ความเป็นตัวละครญี่ปุ่น … ได้ลาจอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับละครไทยเรื่อง “เพลิงบุญ” ด้วยความอิน สัปดาห์นี้ เลยขอยกบทความนี้เขียนถึง “ใจเริง” ตัวละครที่เข้าถึงใจเรามากที่สุดตั้งแต่ดูเรื่องนี้มา แม้สัปดาห์นี้จะไม่ได้มาเม้าท์มอยถึงละครญี่ปุ่น แต่เพลิงบุญเวอร์ชั่น 2017 ก็ยังมีจุดที่น่าสนใจ และมีความเชื่อมโยงถึงตัวละครแบบญี่ปุ่นอยู่ค่ะ
ได้ลาจอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับละครไทยเรื่อง “เพลิงบุญ” ด้วยความอิน สัปดาห์นี้ เลยขอยกบทความนี้เขียนถึง “ใจเริง” ตัวละครที่เข้าถึงใจเรามากที่สุดตั้งแต่ดูเรื่องนี้มา แม้สัปดาห์นี้จะไม่ได้มาเม้าท์มอยถึงละครญี่ปุ่น แต่เพลิงบุญเวอร์ชั่น 2017 ก็ยังมีจุดที่น่าสนใจ และมีความเชื่อมโยงถึงตัวละครแบบญี่ปุ่นอยู่ค่ะ
ป.ล. สิ่งที่เขียนต่อไปนี้ในไม่ได้หมายถึงว่าเหมือนคนญี่ปุ่นนะคะ แต่เปรียบเทียบกับตัวละครญี่ปุ่นค่ะ
ความเป็นตัวละครญี่ปุ่นของใจเริง
1. เป็นคนฉลาด มีแผนสูง
คุณลักษณะหนึ่งของใจเริงที่ค่อนข้างตรงกับตัวละครในญี่ปุ่นก็คือ เป็นคนที่ฉลาดคะ สังเกตได้ว่า ตั้งแต่เด็กจนโตนางเล่นแผนสูง แบบมีชั้นเชิงตลอด ไม่ใช่เป็นนางร้ายประเภทจิกกัด ตบแหลกอย่างเดียว แต่มีการใช้แผนที่ซับซ้อน จะว่าพิมโง่ก็ไม่ได้หรอกนะคะ เพราะบางสถานการณ์ก็จับไม่ได้คาหนังคาเขา และบางสถานการณ์ก็ยากที่จะปฏิเสธ อย่างเช่น สมัยเด็กๆ ที่ใจเริงเป็นคนที่คอยรังแกพิมอย่างลับๆ แต่ก็ทำร้ายเพื่อนในแบบที่ไม่ให้ใครจับได้ว่าเป็นฝีมือตัวเอง แม้น้องสาวของพิมจะเตือน แต่พิมก็หาหลักฐานมากล่าวหาเพื่อนจังๆ ไม่ได้ จนมาถึงตอนโต ที่เริงแย่งพี่ฤกษ์มา ก็ไม่ใช้การตบตีแย่งชิง อาจจะพูดได้ว่า ใจเริงไม่เคยใช้กำลังกับเพื่อนเลย แต่เป็นการทำร้ายทางจิตใจ ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าการตบตีเสียอีก นางมีการวางแผน พยายามล่อให้ฤกษ์ได้เสียกับตน และปล่อยให้ท้อง พอเป็นแบบนี้ พิมาลาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยกพี่ฤกษ์มาให้ฉัน ส่วนฤกษ์ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากมารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
2. เป็นตัวละครที่เดาใจไม่ได้
ส่วนใหญ่แล้ว ละครไทยมักจะทำออกมาแบบว่า จะเผยสิ่งในใจของตัวละครให้คนดูรู้ แต่ตัวละครด้วยกันเองจะไม่รู้ ดูแวบเดียวก็รู้เลยว่านางมาไม่ดีแน่นอน แต่ตอนใกล้จบเรื่อง ใจเริงได้พลิกคาแร็กเตอร์มาชนิดที่ว่า คนดูก็เดาใจไม่ถูกว่า ท่ามกลางแววตาอันเจ็บปวด เธอกำลังคิดแผนอะไรอยู่ เธอเอาบัตรเครดิตไปรูดซื้อของแบรนด์เนม ของแพงๆ เพื่อตอบสนองความอยากได้ อยากมีของเธอเองเหรอ?
