ประเทศญี่ปุ่นเต็มไปด้วยเกมการละเล่นมากมาย แต่ละเกมก็สะท้อนถึงสังคมและวัฒนธรรมต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นที่แตกต่างกันไป ในวันนี้อยากจะมาแนะนำเกมกระดานที่ได้รับความนิยมมาแต่โบราณจนถึงปัจุบันให้รู้จักกันค่ะ
ประเทศญี่ปุ่นเต็มไปด้วยเกมการละเล่นมากมาย แต่ละเกมก็สะท้อนถึงสังคมและวัฒนธรรมต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นที่แตกต่างกันไป ในวันนี้อยากจะมาแนะนำเกมกระดานที่ได้รับความนิยมมาแต่โบราณจนถึงปัจุบันให้รู้จักกันค่ะ
1. หมากล้อม หรือ โกะ 囲碁 (いご)
มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน เมื่อประมาณ 3,500 ปีมาแล้วและเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศญี่ปุ่น หมากล้อมหรือโกะในประเทศญี่ปุ่นเริ่มได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในช่วงยุคสมัยของโชกุนโทะกุงะวะ ที่มีการสนับสนุนให้ทหารฝึกฝนการเล่นหมากล้อม รวมถึงมีการจัดตั้งสำนักโกะขึ้น และจัดให้มีการแข่งขันเพื่อค้นหาผู้ที่มีฝีมือจากทั่วทั้งประเทศ ปัจจุบันโกะได้รับความนิยมไปทั่วโลกในต่างประเทศมีการตั้งชมรมและจัดการแข่งขันกันอย่างแพร่หลาย
สำหรับผู้เล่นทั่วไปจะใช้กระดานขนาด 19×19 ช่องมีจุดตัดทั้งหมด 361 จุด แต่สำหรับผู้เล่นใหม่นิยมใช้กระดานที่เล็กลงมาอยู่ที่ 9×9 หรือ 13×13 หมากล้อมจะมีตัวหมากที่ใช้เดินทั้งหมด 2 สี คือ ดำกับขาว โดยแต่ละฝ่ายจะเลือกสีของตัวเอง และหากใครสามารถกินหมากของอีกฝ่ายได้มากที่สุดก็ถือว่าเป็นฝ่ายชนะไป เกมหมากล้อมมีกฏการเล่นอยู่ 2-3 ข้อดังนี้ค่ะ
1. ผู้เล่นที่ใช้หมากสีดำจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
2. ผู้เล่นทั้ง 2 คนจะผลัดกันวางหมากลงบนจุดตัดบนกระดาน หมากที่ถูกวางบนกระดานแล้วจะไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อีก
3. หากตัวหมากโดนล้อมด้วยสีของฝ่ายตรงข้าม หมากตัวนั้นจะถูกหยิบออกจากกระดานแข่งขัน ถึงแม้จะมีกฏเหล็กเพียงไม่กี่ข้อแต่เกมหมากล้อมก็ถือเป็นเกมที่ซับซ้อนมีความหลากหลายและคาดเดาได้ยากยิ่งนัก
2. หมากรุกญี่ปุ่น หรือ โชกิ 将棋
โชกิมีถิ่นกำเนิดจากเผ่าอินเดียโบราณและเริ่มแพร่หลายในทวีปยุโรปและเอเชีย ในสมัยเฮอันโชกิมีชื่อเรียกว่า “เฮอันโชกิ” และต่อมาในสมัยเอโดะได้มีการก่อตั้งชมรมโชกิขึ้นจึงทำให้การละเล่นโชกิสามารถพบเห็นกันอย่างแพร่หลายนับตั้งแต่นั้น ในช่วงปีคศ. 1947 ได้มีการก่อตั้งสมาพันธ์โชกิแห่งประเทศญี่ปุ่นขึ้นและเริ่มมีการจัดการแข่งขันกันอย่างจริงจัง
สำหรับอุปกรณ์พื้นฐานของการเล่นโชกิคือกระดานขนาด 9×9 ช่อง และตัวหมากทั้งหมด 40 ตัว แบ่งออกเป็นฝั่งละ 20 ตัว โดยหมากแต่ละชิ้นจะถูกเขียนชื่อด้วยตัวอักษรคันจิด้านบน โชกินั้นมีวิธีการเล่นโดยรวมคล้ายกับหมากรุกของฝั่งยุโรปที่ถ้าสามาถจัดการกับกษัตริย์ของอีกฝ่ายได้ก็จะถือว่าเป็นฝ่ายชนะ อย่างไรก็ตามโชกิก็ยังมีกฎการเล่นที่ยิบย่อยมากกว่านั้น ยกตัวอย่างเช่น
1. ตัวหมากแต่ละชิ้นจะมีรูปแบบการเดินที่แตกต่างกัน
2. หากพบหมากของฝ่ายตรงข้ามขวางทางเดินของหมากฝ่ายตนเองสามารถกินหรือหยิบหมากตัวนั้นออกจากกระดานและนำหมากของเราวางแทนที่ได้
