วันก่อนข้าพเจ้าเห็นข่าวห้างญี่ปุ่นเก่าแก่แห่งหนึ่งชื่อว่า Yamako ที่ตั้งอยู่ที่เมือง Kofu จะปิดตัวปีนี้วันที่ 30 กันยายน หลังจากทำธุรกิจมา 65 ปี ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ของญี่ปุ่น เริ่มปิดสาขากันเยอะ โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ตามชานเมือง
[box type=”custom” bg=”#F5F5F5″ radius=”10″ border=”#BEBEBE”]เล่าโดย วสุ มารุมุระ www.marumura.com
ไปห้างญี่ปุ่นแล้ว feel good ไหม?
ปีที่แล้ว ห้างสรรพสินค้าชั้นหรูของญี่ปุ่น Takashimaya มาเปิดสาขาที่ Iconsiam
นอกจากนี้แล้ว ในความทรงจำของข้าพเจ้า ประเทศไทยนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นอยู่อีก 2 ที่เปิดบริการอยู่คือ Isetan ตรง Central world และก็ ห้าง Tokyu ตรงมาบุญครอง (หรือที่เราย่อกันว่า MBK)
หากมีห้างญี่ปุ่นอื่นในไทยที่ยังเปิดทำการอยู่ แต่ตกหล่นไปก็บอกกันได้ครับ
ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าเพิ่งมาทราบหลังๆ ว่าแถวพระโขนงก็เคยมีห้าง Daimaru จากปากคำผู้ใหญ่ที่เคยอาศัยแถวๆ นั้นเล่ามา ย่านนั้นถือได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของชุมชนเลยทีเดียว
ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นเหล่านี้ มีชื่อเรียกหนึ่งในภาษาญี่ปุ่นว่า
百貨店
ひゃっかてん
[เฮียะคะเทน]
ซึ่งชื่อ 百貨店 [เฮียะคะเทน] มีที่มาจากคำว่า
百 {ひゃく} [เฮียะคุ] (เลข) ร้อย
貨 {か} [คะ] สินค้า
店 {みせ} [มิเซะ] ร้าน
เลยทำให้ได้ความหมายว่า “ร้านที่มีสินค้าเยอะๆ เป็นร้อยๆ อย่าง” หรือ “ห้างสรรพสินค้า” นั่นเอง
คนญี่ปุ่นเองบางทีก็ใช้คำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษเช่นคำว่า Department store เรียกย่อสั้นๆว่า
デパート
[เดะพาโตะ]
ซึ่งมาจาก depart(ment store)
ลักษณะของ ห้าง “เฮียะคะเทน” มีรากเหง้ามาจากธุรกิจร้านขายเสื้อผ้า จนกลายมาเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นหน่อยๆ
กลิ่นอายที่ว่านี้ ยากที่จะอธิบายนิดนึง แต่รู้สึกถึงการให้บริการแบบอ่อนน้อมถ่อมตน หรือ “โอะโมะเทะนะชิ” และอาจจะมีความรู้สึก “เก่าๆ” เพราะว่าห้างเปิดมายาวนาน ลักษณะพื้นที่ดีไซน์ของห้างจะเป็น close space ที่เป็นลักษณะกระจุก ตั้งอยู่ในตึกสูงพื้นที่จำกัด ซึ่งขยายพื้นที่ได้อย่างมากในแนวตั้ง ตึกมักจะสูงถึง 10-12 ชั้น บวกกับชั้นใต้ดินถึง B1 B2 (นายคิดอย่างนั้นไหม?) ร้านอาหารมักอยู่ชั้นบนๆ ทำให้การรอลิฟท์มักรู้สึกยาวนาน
วันก่อนข้าพเจ้าเห็นข่าว ห้าง “เฮียคะเทน” เก่าแก่แห่งหนึ่งชื่อว่า Yamako ที่ตั้งอยู่ที่เมือง Kofu จังหวัดยามานาชิ จะปิดตัวปีนี้วันที่ 30 กันยายน หลังจากทำธุรกิจมา 65 ปี
ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ของญี่ปุ่น เริ่มปิดสาขากันเยอะ โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ตามชานเมือง
ในความทรงจำของข้าพเจ้า ห้างที่ว่านี้ก็อย่างเช่น Mitsukoshi, Matsuzakaya
ปีที่แล้ว ห้าง มารุเอ (丸栄) ที่มีอายุยาวนานมา 403 ปีในนาโกย่า ก็ปิดตัวลงไป
ลูกค้าลดลง ยอดขายลดลง ห้างปิดตัวลง
หากสังเกตดูห้างเหล่านี้ เป็นห้างพื้นที่เล็ก ในห้างเน้นขายเสื้อผ้าสะมากกว่า สมมติในห้างมีสัก 10 ชั้น ก็มีชั้นที่เกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าปาไปสัก 6 ชั้นได้แล้ว ทำให้ห้างขาดความหลากหลาย ซึ่งการที่ห้างมีเสื้อผ้าขายเยอะ ก็มาจากรากเหง้าเดิมที่ห้างเป็นร้านขายเสื้อผ้าเป็นหลัก