และคนดูก็ถึงบางอ้อว่า… แท้จริงแล้ว เธอไม่ได้ซื้อของพวกนั้นเพื่อตัวเอง แต่เธอมองการณ์ไกลยิ่งกว่านั้น ของทั้งหมด ก็คือทรัพย์สมบัติที่เธอตั้งใจจะให้ลูก หลังจากที่เธอหมดลมหายใจ
ซึ่งตัวละครญี่ปุ่นส่วนใหญ่เอง คนดูก็มักจะเดาใจไม่ได้ค่ะ ว่าคิดอะไร มารู้อีกทีก็ตอนใกล้จบ และมักจะเป็นการกระทำที่สะเทือนใจ คาดไม่ถึง อย่างเช่นเรื่อง Watashi no Hanasanai de เพื่อนนางเอก ที่แย่งแฟนนางเอกมาเหมือนกันเนี่ย ทำไม่ดีกับนางเอกมาเยอะมาก แต่ผลสุดท้าย ละครก็ได้เฉลยออกมาว่า ทุกอย่างที่นางทำ เพราะนางรักนางเอก ไม่อยากให้เพื่อนทิ้งตัวเองแล้วไปรักผู้ชายมากกว่าตัวเอง
3. มีความดาร์คพอๆ กับตัวละครญี่ปุ่น
ในความน่าหมั่นไส้ ก็มีความน่าสงสารจับใจในตอนท้าย สงสัยไหมคะว่า ทำไมเขาถึงเลือกให้ตัวละครอย่างใจเริงตาย หรือเป็นวิธีการจำกัดตัวละครให้ตายๆ ไป ตัวละครอื่นๆ จะได้มีความสุข? ตรงนี้มันแอบกวนใจเรานิดๆ ค่ะ และรู้สึกว่า อีกแล้วเหรอ กับการที่ให้ตัวโกงต้องตาย แต่สำหรับใจเริง เวอรชั่น 2017 ต้องคิดใหม่ค่ะ เพราะคนเขียนบทได้ปูทางมาเรื่อยๆ จนทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมใจเริงถึงเลือกที่จะจบชีวิต เพราะใจเริงอยู่ในสถานการณ์ที่หาทางออกในชีวิตไม่เจอ กลับไปหาลูกก็ไม่ได้ จะกลับไปหาเพื่อนรักอย่างพิมยิ่งไม่ได้อีก เพราะทำกับเขามาเยอะ เริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ยากเกินไป เพราะทั้งชีวิตไม่เคยทำงาน ไม่เคยพึ่งตัวเอง ส่วนจะทนอยู่กับเจ้าปีเตอร์ เห็นทีจะไม่ไหวแน่ๆ เลยตัดสินใจตามที่เคยพูดไว้กับพิมไว้ประมาณว่า
“ฉันจะเดินต่อไปจนกว่าจะหมดหนทาง”
และนี่คงจะหมดหนทางชีวิตของเธอแล้ว เดินมาไกลจนสุดทาง และยากจะเดินย้อนกลับคืนไป…
ซึ่งในละครญี่ปุ่นเอง แม้จะได้ยินบทสนทนายอดฮิตว่า “กัมบัตเตะ” ที่แปลว่า “พยายามเข้านะ” แต่ก็มีตัวละครหลายเรื่องที่เลือกจบชีวิตตัวเอง เมื่อไม่เห็นหนทางที่จะมีชีวิตต่อ หรือชีวิตที่เป็นอยู่มันยากเกินกว่าจะรับมือ ใจเริง เป็นตัวละครไทยที่มีความดาร์กพอตัว ต้องเจอกับอะไรที่โหดร้าย และตั้งใจที่จะจบชีวิตตัวเองแบบไม่ลังเล เห็นได้จากตอนที่นางเขียนพินัยกรรมทิ้งไว้ และตอนเดินเข้าไปรับกระสุน ในเวอร์ชั่นนี้ ใจเริงไม่ได้ตายเพราะถูกใครฆ่า แต่นางทำตัวของนางเอง (แต่คนดูอย่าลอกเลียนแบบนะคะ ไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน ต้องมีชีวิตต่อไปให้ได้ค่ะ)
