3 ซีรีส์ญี่ปุ่นแนว Work Life Balance ที่ชวนให้อนุญาตตัวเองพักผ่อนบ้าง
ถ้าพูดถึงเรื่องสังคมการทำงานของญี่ปุ่น ต้องบอกเลยว่า เป็นสังคมที่ทำงานกันอย่างหนักมาก เต็มที่กับงาน พักผ่อนน้อย เรียกได้ว่าอุทิศเกือบทั้งชีวิตให้กับงานที่ทำ เวลาเราดูซีรีส์ญี่ปุ่นเราก็มักจะเห็นซีรีส์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพ และการทำงานอย่างเต็มที่ตั้งแต่เช้ายันเย็น (หรือจนมืด) ไม่ค่อยเห็นซีรีส์ที่ทำงานกันอย่างชิลๆ สักเท่าไหร่ แต่เราอยากจะบอกว่า ในระยะหลังๆ ก็เริ่มเห็นเทรนด์ Work Life Balance บ้างแล้ว ผ่านซีรีส์ญี่ปุ่นค่ะ วันนี้เลยขอมาแนะนำซีรีส์แนวทำงานแบบ Work Life Balance ที่ดูแล้วอยากจะลองพักผ่อนบ้างเลย ว่าแต่จะมีเรื่องอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ
1. Watashi Teji de Kaerimasu
ขอเริ่มที่ซีรีส์ที่มีชื่อเรื่องตรงคอนเซ็ปต์เลยค่ะ “Watashi Teji de Kaerimasu” แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า “ฉันจะไม่ทำงานนอกเวลาหรอกนะ” เป็นเรื่องราวของ “ยูอิ” (รับบทโดย ยูริโกะ โยชิทากะ ) ที่มีคติประจำใจในการทำงานว่า เธอจะไม่ทำงานล่วงเวลา หลังเลิกงานจะรีบวิ่งไปร้านเบียร์ แล้วดื่มเพื่อผ่อนคลายความเครียด แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยสายงานที่เธอทำ รวมถึงเพื่อนรวมงานที่มีไลฟ์สไตล์การทำงานหนัก ที่ทำให้ Work Life Balance ของเธอสั่นคลอนไปเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะเจองานหนักแค่ไหน เธอก็เอาอยู่ แบบที่ยังมีเวลาพักผ่อน และงานยังคงมีประสิทธิภาพ เรื่องราวละครที่จะมาทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการทำงานที่แน่นอนว่าเราต้องมีความรับผิดชอบ และเต็มที่กับงาน แต่ยังคงมีเวลาได้ใช้ชีวิต หรือพักผ่อนไปด้วย ซึ่งการพักผ่อนไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร และการทำงานมาก ไม่ได้การันตีได้ว่าเท่ากับทำผลงานนออกมาได้ดี แต่มันคือการบริหารเวลาการทำงานให้ผลงานออกมาดีที่สุด โดยไม่ต้องเสียเวลามากเกินกว่าที่ควรจะเป็น
2. Haken no Hinkaku
จริงๆ แนวคิดเรื่อง Work Life Balance ในญี่ปุ่นเองก็มีมานานเป็นสิบๆ ปีแล้วค่ะ แต่ด้วยวัฒนธรรมการทำงาน หรือหน้าที่รับผิดชอบในหน้าที่การงาน ทำให้มนุษย์เงินเดือนทั่วไปต้องขยันทำงานทั้งในเวลางาน และในเวลาส่วนตัว และยิ่งเจอวิกฤตฟองสบู่แตก ทำให้ทุกคนต้องเร่งพัฒนาความสามารถและทำงานหนักขึ้น แต่ในระหว่างนั้นเองก็มีซีรีส์เรื่องหนึ่งที่ออกมาบอกว่า ไม่จำเป็นต้องทำงานให้หนักขนาดนั้น หรือยึดติดกับงานประจำ ถ้าตราบใดเรามีความสามารถเราก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามต้องการ นั่นก็คือเรื่อง “Haken no Hinkaku” นั่นเอง เชื่อว่าคอซีรีส์ญี่ปุ่นน่าจะเคยดูเรื่องนี้กันมาบ้างแล้ว และเป็นซีรีส์ที่หลายคนประทับใจ จนถูกพูดถึงมาจนถึงตอนนี้ และล่าสุดยังมีภาค 2 มาเรียกความคิดถึงอีกด้วย
ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือ เป็นเรื่องราวของ “โอมาเอะ ฮารุกะ” (รับบทโดย ชิโนฮาร่า เรียวโกะ) หญิงสาวที่เคยถูกไล่ออกจากงานในช่วงฟองสบู่แตก แต่ปัจจุบันเธอกลายเป็นฮาเคน หรือพนักงานสัญญาจ้าง ที่หลายบริษัทต้องการตัวมากที่สุด แต่ถ้าใครจะจ้างเธอต้องยอมรับเงื่อนไขซึ่งเป็นคติการทำงานของเธอให้ได้ก่อนค่ะว่า “ไม่มีคำว่าล่วงเวลาในพจนานุกรมของเธอ” ถ้าจะจ้าง ต้องภายในเวลาทำงานเท่านั้น ไม่ทำงานนอกเวลาให้ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายบริษัทยังสนใจจ้างเธอมาทำงาน เพราะเธอมีความสามารถที่หลากหลาย และทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ในเวลาอันรวดเร็ว และปิดจบทุกอย่างได้ในภายเวลางาน