ปัจจุบันนี้การมาห้างเหล่านี้ก็อาจจะมาเพื่อ Supermarket ที่ตั้งตามชั้น B1 หรือ รับประทานอาหารในชั้นสูงๆ
ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีห้างใหม่ๆ เปิดหลายห้าง ตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ อย่าง อุเมะดะ ชินจูกุ ซากาเอะ ผู้คนเลือกไปห้างใหม่ๆ ที่อยู่ตามสถานีใหญ่ๆ หรือไม่ก็ซื้อของออนไลน์ แต่ตัวเลขของคนซื้อของออนไลน์มีแค่ไหนนี้ ก็มิอาจคาดเดา
การปิดตัวของห้างเก่าแก่ เท่าที่สังเกตดู คล้ายๆ ในไทยเราที่เมื่อก่อนมีห้าง เวลโก้ เมอรี่คิง แล้วก็ปิดตัวลงไป ปัจจุบันหลงเหลือกลุ่ม The Mall และ Central ที่ปรับลักษณะห้างให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น มี variety อะไรให้ทำมากขึ้นเช่น ชมภาพยนตร์ได้ มีฟิตเนส
วันที่ห้างที่ญี่ปุ่นปิดตัวลง เราจะเห็นภาพข่าวทางทีวีที่ Shutter ประตูห้างเลื่อนลง พนักงานในห้างมายืนก้มลงคำนับขอบคุณ แลดูเป็นภาพที่เศร้าๆ เหงาๆ เห็นการสัมภาษณ์ลูกค้าสูงอายุมาแวะห้างวันสุดท้าย แสดงความเสียดาย
ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่ามันคงช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ ที่คนจะไปเดินห้าง “เฮียคะเทน” น้อยลง
แต่ก็ยังมีหลายๆ ห้าง “เฮียคะเทน” ที่ปรับตัวไปตามยุคสมัย อย่างเช่นที่เมื่อก่อนชั้น 1 มีขายเครื่องสำอาง ก็เปลี่ยนมาขาย “ขนมน่าอร่อย” เรียกให้คนเข้าห้างง่ายๆ ส่วนเครื่องสำอางเอาไปไว้ชั้นสอง ในที่ๆลับตาคนนิดนึง เหล่าคุณผู้หญิงจะได้เลือกซื้อเครื่องสำอางด้วยความเป็นส่วนตัว
ในส่วนหนึ่งที่ข้าพเจ้ามองคือการทำห้างที่ญี่ปุ่น ดูน่าสนใจสำหรับคนต่างชาติ ข้าวของในห้าง “เฮียคะเทน” อาจจะดูราคาแพง แต่ถ้ามีการวางนำเสนอ สินค้าดีๆ เป็นภาษาอังกฤษกำกับบอก ก็อาจจะช่วยเรียกลูกค้าเพิ่มขึ้น (แต่นี่เป็นเพียงการสมมติยกตัวอย่างครับ)
หากมีโอกาสก็ลองไปเดินห้าง “เฮียคะเทน” ดูสักครั้งนะครับ เราอาจจะแวะไปกินอาหารที่ภัตตาคาร ไปสัมผัสวัฒนธรรมของ ห้างญี่ปุ่น ดูสักครั้งครับ
หากข้าพเจ้าแนะนำก็ ไปเดินห้างฮันคิวที่อุเมะดะ หรือห้าง Takashimaya สาขานาโกย่า
หรือถ้าเอาใกล้ๆ ก็ไปห้างอิเซตัน ที่ Central world
ซึ่งจากปากคำของเพื่อนข้าพเจ้าคนหนึ่ง ในวันที่เขาเหนื่อย เขาบอกว่าจะไป shopping ที่ อิเซตัน เพื่อที่ต้องการ “feel good” จากการบริการจากทางห้างครับ
การปรับตัวของห้างญี่ปุ่นเหล่านี้ เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้สร้างคุณค่าใหม่ๆ
ซึ่งพวกเราเองก็เช่นกันครับ
[box type=”custom” bg=”#F5F5F5″ radius=”10″ border=”#BEBEBE”]เขียนโดย วสุ มารุมุระ www.marumura.comทักทายพูดคุยกับ Wasu ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan
เรื่องแนะนำ :
– [เรื่องสั้น] ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงจำเป็นไหม
– การขึ้นราคาข้าวของในญี่ปุ่นปี 2019
– คณะกรรมการศึกษาเมืองโอซึ ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการกลั่นแกล้งในโรงเรียน
– 政権 [เซเคน] อำนาจทางการเมือง, รัฐบาล
– [เรื่องสั้น] ความร้อนแห่งเหมันตฤดู
อ้างอิง
https://mainichi.jp/articles/20190301/k00/00m/020/200000c
https://www.mag2.com/p/news/234559.