4. ตัวละครมีมิติ ไม่ใช่คนที่ดีที่สุด และไม่ใช่คนที่ร้ายที่สุด
นี่คือลักษณะโดดเด่นของใจเริง ปี 2017 เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะใจเริงแม้จะได้บทเป็นนางร้าย แต่เธอก็ไม่ได้ร้ายลูกเดียว แต่ยังมีจิตสำนึกผิดชอบชั่วดี (แม้จะรู้สึกช้าไปนิดก็เถอะ) แม้ใจเริงจะทำเรื่องไม่ดีมากมาย ทั้งแย่งแฟนเพื่อน ทำร้ายคนรอบข้าง แต่ท้ายที่สุด เธอก็เริ่มมีจิตสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป และ “โจ” ลูกชายของเธอ ก็เป็นคนที่ทำให้เธอได้เรียนรู้การรู้จัก “ให้” ทั้งๆ ที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิต ใจเริงคอยจะแย่งแต่ของของคนอื่นตลอด มันทำให้เห็นตัวละคร “ใจเริง” มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น ที่มีทั้งดีและร้ายในตัวเอง เป็นละครสีเทาๆ ที่เหมือนกับมนุษย์อย่างเราๆ เนี่ยแหละ ที่ยากจะบอกได้ว่า ตัวเราเองเป็นคนดีจริงๆ แบบไม่ทำผิดอะไรเลย
ในละครเรื่องนี้เราจะเห็นพัฒนาการต่างๆ มากมาย ไม่ใช่แค่ตัวละครใจเริง แต่รวมถึงการดำเนินเรื่อง ที่มีการนำเอาฉากพีคสุดๆ มาฉายก่อนในตอนแรก แล้วค่อยเล่าย้อนกลับไป หรือการดำเนินเรื่องอย่างกระชับ ชวนให้น่าติดตามตลอด
พัฒนาการที่เห็นยิ่งกว่านั้นคือ เราไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า “เพลิงบุญ” เป็นละครแนว “ผัวๆ เมียๆ” อีกแล้ว เพราะตอนจบแสดงให้เห็นถึงแก่นเรื่องให้เห็นอย่างชัดเจนอีกครั้งว่า จุดเด่นของละครเรื่องนี้ คือ ตัวละครหญิงของเรื่อง อย่างพิมาลาและใจเริง รวมถึงเรื่องราวมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
ถือว่าเป็นละครไทยที่หยิบเอาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่คนไทยคุ้นชิน มาพลิกแพลงให้เห็นอีกมุมหนึ่งของชีวิตมนุษย์ที่เท่าทันกับสภาพสังคมในปัจจุบันค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– 5 เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดในซีรีส์ญี่ปุ่น ที่แฟนละครลืมไม่ลง
– Peach Girl จะเลือกใครระหว่างคนที่เรารัก หรือคนที่รักเรา?
– พระเอกไม่หล่อ แล้วคนดูอะไรในละครญี่ปุ่น
– ย้อนรอยซีรีส์ CHANGE นายกมือใหม่ หัวใจประชาชน
– ตัวละครญี่ปุ่นชอบเรียกชื่อจริงกันหรือเปล่า!?
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
– ละครเรื่องเพลิงบุญ
– สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3