เคล็ดลับการจัดบ้านแบบฉบับคนญี่ปุ่น วันนี้อยากมาเชิญชวนผู้อ่าน marumura นำเวลาว่างวันละนิดวันละหน่อยมาลองจัดบ้านให้เป็นระเบียบและทำให้เป็นที่ๆ อยู่แล้วสบายใจมากยิ่งขึ้นค่ะ
ถึงแม้ว่าในหนึ่งวันบางคนอาจจะอยู่บ้านน้อยกว่าอยู่ที่ทำงานก็ตาม แต่เชื่อว่าบ้านถือเป็นสถานที่ที่อยู่แล้วรู้สึกสบายใจที่สุด
วันนี้เลยอยากมาเชิญชวนผู้อ่าน marumura นำเวลาว่างวันละนิดวันละหน่อยมาลองจัดบ้านให้เป็นระเบียบและทำให้เป็นที่ๆ อยู่แล้วสบายใจมากยิ่งขึ้นค่ะ แค่คิดก็อาจจะรู้สึกเหนื่อยแล้ว แต่บางคนถึงกับบอกว่าจัดบ้านครั้งเดียวชีวิตเปลี่ยนก็มีนะคะ ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ค่ะ
ช่วงที่ผ่านมาอยู่บ้านช็อปของออนไลน์กระหน่ำ แต่มารู้ตัวอีกทีไม่มีที่เก็บแล้ว จัดบ้านไปสักพักก็กลับมารกเหมือนเดิม ซึ่งเป็นปัญหายอดฮิตที่ทำให้การจัดบ้านมักจะล้มเหลวอยู่บ่อยๆ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยติดแหง็กอยู่กับการจัดข้าวของกองโตอยู่เป็นเวลานาน และไม่ว่าจะจัดเท่าไรก็ดูเหมือนจะรกกว่าเดิม วันนี้เราไปดูพร้อมกันค่ะว่าชาวญี่ปุ่นมีเคล็ดลับอะไรบ้าง
ข้อดีของการจัดบ้าน
บางคนอาจจะมองว่าการทำความสะอาดบ้านกับการจัดบ้านเป็นสิ่งเดียวกัน แต่จริงๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้นค่ะ การทำความสะอาดบ้านคือการขจัดสิ่งสกปรก แต่การจัดบ้านเป็นการสร้างพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านนั่นเองค่ะ ซึ่งการจัดบ้าน นอกจากจะทำให้บ้านดูสะอาดแล้วมีข้อดีอะไรบ้างเราไปดูกันทีละข้อเลยค่ะ
1. ไม่เสียเวลากับการทำความสะอาดและหาของ : เราจะใช้เวลาไม่นานในการทำความสะอาดห้องที่ถูกจัดเป็นระเบียบ แถมเก็บไว้เป็นระเบียบทำให้หาของได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
2. รู้สึกสบายใจ : การอยู่ห้องรกๆ นอกจากจะทำให้เราอึดอัดแล้ว ก็เป็นการกดดันตัวเองทางอ้อมว่า เดี๋ยวจะต้องหาเวลาเก็บห้อง ซึ่งถ้าอยู่ห้องที่เป็นระเบียบจะรู้สึกสบายใจมากกว่า
3. จะใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองลดลง : การที่เราจัดบ้าน จะทำให้เรารู้ว่าซื้ออะไรมาแล้ว อะไรจำเป็น อะไรไม่จำเป็น เป็นการป้องกันซื้อของซ้ำหรือของที่ไม่จำเป็นได้เป็นอย่างดี
เคล็ดลับในการเก็บบ้านและทำให้บ้านไม่รก
สิ่งที่สำคัญในการจัดบ้านคือการที่รู้ปริมาณและตำแหน่งของของที่เรามี
1. การกำหนดตำแหน่งในการวางของ : เมื่อนำของอะไรออกมาใช้ ให้เก็บเข้าที่ทุกครั้ง ซึ่งกฎข้อนี้จะทำให้ห้องไม่รกง่ายๆ ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องระบุตำแน่งในการเก็บของแต่ละชิ้นอย่างชัดเจน
2. การทบทวนสถานที่เก็บของอีกครั้ง : เราไม่ควรที่จะซื้อกล่องมาใส่ของเพิ่มเพราะจะยิ่งทำให้มีของไม่จำเป็นเพิ่มขึ้น แต่เราควรจะทบทวนอีกครั้งว่าของอะไรที่จำเป็นและไม่จำเป็น เคล็บลับหนึ่งคือการที่เราไม่วางของบนพื้น เพราะนั่นจะเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ห้องรกง่ายขึ้น แนะนำให้ซื้อที่แขวนมาแขวนจะดีกว่า
