั้งใดสำเร็จ
ในช่วงระหว่างที่ต้องทนใช้ชีวิตอยู่ดะไซเขียนเรื่องสั้น เรื่องสุดท้ายที่เขียน คือ เรื่อง “สูญสิ้นความเป็นคน (人間失格)” ซึ่งเริ่มเขียนในปี 1948 เขาใช้เวลาหลายเดือนในการเขียนนิยายเรื่องสุดท้ายของชีวิต เมื่อเขียนจบดะไซเขียนพินัยกรรม และจดหมายถึงบุคคลต่าง ๆ ที่เขารู้จัก หลังจากนั้นดะไซวัย 38 ปีกับชู้รักได้ฆ่าตัวตายพร้อมกันด้วยการกระโดดลงแม่น้ำ มีคนพบร่างไร้วิญญาณของเขาในอีกหลายวันต่อมา มีคนกล่าวกันว่าเนื้อเรื่องที่เขาเขียนเป็นเรื่องราวชีวิตของตัวดะไซเอง
เนื้อเรื่อง: เป็นการเล่าชีวิตของชายที่ชื่อ โอบะ โยโซ ที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือ 3 เล่ม แต่ละเล่มแบ่งตามช่วงชีวิต คือ วัยเด็ก วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ โยโซเป็นคนที่มีต้นทุนทางสังคมสูงตั้งแต่เกิด พ่อของเขาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่มีฐานะร่ำรวยและได้รับการยกย่องจากคนในสังคม ในวัยเด็กเขาเป็นเด็กขี้โรคที่เติบโตมาอย่างสุขสบาย โยโซพยายามทำตัวเองให้คนอื่นหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความกังวล อึดอัด จุดเริ่มต้นของความกลัวมาจากการที่เขาไม่เข้าใจสิ่งที่คนในครอบครัวคิด กลัวการตอบผิดที่จะไปทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
โยโซเห็นคนรอบตัว “หน้าไหว้หลังหลอก” กับคนอื่น ต่อหน้าพูดดีลับหลังกลับนำไปนินทา ทำให้เขาหวาดกลัวมนุษย์ที่มีจิตใจซับซ้อนเกินไป เขาต้องโกหกเรื่องความคิดและความรู้สึกของตัวเอง เอาใจคนอื่น เลือกที่จะแบกรับความทุกข์ไว้เอง จนสะสมเป็นความเศร้าที่เขาไม่สามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวเองได้ นอกจากนี้โยโซยังถูกพี่เลี้ยงสาวทำทารุณกรรมทางเพศ (Sexual abise) โดยที่ตัวเขาในตอนนั้นไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร “รู้ตัวอีกทีผมก็กลายเป็นเด็ก ซึ่งไม่พูดความจริงแม้แต่คำเดียว”
แม้โยโซจะปกปิดตัวตนที่แท้จริงจากคนรอบข้างได้ แต่ไม่สามารถปิดบังคนอ่านได้เพราะความรู้สึกที่ถ่ายทอดผ่านตัวอักษรมีแต่เสียงกรีดร้องและร่ำไห้ น่าเสียดายที่คนรอบตัวโยโซไม่มีใครสักคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
เมื่อโตเป็นวัยรุ่นโยโซรับมือกับมนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวได้ดีขึ้น แต่ใจยังเป็นทุกข์เหมือนเดิม เขาปั้นหน้ายิ้ม หัวเราะ เพื่อให้ทุกคนพอใจ เพราะตัวเขาไม่สามารถรับกับความเกลียดชังจากคนอื่นได้ เขาใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงกลัวสังคมจะจับได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร เมื่อเขาย้ายไปอยู่โตเกียวเพื่อเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย โยโซได้รู้จักหนทางลัดที่จะช่วยลดความทุกข์ด้วยเหล้า บุหรี่ และโสเภณี สิ่งใหม่นี้เป็นสิ่งที่เขาอยากได้มาตลอด คือ การเป็นอิสระต่อความรู้สึกหวาดกลัวมนุษย์ด้วยกัน เขาเริ่มเสพติดสิ่งเหล่านี้ สังคมคาดหวังหลายอย่างจากคนเรา เช่น การศึกษา, รูปร่างหน้าตา, ฐานะ, นิสัย ในใจลึกๆ ของโยโซไม่อาจทำใจแบกรับความคาดหวังของสังคมได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกทางที่จะทำลายตัวเอง
