10 สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีในกรุงโตเกียว …บอกเลยว่าทั้งไฮไลท์และเอกลักษณ์ประจำแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดงามที่สามารถชมได้ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป มาครบ!
นี่เป็นบทความแนะนำ 10 แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดเจ๋ง ห้ามพลาดเมื่อได้มาเที่ยวโตเกียว บอกเลยว่าทั้งไฮไลท์และเอกลักษณ์ประจำแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดงามที่สามารถชมได้ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป มาครบ!
ประเทศญี่ปุ่นมีฤดูกาลทั้งหมด 4 ฤดูกาล โดยแต่ละฤดูกาลก็มีทัศนียภาพอันเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ประกอบด้วยหิมะในฤดูหนาว ซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ไฟในฤดูร้อน และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง
ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สามารถเพลิดเพลินได้ในโตเกียวถึง 10 แห่ง มาติดตามกันเลย…
1. สวนเมจิจิงงูไกเอ็น (Meijijingu Gaien) แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีขึ้นชื่อที่สุดในโตเกียว
“สวนเมจิจิงงูไกเอ็น (Meijijingu Gaien)” ซึ่งมักถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครทีวีแห่งนี้เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีของต้นแปะก๊วยเรียงรายกันทั้ง 2 ข้างทางเลียบถนนยาว 300 เมตรจากถนนอาโอยามะมาจนถึงสวนเมจิจิงงูไกเอ็น
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม เราจะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทองสะท้อนแสงอาทิตย์ราวกับเป็นอุโมงค์ส่องสว่างสวยงามมากค่ะ
ภายใน งานเทศกาลถนนต้นแปะก๊วยจิงงูไกเอ็น (Jingu Gaien Ginkgo Trees Avenue Festival) ที่เปิดตั้งแต่ 10.00 – 20.00 น. จัดขึ้นประมาณวันที่ 15 พฤศจิกายน – ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม เราจะได้เพลิดเพลินกับการตระเวนทานของขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นต่างๆ ของญี่ปุ่น รวมถึงการแสดงสดของเหล่านักแสดงเปิดหมวกอีกด้วย
ในปี 2017 นี้มีกำหนดการจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 พฤศจิกายน (วันศุกร์) – 3 ธันวาคม
นอกจากนี้ การไลท์อัพ หอจัดแสดงภาพวาดแห่งความทรงจำในยุคเมจิ (Meiji Memorial Picture Gallery) และหมู่มวลต้นแปะก๊วยที่สะท้อนแสงไฟข้างทางเป็นอะไรที่งดงามและได้รับความนิยมสุดๆ
2. สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีภายในสวนสไตล์ญี่ปุ่น-ยุโรป
“สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen)” เป็นสวนสาธารณะที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยคฤหาสน์ของตระกูลไนโตซึ่งเป็นไดเมียว (ผู้ครองแคว้น) ในสมัยเอโดะ ให้ได้ชมกันอยู่ในปัจจุบัน ที่นี่กลายเป็นสวนของพระราชวงศ์ในปี 1908 และเริ่มเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ภายในสวนสาธารณะแสนกว้างใหญ่กว่า 58.3 เฮกเตอร์แห่งนี้เป็นที่ตั้งของสวนสไตล์ญี่ปุ่น-ยุโรปมากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นสวนสไตล์ฝรั่งเศส สวนสไตล์อังกฤษ และสวนสไตล์ญี่ปุ่น
ส่วนใบไม้เปลี่ยนสีภายในสวนจะเป็นต้นด๊อกวู้ด ต้นทิวลิป ต้นมะเดื่อ ต้นซากุระ ต้นเมเปิ้ล และต้นแปะก๊วย ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการชมใบเปลี่ยนสีประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม (ต้นด้อกวู้ด : กลาง – ปลายเดือนตุลาคม)
ที่นี่ไม่มีการไลท์อัพเหมือนแห่งอื่นๆ โดยมีข้อควรระวังอยู่นิดนึงตรงที่สวนปิดทำการเวลา 16.30 น. (เปิดให้เข้าได้ถึงเวลา 16.00 น.) และมีค่าเข้าชม 200 เยน (ตั้งแต่เด็กมัธยมต้นลงไป 50 เยน) นะจ๊ะ
3. สวนโยโยงิ (Yoyogi Park) ชมใบไม้เปลี่ยนสีพลางเพลิดเพลินกับการปิคนิค
“สวนโยโยงิ (Yoyogi Park)” หลังจากถูกใช้เป็นหมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิกตอนช่วงจัดงานกีฬาโอลิมปิกโตเกียวเมื่อปี 1964 ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่และเริ่มเปิดให้เข้าชมเป็นสวนสาธารณะในปี 1967
ภายในพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 54 เฮกเตอร์แห่งนี้ประกอบด้วยต้นไม้กว่า 1,300 ต้น โดยมีต้นใบไม้เปลี่ยนสีกว่า 6 สายพันธุ์ เช่น ต้นเคยากิ 1,000 ต้น ต้นแปะก๊วย 200 ต้น และต้นเมเปิ้ล 100 ต้น จึงนับเป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีชั้นแนวหน้าในโตเกียวเลยก็ว่าได้
ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม เมื่อเข้าสู่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะมีผู้คนแวะมาปั่นจักรยาน ปิคนิค และซ้อมดนตรี แถมยังมีการจัดตลาดฟรีมาร์เก็ตและงานอีเว้นท์มากมายอีกด้วย ทำให้ภายในสวนคึกคักไปด้วยผู้คนเพียบเลยล่ะค่ะ เพื่อนๆลองมาปูเสื่อปิคนิคและดื่มด่ำกับอาฟเตอร์นูนทีชิลล์ๆพลางชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่กันดูมั้ยเอ่ย?
