8 กิจกรรมที่คงไม่ได้ทำชาตินี้ ถ้าเกตุวดีไม่ได้ไปญี่ปุ่น…ระดับการทำอาหารของดิฉันแย่มาก ตอนทำยำวุ้นเส้นดิฉันเทน้ำมันพืชลงไปในยำ เพราะคิดว่าน้ำมันทำให้วุ้นเส้นไม่พันกัน (คิดเองเออเอง ไม่ได้ถามพี่ๆ เล้ยยย) ตอนทำไข่เจียวใส่หัวหอม ดิฉันก็หั่นหัวหอมชิ้นใหญ่ และใส่ลงไปพร้อมไข่เลย เพราะคิดว่าผักสุกง่ายแน่ๆ ปรากฏว่าหัวหอมแข็งมาก
วันก่อนดิฉันได้มีโอกาสไปเล่าเรื่อง “ชีวิตเด็กทุนมงฯ” ในงาน Japan Expo Thailand เลยได้ขุดรูปย้อนอดีตระลึกเรื่องราวสมัยเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น สมัยเอ๊าะๆ มาเต็มเลย รูปช่วงแรกๆ ยังเป็นรูปฟิล์มอยู่เลยค่ะ ต้องเอากล้องโทรศัพท์มือถือถ่าย แล้วค่อยไปแปะสไลด์ Powerpoint
พอบรรยายเสร็จ ดิฉันก็มาแอบนั่งซึ้งเงียบๆ ที่บ้าน … โชคดีนะที่เราเลือกไปเรียนที่ญี่ปุ่น มีหลายอย่างที่ดิฉันไม่คาดคิดว่าจะได้ทำแน่ๆ หากเรียนที่เมืองไทย เช่น
1. ไปนอนบ้านคนที่ไม่เคยรู้จัก
ตอนไปญี่ปุ่น ดิฉันมีโอกาสได้ไปนอนที่บ้านคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยอยู่หลายแห่ง ส่วนมากสมัครผ่านโครงการโฮมสเตย์ค่ะ ข้อมูลเหล่านี้มีแปะอยู่ที่บอร์ดศูนย์นักเรียนต่างชาติในมหาวิทยาลัยอยู่บ่อยๆ มีกี่ที่เกตุวดีสมัครไปหมด ดิฉันเลยได้มีโอกาสได้ไปพักบ้านคนญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือ (ฮอกไกโด) กลาง (คานาซาว่า โกเบ โอซาก้า ฮิโรชิม่า) ยันภาคใต้ (คาโกชิม่า)
แต่ละบ้าน แต่ละภูมิภาค นิสัยคน อาหารการกิน โครงสร้างบ้าน อย่างบ้านที่ฮอกไกโดพื้นจะเป็นฮีทเตอร์เลย กระจกหนาสองชั้น ทำให้อุ่นกว่าบ้านที่เมืองโกเบที่ฉันอยู่มากๆ
กรณีที่แปลกที่สุด คือ ดิฉันตัดสินใจไปพักบ้านคุณลุงท่านหนึ่งที่ได้เจอกันบนรถไฟชิงกังเซ็นค่ะ 555 … เรื่องมีอยู่ว่าขณะที่ดิฉันกำลังนั่งรถไฟกลับจากโฮมสเตย์ที่จังหวัดฮิโรชิม่า ดิฉันหยิบหนังสือนิยายอะไรสักอย่างเป็นภาษาไทยมาอ่าน คุณลุงที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็น ก็เลยชวนคุย … ท่านเป็นอาจารย์ และแต่งหนังสือภาพเกี่ยวกับช้าง ท่านเองคุ้นเคยกับคนไทยดี ท่านขอที่อยู่ดิฉันเพื่อส่งหนังสือภาพมาให้ และชวนดิฉันมาพักที่บ้านท่าน
หลังจากนั้น 2 เดือน ดิฉันมีธุระแวะไปที่เมืองนาโกย่าพอดี เลยได้มีโอกาสแวะไปพักที่บ้านของท่าน ท่านก็ให้ดูหนังสือภาพ แถมมีช่องโทรทัศน์นำเรื่องราวในหนังสือภาพของท่าน มาทำเป็นสารคดีด้วย
คิดว่าถ้าเป็นเมืองไทยมีคุณลุงไม่รู้จักชวนคุยบน BTS ดิฉันคงไม่ตามไปพักที่บ้านแกเป็นอย่างแน่นอน … ประสบการณ์นี้ Japan Only ค่ะ
2. ได้ทำกับข้าว
ดิฉันเป็นคนที่ทำกับข้าวไม่เป็นเลย เตาที่บ้านเป็นเตาแก๊ส เวลาจุด มีเปลวไฟสีน้ำเงินลุกขึ้น สารภาพตรงๆ ว่ากลัว … แต่พอไปอยู่ญี่ปุ่น มันมีโอกาสให้ทำอาหารเยอะเหลือเกิน
