พฤติกรรมการใส่น้ำหอมและเคล็ดลับสไตล์สาวญี่ปุ่น
สวัสดีค่ะ…วันนี้ขอมาเรื่องหวาน ๆ แบบผู้หญิงอย่างเรื่อง “น้ำหอม” บ้างนะคะ เรามาดูกันว่าสาวญี่ปุ่นใส่น้ำหอมกันมากน้อยแค่ไหน มีความคิดเห็นอย่างไรต่อกลิ่นของผู้อื่น และมีเคล็ดลับในการใส่น้ำหอมอย่างไรบ้าง
ประวัติเครื่องหอมและน้ำหอม
มนุษย์ใช้เครื่องหอมกันมายาวนานตั้งแต่โบราณ ทั้งเพื่อสักการะบูชาแด่เทพเจ้า เพื่อใช้ประทินผิวสำหรับผู้สูงศักดิ์ สมัยโบราณชาวกรีกนำพืชที่มีกลิ่นหอมมาแช่ในน้ำมันเพื่อทำเป็นน้ำมันหอม และชาวอาหรับสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยการกลั่นด้วยไอน้ำ ส่วนน้ำหอมแบบปัจจุบันที่เป็นน้ำมันหอมในสารละลายแอลกอฮอล์เริ่มผลิตขึ้นครั้งแรกในยุโรปในช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 16
ประวัติของเครื่องหอมและน้ำหอมในญี่ปุ่น
สำหรับญี่ปุ่นเริ่มมีการนำเครื่องหอมเข้ามาในสมัยอาสุกะ (ค.ศ. 538 – 710) ผ่านทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาจากจีน แต่ส่วนใหญ่ใช้ในการสักการะบูชาเท่านั้น จนถึงสมัยเฮอัน (ค.ศ. 794 – 1185) จึงเริ่มมีธรรมเนียมจุดเผาเครื่องหอมในห้องและใช้เครื่องหอมอบร่ำผ้าในราชสำนักและหมู่ขุนนาง หลังจากนั้นความรื่นรมย์ในกลิ่นหอมก็ส่งผ่านมาถึงชนชั้นขุนศึกด้วยพิธีโคโด (香道) หรือพิธีดมเครื่องหอมตั้งแต่สมัยมุโรมาจิ (ค.ศ. 1336 – 1573)
คนทั่วไปเริ่มมีโอกาสใช้เป็นน้ำมันใส่ผมที่มีส่วนผสมของเครื่องหอมจากไม้กฤษณาในช่วงต้นสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603 – 1868) จนกระทั่งช่วงปลายสมัยเอโดะจึงเริ่มมีการทำน้ำหอมด้วยเครื่องกลั่นจากตะวันตก และหลังที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศและมีการทำการค้ากับประเทศตะวันตกจึงเริ่มมีการนำเข้าน้ำหอมจากตะวันตก นับตั้งแต่ปี 1872 เป็นต้นมา ความต้องการน้ำหอมเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามแนวการแต่งตัวและแต่งหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นแบบตะวันตก
เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัท คิวาบิ (綺和美) ที่เป็นบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ปิดผมขาว Root Vanish ได้ทำการสำรวจผ่านทางแบบสอบถามบนเว็บไซท์ Crowdworks เกี่ยวกับพฤติกรรมการใส่น้ำหอมของกลุ่มตัวอย่างชาวญี่ปุ่นจำนวน 100 คน โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงวัย 20 – 50 ปี เป็นเพศชาย 29 คน เพศหญิง 71 คน ซึ่งมีผลการสำรวจน่าสนใจดังนี้
คนญี่ปุ่นมักไม่ใส่น้ำหอม
คำถามแรกคือ “ปกติใส่น้ำหอมหรือไม่” ผลการสำรวจพบว่า คนญี่ปุ่นไม่ค่อยใส่น้ำหอมกันเท่าไรนัก โดยกลุ่มตัวอย่างถึง 59% ตอบว่า “นาน ๆ ครั้งจึงจะใส่น้ำหอม” รองลงมาคือ “ไม่ใส่น้ำหอมเลย” 27% ซึ่งน่าสนใจตรงที่มีผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ”ปกติใช้ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอมอยู่แล้ว จึงไม่ใส่น้ำหอมเพราะกลิ่นจะตีกัน” ค่ะ
คนญี่ปุ่นนิยมฉีดน้ำหอมที่ข้อมือ
คำถามถัดมาคือ “ใส่น้ำหอมที่ตำแหน่งใด” กลุ่มตัวอย่างระบุว่า “ใส่น้ำหอมที่ข้อมือ” 43% ตามด้วย “ใส่น้ำหอมที่ข้างลำคอ” 19% ส่วนลำตัวและบนเสื้อผ้าอยู่ที่ 5% เท่า ๆ กัน
หลากหลายความคิดเห็นต่อกลิ่นของบุคคลอื่น