4. สวนริคุงิเอ็น (Rikugi-en) สวนญี่ปุ่นต้นตำรับในดวงใจของโชกุน
อุตส่าห์เดินทางมาเที่ยวถึงประเทศญี่ปุ่นทั้งทีก็อยากเดินเล่นในสวนญี่ปุ่นของแท้กันดูบ้าง สำหรับใครที่ชอบสไตล์นี้ก็ขอแนะนำให้มาเที่ยว “สวนริคุงิเอ็น (Rikugi-en)” แห่งนี้เลยค่ะ
สวนริคุงิเอ็นเป็นสวนสไตล์ไคยูชิกิสึกิยามะเซ็นซุยเทเอ็น (※1) ที่สร้างเสร็จเมื่อปี 1702 โดยมีการสร้างเนินเขาจำลอง รวมถึงขุดสระและผันน้ำเข้ามาภายในพื้นที่ราบกว้าง 8.9 เฮกเตอร์
หลังจากที่สวนสาธารณะแห่งนี้สร้างเสร็จก็มีการบันทึกไว้ว่า โชกุน “โทกุกาวะ ทสึนาโยชิ” แวะเข้ามาชมในสมัยนั้นถึง 58 ครั้งเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นสวนสมบูรณ์แบบที่โชกุนรับประกันเลยทีเดียว
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมใบไม้เปลี่ยนสีประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม เราสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้จากต้นไม้กว่า 600 ต้น เช่น ต้นอิโรฮะคาเอเดะ 450 ต้น ต้นเมเปิ้ล และต้นแปะก๊วย แถมในตอนกลางคืนก็ยังมีการไลท์อัพให้เราได้เพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสียามค่ำคืนได้ด้วย
※1…ไคยูชิกิสึกิยามะเซ็นซุยเทเอ็น : สวนสไตล์ญี่ปุ่นสำหรับเดินชมวิว ภายในสวนจะมีการทำทางเดินรอบบ่อน้ำขนาดใหญ่ และจำลองทัศนียภาพอันงดงาม เช่น เกาะเล็ก ๆ กลางบ่อน้ำ สะพาน และหิน เป็นต้น
5. สวนฮามาริคิว (Hamarikyu Gardens) สวนญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกสูงทันสมัย

“สวนฮามาริคิว (Hamarikyu Gardens)” หรือ ฮามะริคิว องชิเทเอน (Hamarikyu Onshiteien) แห่งนี้เป็นสวนญี่ปุ่นสุดแปลกที่เหมือนอยู่ๆ ก็โผล่มาท่ามกลางตึกสำนักงานมากมายในโตเกียว บนเกาะกลางน้ำที่เชื่อมต่อกันด้วยสะพาน 2 แห่งเป็นที่ตั้งของโรงน้ำชาให้เราสามารถเพลิดเพลินกับขนมญี่ปุ่นและชาเขียวได้อย่างชิลล์ ๆ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมใบไม่เปลี่ยนสีประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ใบไม้เปลี่ยนสีจากหมู่มวลต้นไม้มากมายไม่ว่าจะเป็นต้นเมเปิ้ลและต้นเมเปิ้ลญี่ปุ่นบริเวณบ่อน้ำผันจากทะเลด้านนอก
นอกจากนี้ แถวนั้นก็ยังเป็นที่ตั้งของ “ทสึคิชิมะ (Tsukishima)” แหล่งขึ้นชื่อเรื่อง มนจายากิ ด้วยนะ แบบนี้เพื่อนๆ ต้องลองแวะไปเที่ยวหลังชมใบไม้เปลี่ยนสีจบกันแล้วล่ะค่ะ
6. “Koishikawa-Kōrakuen (สวนโคอิชิคาวะ-โคราขุเอ็น)” สวนที่สามารถดื่มด่ำกับทัศนียภาพสุดงามของบ่อน้ำและใบไม้เปลี่ยนสีได้
สวนโคอิชิคาวะ โคราขุเอ็นซึ่งมีไฮไลท์บึงน้ำกลางสวนแห่งนี้มีต้นไม้ที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างต้นเมเปิ้ลญี่ปุ่น ต้นฮาเสะ ต้นเคยากิ และต้นแปะก๊วยมากมายเลยทีเดียว โดยต้นไม้เหล่านี้ช่วยสรรสร้างให้เกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามท่ามกลางสวนญี่ปุ่น ช่วงเวลาที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม บอกเลยว่าป่าใบไม้เปลี่ยนสีและบริเวณสะพานซือเท็นเป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว
7. สวนอิโนะคาชิระ (Inokashira Park) สวนสำหรับดื่มด่ำกับใบไม้เปลี่ยนสีหลากหลายวิธี
ภายในสวนอิโนะคาชิระ (Inokashira Park) แห่งนี้เป็นที่ตั้งของไฮไลท์มากมายไม่ว่าจะเป็นสระน้ำอิโนะคาชิระกลางสวน เส้นทางเดินเล่นกินลมชมวิว สวนธรรมชาติและวัฒนธรรมอิโนะคาชิระ และ พิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum)
