คั่นรายการ by Lordofwar Nick
“มาเอดะ จ้าวสังเวียน” Conde Koma การ์ตูนที่คนเรียน “บราซิลเลียนยูยิตสู” ทุกคนต้องอ่าน!
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน คราวนี้ก็มาเขียน “คั่นรายการ” ด้วยเนื้อหาที่จะว่าไปแล้ว ท่านผู้อ่านอาจจะ หือ นาย Lordofwar Nick มารีวิวการ์ตูนเนี่ยนะ? จริงๆ ก็อยากจะบอกว่าไม่ได้อ่านการ์ตูนมาหลายปีแล้วครับเพราะว่าต้องเรียนตรงๆ ว่าหลายปีมานี้วัฒนธรรมการอ่านหนังสือการ์ตูน ไม่สิ สื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นกระดาษเนี่ย ได้เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว วิถีแห่งการอ่านการ์ตูนแบบเก่าๆ ที่เราคุ้นเคย อย่างการเช่าหนังสือการ์ตูนอ่านเนี่ย ผมมาอยู่ที่เชียงใหม่นี่ก็หาร้านเช่าการ์ตูนไม่ได้แล้วครับ เจ๊งกันไปหมดแล้ว ส่วนร้านหนังสือ แผงหนังสือพิมพ์ที่ขายนิตยสารและขายหนังสือการ์ตูนนี่ก็ล้มหายตายจากกันไปแล้วเช่นกัน
แต่พอดีมาอ่านเจอว่ามีการ์ตูนเกี่ยวกับชีวประวัติของ มาเอดะ มิตสึโยะ แล้วก็หาได้อีกว่ามีฉบับแปลไทยตีพิมพ์มานานแล้วก็เลยเข้าไปดูที่เว็บของสำนักพิมพ์บงกช น่าเสียดายว่าความที่เป็นการ์ตูนที่ตีพิมพ์มานานแล้ว บางเล่มได้แก่เล่ม 1 เล่ม 5 เล่ม 11 ทางสำนักพิมพ์บอกว่าไม่มีของแล้ว ผมก็เลยซื้อทุกเล่มที่มีเหลืออยู่ทั้งหมด (17 เล่มจบ สั่งยอดสี่ร้อยบาทขึ้นไปส่งลงทะเบียนฟรี) เอามานั่งอ่านจบภายใน 3 วัน
บางท่านอาจสงสัยว่าทำไมผมถึงต้องเสาะแสวงขนาดนั้น?
จงบรรยายประวัติย่อของ มาเอดะ มิตสึโยะ ภายในหนึ่งย่อหน้า (10 คะแนน)
มาเอดะ มิตสึโยะ (พ.ศ. 2421-2484) เป็นศิษย์ยูโดโคโดคัน (ก่อนหน้านั้นเคยหัดซูโม่แต่หุ่นไม่ให้เพราะเป็นคนตัวเล็ก สูงแค่ราว 164 ซม. เลยผันตัวมาเรียนยูโดแทน) โดยได้ “อสูรโยโกยามะ” หนึ่งในสี่จตุรเทพโคโคคังเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ ตอนหลังได้ไปอเมริกาตามโครงการเผยแพร่ยูโดโคโดคัง ซึ่งตอนนั้นยามาชิตะหนึ่งในสี่จตุรเทพโคโดคังได้ก้าวไปไกลขนาดที่ว่าได้เป็นครูสอนยูโดให้ประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลล์ และก็เริ่มสร้างชื่อจากการแข่งมวยปล้ำบ้าง โชว์การต่อสู้จำพวกมีเงินเดิมพัน (ประเภทที่ว่าใครชนะฉันได้เอาสตางค์ไปเลย) บ้าง
ด้วยความที่สมัยนั้นในอเมริกากระแสต่อต้านคนเอเชียมันแรง ต่อมาก็เลยได้เดินทางไปบราซิลและได้มีบทบาทเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในขบวนการการอพยพตั้งถิ่นฐานของคนญี่ปุ่นในบราซิล และต่อมาได้รู้จัก Gastão Gracie หุ้นส่วนธุรกิจโชว์ละครสัตว์ เลยได้สอนวิชาให้ลูกๆ ของ Gastão ตั้งแต่ Carlos Gracie จนถึงน้องชายของ Carlos คือ Hélio Gracie ซึ่งได้นำวิชาที่เรียนมาดัดแปลงแล้วตั้งสำนักวิชาของตระกูล คือ Gracie Jiu-Jitsu ซึ่งตอนหลังคลี่คลายกลายเป็น Brazilian Jiu-Jitsu ดังนั้นคนจึงถือกันว่า มาเอดะ มิตสึโยะ ผู้ซึงเป็นศิษย์โคโดคันนั้น เป็นบิดาแห่งวิชาบราซิลเลี่ยนยูยิตสู มาเอดะ มิตสึโยะ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2484 โดยที่ไม่รู้เลยว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนนั้น สำนักโคโดคันเลื่อนขั้นให้เขาได้ “สายดำเจ็ดดั้ง”