นอกจากนี้ โอเมเอะก็จะทำงานที่ใดที่หนึ่งเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้น ก็จะไม่ทำงานอะไรเลย พาตัวเองออกไปท่องเที่ยวในโลกกว้าง และทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ เป็นการ Balance ชีวิตตัวเองที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียวค่ะว่า ช่วงเวลาทำงานก็ทำให้เต็มที่ แต่ก็อย่าลืมให้เวลาพักผ่อนกับตัวเองด้วย
3. Kikazarukoi niwa Riyuu ga atte
มากันที่เรื่องสุดท้ายที่อยากแนะนำ เป็นละครล่าสุดจากญี่ปุ่นเลยค่ะ เป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่เผยให้เห็นชีวิตการทำงานหนักผ่านนางเอก “มาชิบะ” (รับบทโดย ฮารุนะ ยามากุจิ) สาว PR ที่ทำงานเก่ง แถมยังเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ในแต่ละวันเธอต้องอัปเดตโพสต์ต่างๆ ลงบนช่องทางโซเชียลของบริษัท รวมถึงช่องส่วนตัวของเธอด้วย ในแต่ละวันเธอต้องจดจ่ออยู่แต่กับงาน หน้าติดจออยู่ตลอดเวลา และจนกระทั่งวันหนึ่ง เธอก็เริ่มตระหนักรู้บางอย่างเกี่ยวกับการทำงาน เธอได้เข้าไปอยู่ในบ้านแชร์เฮ้าส์ ได้พบเจอผู้คนมากมาย ซึ่งแต่ละคนมีชีวิตที่ค่อนข้างแตกต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะ “ชุน” (รับบทโดย ริวเซย์ โยโกฮาม่า) ชายหนุ่มหน้าตาดี เป็นเชฟอิสระ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่แต่งตัวเยอะ ภายในห้องมีเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ไม่กี่อย่าง ซึ่งต่างจากมาชิบะที่ห้องเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย และความต่างอีกอย่างคือ ชุนเป็นคนไม่พกมือถือค่ะ เลยทำให้เขาเป็นคนที่เชื่อมต่อกับโลกจริงอย่างสมบูรณ์ เวลาทำงานก็ทำ ส่วนเวลาพักผ่อนก็พักผ่อนจริงๆ ชุนมักชอบทำอาหารอร่อย และพาสมาชิกในบ้านรวมถึงเธอไปเที่ยวพักผ่อน ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่มาชิบะไม่เคยสัมผัส เมื่อได้ลิ้มลองแล้ว ทำให้เธอพบว่า ธรรมชาติที่แสนธรรมดา มันสามารถโอบกอดหัวใจที่เจ็บปวดให้อบอุ่นขึ้น และความคิดที่ยุ่งเหยิงให้ผ่อนคลายมากกว่าเดิม รวมถึงช่วงเวลาที่พักจากงาน ทำให้เธอมองเห็นหัวใจและความรู้สึกของคนรอบข้างได้ชัดเจนมากขึ้น
แค่มีเวลาได้มามองท้องฟ้า สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ และสายน้ำก็มีความสุขแล้ว
จนทำให้มาชิบะเริ่มเรียนรู้ว่า บางครั้งเราก็ต้องมีโหมด On และ Off จากการทำงานบ้าง เพื่อให้ตัวเองได้รีชาร์จพลัง และได้ให้เวลากับชีวิตตัวเองบ้าง การ Off จากงานไม่ใช่การกินแรง หรือไม่ใส่ใจงาน แต่คือการพักผ่อน เพื่อให้เราลุกขึ้นมาทำงานในวันต่อไปอย่างมีพลัง เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่เรื่องงานแค่เรื่องเดียวเท่านั้น
นี่ก็คือซีรีส์ญี่ปุ่นแนว Work Life Balance ค่ะ แม้จะมีให้เห็นไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ขอบอกว่าแต่ละเรื่องก็จัดเต็มแบบสุดๆ จนทำให้คนดูอย่างเราต้องกลับมาขึ้นเลยว่า ตอนนี้ชีวิตเราสมดุลมากแค่ไหน ทำงานหนักจนลืมมองสุขภาพตัวเองและลืมใส่ใจคนรอบข้างหรือเปล่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะลองอนุญาตตัวเองให้พักผ่อน และได้ใช้ชีวิตบ้าง
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องแนะนำ :
– รีวิว Kikazarukoi niwa Riyuu ga atte ชีวิตที่แต่งแต้มด้วยความรักและความเรียบง่าย
– 5 ซีรีส์ดังของ “ซากาอิ มาซาโตะ” ไว้ดูรอ Hanzawa Naoki ภาค 2
– รีวิว Legal V ทนายไม่มีใบอนุญาต ขอเรียกความยุติธรรมให้ผู้คน
– 5 ซีรีส์วัยเรียนชื่อดังในวันวาน ที่ตอนนี้นักแสดงโตเป็นหนุ่ม-สาวแล้ว
– ย้อนรอย Kekkon Dekinai Otoko หนุ่มโสดสนิท ชีวิตนี้ขอไม่แต่งงาน
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
– https://asianwiki.com/
– https://www.cinemacafe.net/
– https://trendnews.yahoo.co.jp/
– https://idleminds.tumblr.com/
– https://mantan-web.jp/
– https://portalfield.com/
#3 ซีรีส์ญี่ปุ่นแนว Work Life Balance ที่ชวนให้อนุญาตตัวเองพักผ่อนบ้าง