อย่างคลาสนักเรียนญี่ปุ่นที่เรียนภาษาไทย หรือคนญี่ปุ่นที่เรียนภาษาไทย ก็ชอบจัดปาร์ตี้ทำอาหารไทยกินกัน ดิฉันในฐานะคนไทยก็ต้องออกโรงเป็นธรรมดา ในตอนแรกนั้นระดับการทำอาหารของดิฉันแย่มาก ตอนทำยำวุ้นเส้นดิฉันเทน้ำมันพืชลงไปในยำ เพราะคิดว่าน้ำมันทำให้วุ้นเส้นไม่พันกัน (คิดเองเออเอง ไม่ได้ถามพี่ๆ เล้ยยย) ตอนทำไข่เจียวใส่หัวหอม ดิฉันก็หั่นหัวหอมชิ้นใหญ่ และใส่ลงไปพร้อมไข่เลย เพราะคิดว่าผักสุกง่ายแน่ๆ ปรากฏว่าหัวหอมแข็งมาก คนญี่ปุ่นพยายามกอบกู้หน้าดิฉันด้วยการเอาฝามาปิดกระทะ พร้อมใช้ไฟอ่อนๆ “อบ” ไข่เจียวหัวหอมให้สุกนุ่ม
พอต้องทำอาหารบ่อยๆ ดิฉันก็พยายามเรียนรู้จากพี่ๆ บ้าง ดูโทรทัศน์บ้าง รายการญี่ปุ่นนี่ไม่รู้ทำไม ชอบมีรายการสอนทำอาหารแทบทุกเวลา เช้า สาย บ่าย เย็น พวกเทคนิคการทำกับข้าวเจ๋งๆ เช่น “ผัดผักอย่างไรให้ผักยังกรอบ เอาไปเวฟอีกทีก็ยังกรอบอยู่” หรือ “วิธีชงชานมให้หอมอบอวลในปาก” หรือไม่ก็ให้ดารามาแข่งกันทำอาหาร ดูแล้วก็สนุกเพลินดี จนอยากลุกขึ้นมาทำไปด้วย
ปัจจุบันดิฉันสามารถทอดไข่เจียวให้เหลืองสวยและหัวหอมสุกได้แล้วค่ะ ☺
3. ได้แหงนหน้ามองดูท้องฟ้า
อันนี้เป็นเรื่องแปลกใหม่มากสำหรับดิฉัน คุณผู้อ่านโดยเฉพาะท่านที่อยู่กรุงเทพฯ รู้สึกไหมคะว่าเราไม่เคยคิดจะแหงนขึ้นไปมองท้องฟ้าเท่าไรเลย อาจเป็นเพราะตึกสูงๆ บัง มองไม่ค่อยเห็นท้องฟ้า หรือส่วนใหญ่เราขับรถนั่งรถทำให้ไม่ค่อยได้เห็น
แต่พอไปอยู่ญี่ปุ่น ดิฉันได้เดินตามท้องถนนเยอะขึ้น ทำให้มีโอกาสมองเห็นฟ้ามากขึ้น นอกจากนี้ตึกในญี่ปุ่น (ยกเว้นโตเกียว) ก็สร้างไม่ค่อยสูงเท่าไร คงเพราะกลัวแผ่นดินไหวด้วย ทำให้เรามองเห็นท้องฟ้าได้ชัดแจ๋ว ท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปทุกวัน (พรรณนาได้นางเอกมาก…) แต่สวยจริงๆ ….
โดยส่วนตัว ดิฉันคิดว่าท้องฟ้าที่สวยที่สุด คือ หน้าใบไม้ร่วงค่ะ ฟ้าใสปิ๊ง ไม่มีเมฆเลย ตอนที่ท้อๆ หรือเหนื่อยล้ากับชีวิตการเรียน ดิฉันมักนึกถึงเพลงสุกี้ยากี้ (Ue o muite arukou) ที่ แปลว่า เงยหน้ามองฟ้าแล้วก้าวเดินต่อไปเถอะ ฮัมเพลงในหัวไปเงยหน้ามองท้องฟ้าไป ให้กำลังใจได้ดีมากค่ะ
4. ไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
แม้จะจบสายศิลป์-คำนวณมา ดิฉันไม่เคยเรียนเรื่องศิลปะอะไรเลย (แล้วทำไมตั้งชื่อสาย “ศิลป์” ก็ไม่ทราบ … วานกระทรวงศึกษาช่วยชี้แจง) ดิฉันเริ่มเข้าสู่วงการศิลปะ เพราะมีคุณป้าชาวญี่ปุ่นชวนไปเดินพิพิธภัณฑ์ด้วยกัน เปิดโลกดิฉันมาก …. คุณป้าท่านนั้นไม่ได้สอนอะไรดิฉันมากหรอกค่ะ แต่ดิฉันรู้สึกว่าเวลามองภาพวาดดีๆ ระดับโลก มันมีเสน่ห์มีพลังจริงๆ
ตอนไปดูภาพของ Monet ก็รู้สึกผ่อนคลายเหมือนล่องลอยไปในอากาศ (ภาพแนว Impressionism จะฟุ้งๆ สี pastel หวานๆ) Monet จึงอยู่อันดับหนึ่งในศิลปินที่ดิฉันโปรดปราน แต่พอมาเจอภาพ Van Gogh นี่ต้องขอโทษลุง Monet ดิฉันถูกจริตกับภาพ Van Gogh มาก แนว Impressionism เหมือนกันแต่สีสันสดใส ดูแล้วจะสกิ๊ปขาลั้ลลาในแกลเลอรี่ (แต่…ชีวิตจริงไม่ได้นะคะ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ดุมาก ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด)