การใส่น้ำหอมของแต่ละคนสร้างความรู้สึกแก่บุคคลรอบข้างแตกต่างกันไป ถ้าเป็นความรู้สึกเริงรื่นก็ดีไป แต่ถ้าทำให้รำคาญใจก็คงไม่ดี ที่ญี่ปุ่นมีคำว่า “Sumehara” (スメハラ) ย่อมาจากคำว่า Smell harassment หมายถึงการทำให้ผู้อื่นรอบข้างรำคาญด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อ กลิ่นบุหรี่ หรือแม้แต่กลิ่นน้ำหอมที่ฉุนเกินไป ซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่าทำให้ผู้อื่นรำคาญ (แต่คนที่รู้ตัวแต่ไม่สนใจก็มี) ดังนั้นการใส่ใจในเรื่องกลิ่นจะช่วยให้การอยู่ร่วมกับคนอื่นเป็นไปด้วยดีค่ะ
ลองมาดูความคิดเห็นเกี่ยวกับกลิ่นน้ำหอมของบุคคลอื่นจากผู้ตอบแบบสอบถามกันนะคะ
– “เวลาคนหมู่มากมารวมกันแล้วกลิ่นน้ำหอมสารพัดจะปนเปกันจนรู้สึกไม่ดี เวลาต้องไปอยู่ในกลุ่มคนเยอะ ๆ ฉันก็จะใส่น้ำหอมแค่บาง ๆ” (เพศหญิง ช่วงวัย 50 ปี)
– “ขอเถอะ คนสูบบุหรี่อย่าใส่น้ำหอมเลย กลิ่นมันผสมกันแล้วแทบฆ่าคนได้เลยนะ” (เพศหญิง ช่วงวัย 20 ปี)
– “รู้สึกดีนะเวลาเจอคนที่ใส่น้ำหอมจาง ๆ ด้วยกลิ่นที่เหมาะกับตัวเขา” (เพศหญิง ช่วงวัย 30 ปี)
– “เวลาได้กลิ่นน้ำหอมจากคนที่เดินผ่านไปมาหรือคนที่อยู่ข้าง ๆ น่ะโอเค แต่เวลาไปกินข้าวในร้านอาหารนี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย” (เพศชาย ช่วงวัย 30 ปี)
– “หลังจากตั้งท้องก็รู้สึกไวกับกลิ่นมากขึ้นจนใส่น้ำหอมไม่ได้ ตอนนี้ก็เลยหันมารื่นรมย์กับกลิ่นหอมจากน้ำหอมปรับอากาศหรือจากเตาอโรมาแทน” (เพศหญิง ช่วงวัย 30 ปี)
เคล็ดลับการใส่น้ำหอม
จากผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า บางครั้งคนรอบข้างอาจจะไม่ได้แสดงออกให้เห็น แต่จริง ๆ แล้วเขาได้กลิ่นน้ำหอมจากคนใกล้ตัว การใส่น้ำหอมแต่พอดีจะช่วยสร้างเสริมความประทับใจ ตรงกันข้าม การใส่น้ำหอมมากเกินไปเมื่อรวมกับกลิ่นตัวที่ปกติมีอยู่แล้วอาจก่อความรำคาญใจให้บุคคลอื่นได้ ผู้รู้ชาวญี่ปุ่นจึงให้คำแนะนำในการใส่น้ำหอมที่ถูกต้องดังนี้
– ใส่น้ำหอมแต่บาง ๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไปจะเป็นการช่วยเสริมบุคลิก
– เลือกใส่น้ำหอมกลิ่นที่เหมาะกับบุคลิกจะช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ฝ่ายตรงข้าม
– ไม่ควรฉีดหรือทาน้ำหอมบนเสื้อผ้า เพราะอาจทำให้เกิดรอยด่างจากปฏิกิริยาระหว่างส่วนผสมของน้ำหอมและเนื้อผ้า
– จุดที่เหมาะกับการใส่น้ำหอมบนร่างกายที่สุดคือ บริเวณที่มีเส้นเลือดใหญ่ เช่น หลังใบหูและหลังต้นคอ เพราะเมื่ออณูน้ำหอมสัมผัสบริเวณนั้นที่อุ่นกว่าส่วนอื่นจะช่วยส่งกลิ่นหอมได้ดีขึ้น
– การถูน้ำหอมหลังจากหยดบนข้อมือจะทำให้เกิดการเสียดสีจนอณูกลิ่นหอมกระจายหายไปหมด ควรทาน้ำหอมตรงข้อมือแต่พอดีจะดีกว่า
– ถ้ารู้ตัวว่าใส่น้ำหอมมากเกินไป การอาบน้ำจะช่วยขจัดกลิ่นได้ดีที่สุด แต่หากไม่สะดวกสามารถเช็ดน้ำหอมออกด้วยแอลกอฮอล์หรือเอทานอล หรือถ้าหาไม่ได้ การเช็ดออกด้วยกระดาษทิชชู่เปียกก็ช่วยได้ในเบื้องต้น
เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับพฤติกรรมการใส่น้ำหอมและเคล็ดลับจากสาวญี่ปุ่น สำหรับประเทศไทยที่มีสภาพแวดล้อมต่างจากญี่ปุ่นอยู่บ้างอาจจะต้องปรับเปลี่ยนสักหน่อย ลองไปประยุกต์ใช้ดูนะคะ
เรื่องแนะนำ :
– ทำความรู้จัก 13 ผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ในญี่ปุ่น
– โชทรี : ถ้วยซอสธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
– เมื่อมอเตอร์ไซค์กลับมาเป็นที่นิยมของหนุ่มใหญ่ชาวญี่ปุ่น
– ส่องอดีตกับกาชาปองโทรศัพท์มือถือญี่ปุ่นย้อนยุค
สรุปเนื้อหาจาก
– https://prtimes.jp
– http://oldweb.most.go.th
#พฤติกรรมการใส่น้ำหอมและเคล็ดลับสไตล์สาวญี่ปุ่น