วัยผู้ใหญ่เขาไปข้องเกี่ยวกับสมาชิกกลุ่มลัทธิมาร์กซ์ที่ถูกรัฐบาลญี่ปุ่นหมายหัว ใช้ชีวิตไปวัน ๆ โดยไม่คิดถึงอนาคตจนถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ผลจากการที่โยโซทำตัวเกเรทำให้ครอบครัวตัดการช่วยเหลือ หลังจากนั้นเขาเริ่มต้นที่จะฆ่าตัวตายหลายครั้ง เปลี่ยนคนรักไปเรื่อย ๆ ดื่มเหล้าอย่างหนักจนเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ติดมอร์ฟีน มีบางช่วงที่เขาแต่งงานมีภรรยาและเขียนเรื่องสั้นเป็นอาชีพ เนื้อหาเรื่องที่เขียนมักเป็นเรื่องการฆ่าตัวตายและชะตากรรม แม้ทุกอย่างเหมือนจะเป็นได้ด้วยดีแต่เขากลับคิดว่าตัวเองคงไม่มีวันประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม สุดท้ายชีวิตวนลูปที่ทำให้ตกต่ำลงเรื่อยๆ ช่วงบั้นปลายชีวิตโยโซป่วยเป็นวัณโรค เขายังคงวนเวียนกับความคิดฆ่าตายและจบชีวิตพร้อมกับคนรัก
>> เสียงร่ำไห้จากโรคซึมเศร้า
_ “โรคซึมเศร้า” (Depression) เป็นโรคที่เกิดจากสารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ สาเหตุที่ทำให้ป่วยเป็นโรคนี้มีหลายอย่าง เช่น พันธุกรรม, ความเครียด/การเจอเรื่องสะเทือนใจ, วิธีการคิดที่เป็นลบ
_ โรคนี้ถือเป็นโรคทางจิตเวชที่พบได้บ่อย เช่น จากการสำรวจของ WHO ปี 2017 พบว่าทั่วโลกมีคนป่วยเป็นซึมเศร้ามากถึง 322 ล้านคน พบในเพศหญิงมากกว่าชาย พบโรคนี้ได้ในทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ
_ หากผู้ป่วยซึมเศร้าไม่ได้รับการรักษาจะส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก (Burden of disease) อาการที่รุนแรงที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตได้ คือ ความคิดอยากตาย, ทำร้ายตัวเอง
_ อาการแสดงของโรคซึมเศร้ามีหลากหลาย แต่ละคนมีระดับความรุนแรงไม่เท่ากัน
• รู้สึกเศร้า เบื่อไปหมด ดิ่ง หงุดหงิด ไม่สบายใจ
• ไม่มีความสุข กิจกรรมที่เคยชอบกลับไม่สนุก
• ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว
• มีปัญหาการกินอาจทำให้น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้น
• มีปัญหาการนอนอาจนอนไม่หลับหรือนอนมากเกินกว่าปกติ
• รู้สึกผิดอย่างไม่สมเหตุสมผล อ่อนไหว ร้องไห้ง่าย
• สิ้นหวัง ไม่มีอนาคต หรือรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า
• ไม่มีสมาธิ ไม่กล้าตัดสินใจ ความจำแย่ลง
• อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่อยากทำอะไร
• บางคนอาจกระวนกระวาย
• คิดวนเวียนเรื่องความตาย อยากที่จะฆ่าตัวตาย อยากหายไป
_ หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการบางอย่างที่เข้าข่ายซึมเศร้า สามารถทำแบบประเมินคัดกรองเบื้องต้นได้ที่
http://www.jvkk.go.th:8080/