3. เมื่อหมากของผู้เล่นสามารถเดินเข้าไปในเขตวางหมากของฝั่งตรงข้าม หมากตัวนั้นจะสามารถเลื่อนขั้นได้โดยการพลิกตัวหมากโดยสามารถเปลี่ยนข้อจำกัดและวิธีการเดินของหมากตัวนั้นได้
หมากรุกญี่ปุ่นหรือโชกินั้นถือว่าเป็นหมากที่มีกลยุทธ์และวิธีการเล่นที่ซับซ้อนหากจะเล่นให้คล่องจำเป็นที่จะต้องศึกษาวิธีการเล่นรวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ให้ลึกซึ้ง
3. สุโกโระคุ E-Sugoroko (絵双六)
สุโกะโระคุ เป็นเกมกระดานโบราณของประเทศญี่ปุ่น โดยเกมสุโกโระคุนั้นจะมี 2 ประเภทคือแบบ ban-sugoroku 盤双六 หรือบอร์ดเกมส์ และ E-Sugoroko (絵双六)ที่ได้รับความนิยมมากกว่า โดย E-Sugoroko นั้นลักษณะการเล่นจะเหมือนเกมบันไดงูที่เราคุ้นเคย โดยเด็กๆ จะนิยมเล่นในวันปีใหม่
วิธีการเล่นก็คือ ผู้เล่นจะผลัดกันทอยลูกเต๋าและเดินไปตามจำนวนช่องของลูกเต๋าที่ทอยได้ โดยแต่ละช่องก็จะมีอุปสรรคและบันไดให้เราเดินไปตามทาง หากใครเดินไปถึงตรงกลางได้ก่อนก็ถือว่าชนะ เกมกระดานสุโกโระคุแบบ ban-sugoroku ถือกำเนิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 6 และแบบ E-Sugoroko กำเนิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 และก็ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย
4. ไพ่นกกระจอก
ไพ่นกกระจอกมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีนเราจึงพบเห็นการละเล่นไพ่นกกระจอกได้ทั่วไปทั้งในละครและสื่อต่างๆ แต่รู้ไหมคะว่ามาจองหรือไพ่นกกระจอกนั้นก็ยังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยไพ่นกกระจอกนั้นติด 1 ใน 10 อันดับเกมกระดานที่ควรเล่นในวันฝนตกอีกด้วยนะคะ
ไพ่นกกระจอกถูกนำเข้ามายังประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกในปีคศ. 1924 โดยนายทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ฮาริยาม่า ซาบุโระ (Saburo Hirayama) ด้วยความชื่นชอบในเกมไพ่นกกระจอกนายฮาริยาม่าได้ก่อตั้งชมรมไพ่นกกระจอกขึ้นมาในโตเกียว และจากนั้นไพ่นกกระจอกก็เริ่มแพร่หลาย กลายเป็นกิจกรรมยามว่าง และชมรมกิจกรรมในโรงเรียนต่างๆ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเกมกระดานในประเทศญี่ปุ่นที่ถูกเล่นกันอย่างแพร่หลาย เกมนั้นนอกจากจะสะท้อนถึงร่องรอยทางประวัติศาสตร์แล้ว เกมยังแสดงถึงการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมของมนุษย์อีกด้วย การอนุรักษ์และพัฒนาเกมในสมัยโบราณให้สามารถเข้ากันได้กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปถือเป็นจุดเด่นอีกข้อหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นจริงๆค่ะ
เรื่องแนะนำ :
-Hobonichi Techo 2020 วางจำหน่ายแล้ว และเปิดตัวสมุดบันทึกแบบใหม่ Day-Free เมื่อ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
– เกมจับคู่และศิลปะบนเปลือกหอย ไคอะวาเซะ (Kai-awase)
– ไพ่คารุตะ การละเล่น กีฬา และศิลปะ
– ยอดดาวน์โหลดแรงแซงโค้ง Mario Kart Tour ทะยานขึ้นอันดับ 1 ทั้งระบบ iOS และ Android
– Sanrio X Reebok Instapump Fury OG คอลเลกชั่นพิเศษเอาใจสายแบ๊วกับลายกุเดะทามะและเฮลโลคิตตี้
ขอบคุณข่อมูลและรูปภาพจาก :
-http://questionjapan.com/blog/things-to-do/japanese-board-games/
-https://samuraimeetups.or.jp/culture/5-traditional-japanese-tabletop-games