ยาวไปมั้ยครับอาจารย์ (ฮา)
มาเอดะ มิตสึโยะ (前田光代) นักยูโดผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งวิชาบราซิลเลียนยูยิตสู
Hélio Gracie เจ้าสำนักเกรซี่ยูยิตสู
ฉะนั้น การ์ตูนเรื่องนี้จึงมีความดีที่คนเรียนบราซิลเลี่ยนยูยิตสูทุกคน (และอาจจะใครอีกหลายๆ คน) ต้องอ่าน ดังต่อไปนี้
- นี่คือการ์ตูนอิงชีวประวัติของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น บิดาแห่งวิชาบราซิลเลี่ยนยูยิตสู ซึ่งถึงแม้เนื้อเรื่องหลายส่วนจะออกแนวแต่งให้มีสีสันฉูดฉาดบวกกับโครงเรื่องตาม “ขนบ” การ์ตูนฮีโร่นักบู๊สไตล์ญี่ปุ่น (ประเภทต้องมีคำพูดทำนองว่า “ฉันไม่ได้ต่อสู้ตามลำพัง ทุกคนมอบความแข็งแกร่งให้ฉัน (ฉันถึงสู้มาได้ถึงตรงนี้)” หรือฉากจำพวกที่ว่าก่อนพระเอกจะไปสู้กับ “คู่ต่อสู้คนสุดท้าย” จะต้องมีอดีตคู่ต่อสู้แห่กันกันมาให้กำลังใจหรืออาจถึงขั้นมาช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ (ทำนองคุณธรรมน้ำมิตรในหมู่ชาวยุทธ ไม่ต่อยตีไม่รู้จัก อะไรประมาณนี้)) ก็ตาม ก็ยังถือว่าควรค่าแก่การอ่านด้วยเหตุผลในข้อต่อไป
- เนื้อเรื่องแม้จะมีความเป็นเรื่องแต่งค่อนข้างเยอะ (โดยเอาประวัติจริงมาเป็นเพียงโครงหลวมๆ แล้วใส่จินตนาการลงไป) แต่ก็ควรอ่านเพราะมันทำให้เห็นภาพปูมหลังของการคลี่คลายทางสังคมที่ทำให้ยูยิตสูโบราณเสื่อมมลายหายไปแล้วยูโดขึ้นมาเป็นกระแสหลักแทนที่ เช่นการปฏิรูปเมจิที่ทำให้ยูยิตสูถูกมองว่าเป็นของโบราณที่ผูกติดกับสังคมเก่า ยูยิตสูเป็นของป่าเถื่อนสำหรับพวกอันธพาล ส่วนยูโดที่เป็นการเอายูยิตสูโบราณมาขัดเกลาเสียใหม่กลายเป็นของที่สังคมยอมรับในฐานะวิชาป้องกันตัว กีฬาและพลศึกษา จนได้เป็นหน้าตาเป็นตาเป็นวัฒนธรรมหนึ่งที่ญี่ปุ่นตั้งใจส่งออกไปถึงเมืองฝรั่ง
- ตัวละครที่มาจากบุคคลจริงในประวัติศาสตร์มากันเพียบ และมาแบบสร้างสีสันไม่น้อย ตั้งแต่อสูรโยโกยามะที่เป็นครูประจำตัวพระเอก (แต่ออกแนวพากันไปเที่ยวผู้หญิงเสียมากกว่า 55) ยามาชิตะผู้ซึ่งต่อมาได้เป็นครูสอนยูโดให้ประธานาธิบดีอเมริกา ขนาดไซโก ชิโร่ เจ้าของท่าทุ่มในตำนาน “ยามะอาราชิ” ยังโผล่มาดวลกับพระเอกแบบเซอร์ไพรส์! กระทั่งอาจารย์คาโน่ก็มีฉาก “ประลองถึงตาย” กับพระเอก (คือมาเอดะ) เหมือนกัน (อาจารย์คาโน่ในเรื่องออกจะฮานิดนึง ชอบพูดญี่ปุ่นคำอังกฤษคำ ดูเหมือนเป็นคนอารมณ์ดีที่ไม่นิยมความรุนแรงแต่พอตอนเอาจริง “โคตรดาร์กเลยครับ” ขอบอก) ใครที่เรียนยูโดหรือสนใจอะไรเกี่ยวกับยูโดรับรองอ่านแล้วอิน บอกอีกนิด แม้กระทั่งยอดนักมวยปล้ำ Frank Gotch ที่เป็นคู่ต่อสู้คนสุดท้ายของพระเอกในเรื่องนั้น ก็ยังเอามาจากบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ได้อีก!