ส่วนการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคทางจิตเวชอื่น ๆ ต้องให้จิตแพทย์เป็นผู้ให้การวินิจฉัยและวางแผนรักษา
_ โรคซึมเศร้าพบร่วมกับโรคอื่นได้บ่อย เช่น โรควิตกกังวล (Anxiety)
_ คนที่ป่วยเป็นเศร้าบางคนเลือกที่จะใช้วิธีเยียวยาตนเอง (Self medication) ที่ช่วยให้มีความสุขสั้น ๆ แต่ผลกระทบที่ตามมาทำให้เรื่องแย่มากขึ้น เช่น การใช้สารเสพติด, การช้อปปิ้งจนเป็นหนี้สิน
_ โรคซึมเศร้า สามารถรักษาให้หายได้ มีวิธีการรักษาหลายอย่าง เช่น การกินยาเพื่อปรับสารเคมีในสมอง (Medications), การปรับความคิดและพฤติกรรม (CBT-Cognitive Behavioral Therapy), การปรับวิธีจัดการกับความเครีด/ปัญหา, การทำจิตบำบัดรูปแบบต่างๆ (Psychotherapy)
>> ดะไซ โอซามุกับโรคซึมเศร้า
จากประวัติที่เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สามารถบอกความคิดเห็นความต้องการของตัวเองได้ ต้องทำให้คนอื่นพอใจตลอดเวลา มีความคาดหวังจากสังคมที่มากจนเกินไป ทำให้เกิดความเครียดสะสม ซ้ำร้ายยังถูก Sexual abuse จากคนที่ไว้ใจ นอกจากนี้ดะไซน่าจะเป็นโรควิตกกังวลกลัวการเข้าสังคม (Social Anxiety Disorder) จากหลายปัจจัยทำให้เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้าที่อาการรุนแรง (พยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง) ทุกคำที่ถ่ายทอดออกมามีแต่ความคิดลบ มองไม่เห็นอนาคต กล่าวโทษตัวเอง บางครั้งมีหูแว่วภาพหลอนจากเรื่องราวในอดีต (แนะนำให้อ่านมังงะที่คุณจุนจิ อิโต้เขียนจะได้อารมณ์มาก) ดะไซพยายามเยียวยาตัวเองด้วยการใช้เหล้า, มอร์ฟีน และมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงจำนวนมาก พฤติกรรมที่ทำให้ชีวิตแย่ลงเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อม (Passive suicide) ทำลายขยี้ชีวิตตัวเองให้เป็นเถ้าธุลี นอกจากนี้เขาพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งด้วยความตั้งใจ (Active suicide) จนครั้งที่ 5 อาจเป็นครั้งแรกที่ดะไซทำสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จ นั่นคือการจากโลกนี้ไป
หากใครได้อ่านเรื่อง “สูญสิ้นความเป็นคน” จนจบอาจมีคำถามขึ้นมาในใจว่า “โยโซ” ผู้จมดิ่งในความเศร้าและปรารถนาที่จะตาย ใช้วิธีแก้ปัญหาแบบผิดๆ ชีวิตเหลวแหลก หรือคนรอบตัวที่มีแต่การหลอกลวง เห็นแก่ตัว เอาตัวรอด ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ ใครที่สูญสิ้นความเป็นคนกันแน่?
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– “ภัยพิบัติ x PTSD: ญี่ปุ่นรับมือกันอย่างไร”
– “ทานาบาตะ: แม้รักแค่ไหนแต่ไม่สามารถอยู่เคียงกันได้”
– “การจัดโอลิมปิกของญี่ปุ่นในยุคโควิด: ยืดหยุ่นหรือยึดติด?”
– “Berserk: อยู่อย่างไรในวันที่ถูกทรยศ”
– ชุดนักเรียนญี่ปุ่น x ชุดนักเรียนไทย: จำเป็นต้องมีหรือไม่
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#สูญสิ้นความเป็นคน: รอยยิ้มที่กลบเสียงร่ำไห้