ดิฉันคิดว่าคนญี่ปุ่นโชคดี มีการจัดงานแสดงศิลปะของศิลปินดังๆ ระดับโลก หรือภาพจากพิพิธภัณฑ์ดังๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มาแสดงอยู่เสมอๆ เวลามีงานอะไร เขาก็จะติดโฆษณาในรถไฟ หรือโปสเตอร์ที่สถานี
ศิลปะเป็นเรื่องเข้าถึงได้และเข้าไปดูได้ง่ายมากเลยค่ะ
5. ไปประกวดสุนทรพจน์
การแข่งประกวดสุนทรพจน์นี่ เป็นหนึ่งในงานอดิเรกประจำปีของดิฉันเลยค่ะ แต่ละเมืองจะมีการจัดงานให้นักศึกษาต่างชาติมาแข่งสุนทรพจน์เป็นภาษาญี่ปุ่น รางวัลใหญ่เล็กต่างกันไป แต่ที่ชีวิตดิฉันมีอุปกรณ์เทคโนโลยีครบครัน อาทิ โทรทัศน์สีจอแบน กล้อง DSLR กล้องวีดีโอ ก็เป็นอานิสงส์จากการแข่งสุนทรพจน์นี้แหละค่ะ ตั๋วเครื่องบินไปกลับโอซาก้า-ออสเตรเลีย กับตั๋วโอซาก้า-บาหลี ก็เคยได้มา ชีวิตดีมากช่วงนั้น

6. ได้เต้น street dance (เต้นตรงถนน)
สมัยอยู่มหาวิทยาลัย ดิฉันเห็นชมรมเต้น Yosakoi แล้วประทับใจในความแข็งขันสนุกสนานของพวกเขาก็เลยไปขอเข้าชมรมด้วย ฝึกซ้อมโหดใช่เล่นนะคะ น้ำหนักลดไปหลายโลเลย ครูฝึกของพวกเราบอกเสมอๆ ว่า “ใส่ใจเข้าไป ปลดปล่อยอิสระออกมาให้เต็มที่ แสดงความรู้สึกให้เต็มที่ ยิ้มอีก ทำให้คนสนุกเข้าไปอีก!!!” การเต้นที่นี่เน้นพลัง เน้นความกระฉับกระเฉง ไม่ใช่ความอ่อนช้อยสวยงามแบบไทยเลยค่ะ

7. ได้สัมผัสแผ่นดินไหว
อยู่มา 8 ปี เจอแผ่นดินไหวที่รู้สึกกับตัวแค่ 3-4 ครั้งค่ะ มีครั้งหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวตอนดิฉันนอนในหอ เสียงมันดังตึ้ง! แล้วพื้นก็สั่นกึกๆๆ ไอ้เราก็นึกว่าห้องไหนทำกระเป๋าเดินทางหล่นหรือเปล่า แต่เพื่อนมาบอกทีหลังว่า ตะกี้น่ะ แผ่นดินไหว
8. ได้ไปในที่ที่ไม่ได้คิดว่าจะได้ไป
อานิสงส์ข้อนี้ มาจากงานล่ามล้วนๆ ค่ะ สถานที่แปลกๆ ที่ไม่คิดว่าจะได้ไป ได้แก่ ..
– สถานที่คุมขังนักโทษ
– ห้องสอบปากคำ (สำนักงานอัยการ)
– ซ่อง (แต่แค่เดินผ่านนะคะ … อันนี้ตอนพาอาจารย์นักสังคมศาสตร์จากไทยไปดูงาน)
– ห้องสอบสวนผู้ต้องสงสัยที่สนามบิน
ได้พบคนหลากหลายแบบดี เสียดายยังไม่มีโอกาสได้เป็นล่ามดารา ไม่งั้นคงได้มีเรื่องเบื้องหลังมาเล่าอีกเยอะ
คุณผู้อ่านท่านไหน ได้สัมผัสประสบการณ์อะไรแปลกใหม่ที่ไม่น่าจะได้ทำในเมืองไทย แบ่งปันกันได้เลยนะคะ อยากฟัง ☺
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura
อ่าน Japan Gossip ทั้งหมด CLICK HERE
เรื่องแนะนำ :
– ทำไมญี่ปุ่นไม่มีการจอดรถซ้อนคัน
– สิ่งที่คนญี่ปุ่นแปลกใจเมื่อมาโฮมสเตย์บ้านคนไทย
– จัดงานประดับไฟอย่างไรให้ได้เงิน…บทเรียนจากงาน Luminarie เมืองโกเบ
– ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ปฏิเสธไกด์บุ๊คมิชลิน
– เจาะลึกครอบครัวญี่ปุ่น: ช่องว่างระหว่างคุณพ่อกับลูกสาว