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมใบไม้เปลี่ยนสีประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน – กลางเดือนธันวาคม ไม่ว่าจะเดินเล่นชมวิวรอบบ่อน้ำหรือจะนั่งชมวิวบนม้านั่งเงียบๆ ก็สุดยอดไม่แพ้กัน โดยเราจะได้ชมทัศนียภาพสไตล์ฤดูใบไม้ร่วงจากทั้งต้นซากุระ ต้นแปะก๊วย ต้นเคยากิ และต้นเมเปิ้ลอีกกว่า 600 ต้น
8. “สวนสาธารณะโชวะคิเน็น (Showa Commemorative National Government Park)”
สวนสาธารณะโชวะคิเน็น (Showa Commemorative National Government Park) หรือสวน โคคุเอโชวะคิเน็นโคเอน (Kokuei Showa Kinen Koen) เป็นสวนสาธารณะที่กว้างใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วยพื้นที่กว่า 180 เฮกเตอร์แห่งนี้ได้รับความนิยมเรื่อง กิจกรรมชมใบไม้เปลี่ยนสีจากต้นแปะก๊วยระหว่างช่วงกลาง – ปลายเดือนพฤศจิกายน เป็นอย่างมาก
โดยมีไฮไลท์เป็นถนนเส้นตรงยาวชื่อว่า “คาแนล” เลียบสองฟากฝั่งของถนนเส้นนี้เรียงรายไปด้วยต้นแปะก๊วยทอดยาวมาจากลานกว้างเป็นระยะทางกว่า 200 เมตร
บอกเลยว่าเราสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกไม้ภายในสวนโชวะคิเน็นได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
9. ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao) แหล่งปีนเขาพลางชมใบไม้เปลี่ยนสี

ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao) แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากชินจุกุประมาณนั่งรถไฟ 1 ชั่วโมง โดยมีเส้นทางปีนเขาให้เลือกถึง 6 เส้นทางด้วยกันขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความยาก – ง่ายที่ต้องการ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมใบไม้เปลี่ยนสีคือเดือนพฤศจิกายน แน่นอนว่าเราสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้จากทั้งบนยอดเขาและระหว่างนั่งกระเช้าทั้งคู่เลย
แถมระหว่างวันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 2017 ยังมีการจัด “งานเทศกาลใบเมเปิ้ลภูเขาทาคาโอะ” ขึ้นด้วยนะ ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินกับงานอีเว้นท์มากมายได้อย่างจุใจไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต ตุ๊กตาไม้ญี่ปุ่น และร้านจำหน่ายสาเกญี่ปุ่น
10. เดินเล่นกินลมชมวิวที่ “ช่องแคบมิตาเกะ (Mitake Gorge)” ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี

ช่องแคบมิตาเกะ (Mitake Gorge) แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณต้นแม่น้ำทามะห่างจากชินจุกุประมาณนั่งรถไฟ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับเจอาร์ สายโอเมะ สถานีมิตาเกะ (JR Ome Line Mitake Station) ในช่วงกลาง – ปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่เหมาะสมกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีจากต้นเมเปิ้ลและต้นแปะก๊วยสุด ๆ
ทั้งสองฟากฝั่งแม่น้ำทามะบนหุบเขามิตาเกะมีการตัดเส้นทางเดินเล่นกินลมชมวิวยาวกว่า 4 กิโลเมตรเอาไว้ให้บริการด้วย บอกเลยว่าเหมาะกับการปีนเขาพลางชมใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างทางเป็นอย่างยิ่ง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : MATCHA http://mcha-th.com
เรื่องแนะนำ :
– ตามรอยสถานที่ถ่ายทำละคร “Gata no kuni kara” ในจังหวัดซากะ
– 5 ของฝากที่หาซื้อได้หน้าสถานีเซนได และแคมเปญสุดคุ้ม
– 24 จุดถ่ายรูปวิวภูเขาไฟฟูจิเจ๋งๆ
– เที่ยวปราสาทพร้อมรับตราประทับ “100 ปราสาทชื่อดังของญี่ปุ่น”
– 7 กิจกรรมห้ามพลาด เมื่อมาเที่ยวเมืองคุชิโระ (Kushiro) จังหวัดฮอกไกโด