- ลายเส้นที่ท่านผู้อ่านต้องชอบใจ เพราะวาดโดย FUJIWARA Yoshihide คนวาดเรื่อง “เคนจิ” ความละเอียดในการถ่ายทอดท่วงท่าวิชาต่อสู้นั้นไม่ต้องบรรยายสรรพคุณให้มากความ ใครเคยอ่านเรื่องเคนจิ หนุ่มน้อยนักสู้ผู้ใช้วิชามวยปาจี๋ล่ะก็ หากจะพูดอย่างหยาบๆ ว่า “มาเอดะ จ้าวสังเวียน” นี่เปรียบเสมือน “เคนจิ ยอดนักสู้” ฉบับยูโดล่ะก็ก็คงจะพอจะกล้อมแกล้มไปได้ละมัง 555
ยามาชิตะ โยชิทสุงุ (山下義韶) หนึ่งในสี่จตุรเทพโคโดคัน ผู้ซึ่งได้ไปเป็นครูสอนยูโดให้ประธานาธิบดีรูสเวลล์ ทั้งยังเป็นคนแรกที่ได้สายดำ 10 ดั้งอีกด้วย
ยามาชิตะ โยชิทสุงุ (山下義韶) หนึ่งในสี่จตุรเทพโคโดคัน ในเรื่องวาดซะเป็นไอ้หนุ่มผมยาวสุดหล่อไปเลยครับ (ฮา)
อาจารย์คาโน่ จิโกโร่ (嘉納治五郎) ภาพนี้ถ่ายเมื่ออายุได้ 32 ปี
โอพระเจ้า หน้าตาอาจารย์คาโน่ในการ์ตูนตอนสู้กับพระเอกทำไมถึงหน้าโหดอย่างนี้
Frank Gotch (1877-1917) ยอดนักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน ตัวจริงหล่อนะครับสูงยาวเข่าดี สูง 180 ซม. หนัก 95 กก.