3. ไม่คิดที่จะลงมือทำในครั้งเดียว ค่อยๆ หาเวลาวันละนิดแล้วเก็บไปทีละส่วนๆ เช่นวันนี้เก็บเสื้อผ้า วันนี้เก็บโต๊ะเครื่องสำอาง
5 ขั้นตอนในการจัดห้อง
ขั้นที่ 1 สร้างแรงจูงใจ
หากเราไม่มีแรงจูงใจอะไรเลยว่า อยากอยู่บ้านที่ไม่รก ดูสะอาดสะอ้าน ก็จะทำให้ใจเราไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไร ดังนั้นเราจะต้องหาแรงจูงใจก่อน ถึงจะนึกแรงจูงใจอะไรไม่ออก อย่างน้อยก็ต้องนึกซะว่าถึงเวลาต้องจัดบ้านแล้ว ซึ่งการจัดบ้านเมื่อเริ่มจัดจะทำให้มีแรงขับเคลื่อนให้อยากจัดต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเราถ่ายรูป Before-After เอาไว้ดู ก็จะยิ่งเป็นแรงจูงใจให้ทำต่อไปเรื่อยๆ
ขั้นที่ 2 ให้ทิ้งของที่ไม่ใช้
ให้เตรียมถุงขยะมาแล้วแยกของที่ไม่ได้ใช้ทิ้งไป หากมีของชิ้นไหนที่ยังลังเลให้ใส่ลงไปในกล่องแยกต่างหาก และพยายามรวมของประเภทเดียวกันไว้ใกล้กัน หากเป็นเสื้อผ้า ถ้าไม่ได้ใส่มาเป็นปีๆ ก็แสดงว่าเราไม่ได้ต้องการมันแล้วก็ควรทิ้งจะทิ้งไปเสียดีกว่า
ขั้นที่ 3 เริ่มจากสิ่งเล็กๆ
หากไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี แนะนำให้เริ่มเก็บจากจุดเล็กๆ ก่อน เช่น ของในลิ้นชัก ซึ่งการที่เราค่อยๆ ทำจากของเล็กๆ พอใช้เวลาไม่นานก็จะเป็นแรงจูงใจให้อยากเก็บบ้านส่วนอื่นต่อไปเรื่อยๆ
ขั้นที่ 4 กำหนดจุดที่จะวางของ
เมื่อเรากำหนดพื้นที่ในการจัดเก็บแล้ว ก็ลงมือเก็บของโดยแบ่งหมวดหมู่ เช่น จานชามเก็บเข้าตู้ หนังสือเก็บเข้าชั้นวาง เสื้อผ้าเก็บเข้าตู้และลิ้นชักเป็นต้น ซึ่งบางท่านอาจคิดว่าเป็นคอมมอนเซนส์ แต่บ้านที่รกคือของจะวางกระจัดกระจายจริงๆ
ขั้นที่ 5 รักษาสภาพให้สะอาดอยู่เสมอ
เมื่อเราจัดเก็บแล้วก็พยายามที่จะรักษาสภาพนั้นไว้ให้คงอยู่แบบนั้น หากมีของใหม่เพิ่มมาและไม่มีพื้นที่จัดเก็บ ก็ให้พิจารณาของและสถานที่จัดเก็บอีกครั้งหนึ่ง
หลักในการจัดบ้าน
เสื้อผ้า
1. ให้แยกของที่ใส่บ่อยและไม่ค่อยได้ใส่
2. สำหรับเสื้อผ้าที่ไม่ใส่ ให้ลองแยกของที่ไม่ชอบแล้วกับยังชอบดีไซน์อยู่
3. พอเลือกเสื้อที่จะไม่ใส่ได้แล้ว ก็นำไปทิ้ง บริจาคหรือขายต่อ ซึ่งห้ามคิดว่าจะเอาไว้ใส่อยู่บ้าน เพราะพอถึงเวลาจะไม่ได้ใส่แน่นอน
หนังสือ
1. ให้รวบรวมหนังสือทั้งหมดไว้ในที่เดียวกัน
2. จากนั้นให้เลือกหนังสือหรือซีรีส์ที่ชอบวางเรียงเข้าชั้นวางหนังสือ
3. ส่วนหนังสือที่คิดว่าสักวันจะอ่านให้ทิ้งไปเพราะไม่มีวันจะอ่าน
ของจิปาถะ
จะเลือกจัดเก็บโดยขึ้นกับความถี่ในการใช้
1. ของที่ใช้บ่อยๆให้วางไว้ที่สามารถหยิบจับได้ง่าย ส่วนของที่ไม่ค่อยได้ใช้ให้เก็บลงกล่อง
2. สำหรับของแถม ของที่คิดว่าสักวันจะใช้ ให้เลือกทิ้งไปเพราะคุณจะไม่มีวันที่ใช้มัน
ของที่มีคุณค่าทางใจ