Frank Gotch ในการ์ตูน หล่อไม่แพ้ตัวจริง แถมมีท่าไม้ตาย Gotch Special ด้วย
อันนี้ฮาสุด เป็นตัวละครสมมุติศิษย์โคโดคัง ชื่อ “เคนโจ โก” ซึ่งถ้าเอาชื่อกับนามสกุลมาอ่านสลับกันจะกลายเป็น โก เคนโจ (อาจเป็นบรรพบุรุษของ โก เคนจิ) ยิ่งดูหน้าตาทรงผมแล้วฮากลิ้งจริงๆ เคนจิเวอร์ชั่นยูโดชัดๆ (ฮา)
การ์ตูนเรื่องนี้อยากจะบอกว่าเอาเข้ามาตีพิมพ์ในไทยแบบ “มาก่อนกาล” ไปหน่อย ตอนนั้นคนไทยคงยังไม่รู้จักและไม่อินกับบราซิลเลียนยูยิตสูด้วย จริงๆ เรื่องนี้ตีพิมพ์รวมเล่มในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1997 ถึงปี 2000 (โห ตอนนั้นผมยังไม่ได้ไปญี่ปุ่นเลย) ซึ่งเอาจริงๆ คนไทยเพิ่งมารู้จัก MMA มาน่าจะแค่ราวๆ สิบปีก่อนมานี้เอง และยิ่งวิชาบราซิลเลียนยูยิตสูนี่สิบปีก่อนคนไทยไม่น่าจะรู้จักด้วยซ้ำ มาหลังๆ นี่แหละที่คนไทยรู้จักวิชานี้มากขึ้นผ่านสื่อ บวกกับการที่มีการโปรโมทกีฬาอีกประเภทที่เรียกว่า Sport Ju-Jitsu (ซึ่งเป็นกีฬาต่อสู้สไตล์ญี่ปุ่นแต่มีที่มาจากองค์กรของพวกฝรั่งยุโรป) ขึ้นมาในประเทศไทย (โดยสมาคมกีฬายูยิตสูแห่งประเทศไทย) ซึ่งเขาจะมีรูปแบบการแข่งขันแบบหนึ่งที่เรียกว่า Newaza (=寝技 ก็คือท่านอนนั่นแหละ) ซึ่งก็จะละม้ายกับบราซิลเลียนยูยิตสู (Brazilian Jiu-Jitsu = BJJ) ก็เลยเกิดอานิสงค์ที่ว่าเด็กหนุ่มสาวไทยวัยเรียนที่มาเล่นกีฬา Sport Ju-Jitsu เนี่ย ไปๆ มาๆ บางทีก็ข้ามมาหัดบราซิลเลียนยูยิตสู (บีเจเจ) ด้วยก็มี ก็ทำให้มีคนไทยหันมารู้จักและเล่นบีเจเจกันมากขึ้น ที่ยิมผมเดี๋ยวนี้เลยกลายเป็นมีคนไทยรุ่นใหม่ๆ วัยนักศึกษามาเล่นประจำบ้างละ (ไม่นับผมนะ) ก็ยังยืนยันคำเดิมครับว่าอยากให้คนไทยหันมาเล่นบีเจเจกันเยอะๆ เพราะว่ามันมีความคล้ายยูโดแต่ไม่หนักโหดเท่ายูโด (โหดน้อยกว่า ปลอดภัยกว่า ยูโดนี่ทุ่มกันดีไม่ดีแขนหัก ส่วนผมเล่นบีเจเจ แย่สุดที่เคยเป็นก็แค่หูกระหล่ำ แต่หายละเพราะให้หมอเจาะเอาหนองที่บวมในใบหูแล้วดูดออกมา) ดีต่อสุขภาพในเชิงฟิตเนส (บริหารร่างกายทุกส่วน ลดความอ้วน ฝึกความคล่องตัว ยืดหยุ่น) แถมยังได้ปรัชญาชีวิตสอนใจที่เอาไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ด้วย
ยังไงก็ลองหามาอ่านกันนะครับ ว่าแต่คราวหน้ารีวิวการ์ตูนอีกดีไหม? ดีสิ ผมว่าผมยังมีการ์ตูนเก่าอีกเรื่องสองเรื่องให้พูดถึงได้อยู่นะ (ฮา) แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า ครับ
เรื่องแนะนำ :
– ขอไปเที่ยวนาราอีกสักรอบ แวะซื้อนาราซึเกะกิน กับเลยไปเที่ยวศาลเจ้าคาสึงะไทฉะ
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (4) กาย เทคนิค ใจ จากซามูไรถึงยูยิตสู
– ครั้งหนึ่งในชีวิตกับมรดกโลก “ปราสาทฮิเมจิ” เดือนมิถุนายน 2006 รูปเยอะจน บก. ร้องไห้หนักมาก (2) จบจริงๆ แล้วจ้า
– ครั้งหนึ่งในชีวิตกับมรดกโลก “ปราสาทฮิเมจิ” เดือนมิถุนายน 2006 รูปเยอะจน บก. ร้องไห้หนักมาก (1)
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (3) เรียนรู้การ “ทะลวงชีวิต” เมื่อพบกับ “วิกฤติวัยกลางคน”
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (2) “ฮิชิเรียว” 非思量 เมื่อการ “ไม่หยุดคิด” คือทางรอด
#มาเอดะ จ้าวสังเวียน Conde Koma การ์ตูนที่คนเรียน บราซิลเลียนยูยิตสู ทุกคนต้องอ่าน!