เชื่อว่าของที่มีคุณค่าทางใจทิ้งไม่ลงมีมากมาย เช่น รูปที่ลูกวาด ของที่ระลึกที่ซื้อตอนไปเที่ยว มีวิธีหนึ่งคือการที่เราถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ซึ่งหากถ่ายรูปแล้วรู้สึกพอใจก็ให้ตัดใจทิ้งสิ่งนั้นๆ ไป
วิธีแยกแยะว่าจะทิ้งหรือไม่ทิ้ง
การทิ้งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดเก็บบ้าน ยิ่งคุณตัดใจทิ้งง่ายเท่าไหร่ ก็จะยิ่งจัดบ้านง่ายยิ่งขึ้น
1. เตรียมใจกับของที่จะทิ้ง
สำหรับคนที่จัดบ้านไม่เก่งส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่เสียดายของ ไม่อยากจะทิ้งอะไร ดังนั้นเราควรที่จะทำใจและเตรียมใจสำหรับของที่จะทิ้ง จะทำให้ทำใจได้ง่าย
2. เก็บของที่รักมากเอาไว้
โดยทั่วไปแล้ว หากเป็นของที่ไม่ได้ใช้จะแนะนำให้ทิ้งไป แต่ถ้าเป็นของที่รู้สึกชอบมาก รักมาก ก็สามารถเก็บเอาไว้ได้
3. จงทิ้งของที่ลังเล
แต่คนเรามักจะลังเลบ่อย ดังนั้นสิ่งของชิ้นไหนที่ลังเลให้รู้เอาไว้ว่าเป็นของที่พอคุณเก็บไว้ก็จะไม่ได้นำมาใช้ ให้เลือกทิ้งไปเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า
แนวคิดการจัดเก็บที่ชาญฉลาด
นั่นคือการกำหนดพื้นที่เก็บให้กับสิ่งของแต่ละชิ้นอย่างชัดเจน เมื่อเรากำหนดเรียบร้อยแล้ว ก็ให้จัดเก็บเข้าที่เดิมตลอด หากต้องการซื้อพื้นที่ในการจัดเก็บเพิ่มให้ลองดูเป็นกรณีไป เพราะการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ นอกจากจะต้องเสียเวลาจัดของแล้ว จำนวนของก็จะเพิ่มขึ้นอีกค่ะ ดังนั้นของชิ้นไหนที่ใช้บ่อยๆให้วางไว้บริเวณที่หยิบจับได้ง่าย
ส่วนของที่ไม่ค่อยได้ใช้ นอกจากจะเก็บในที่ๆ ลับตาแล้วก็ให้จดหรือจำเอาไว้กันลืมด้วยค่ะ ส่วนพื้นที่จัดเก็บ ไม่ควรจะเก็บของจนแน่นเอียด แต่ควรมีความยืดหยุ่นของสเปซด้วยค่ะ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หากคิดไม่ตกว่าจะจัดเก็บบ้านยังไง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็อาจเป็นอีกทางออกหนึ่ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจะให้คำปรึกษาว่าห้องหรือบ้านลักษณะนี้จะต้องจัดเก็บอย่างไรไปตามกรณีนั้นๆ ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าที่ไทยมีหรือเปล่านะคะ หากไม่มีให้ลองทำตามคำแนะนำข้างต้นไปก่อนได้ค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการแนะนำวิธีจัดบ้านของญี่ปุ่น ซึ่งการที่เราลงมือจัดบ้านแล้ว นอกจากตัวบ้านจะสะอาดขึ้น ก็จะทำให้จิตใจของเราโล่งอกไปด้วยค่ะ ลองนำคำแนะนำต่างๆ ด้านบนไปปรับใช้ดูในแบบฉบับของตัวเองนะคะ สู้ๆค่ะ
ทักทายพูดคุยกับ NOZOMI ได้ที่ www.facebook.com/japansimplelife
เรื่องแนะนำ :
– Furusatokan หัวใจบริการบนเขาหิมะแห่งดวงดาว
– ขยะล้นโลก แล้วญี่ปุ่นจัดการยังไง
– 9 สูตรอาหารญี่ปุ่นทำทานเองที่บ้านง่ายๆ
– สถานีริมทางหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น Michi no Eki Hota Shougakkou
– Cafe & Glass Studio KAIYUUGYO คาเฟ่บ้านดินความฝันของนักเป่าแก้ว
#เคล็ดลับการจัดบ้านแบบฉบับคนญี่ปุ่น